จุดประสงค์ เพื่อให้นักเรียน ม.6 ได้สืบค้นข้อมูลทาง Internet
คำเฉพาะกลุ่มและคำเฉพาะวงการ
คำเฉพาะกลุ่ม หมายถึง คำที่ใช้ในกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มผู้สูงอายุ หรือภาษาถิ่นต่างๆ เช่น ภาษาไทยถิ่นใต้ ภาษาส่วย ภาษาไทพวน ภาษายะกูร ฯลฯ ส่วนคำในวงการ หมายถึง คำที่ใช้พูดหรือสื่อสารเป็นที่เข้าใจเฉพาะวงการนั้น ๆ หรือในกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพเดียวกัน คำเหล่านี้อาจจะเป็นคำที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ คำที่สร้างขึ้นใหม่หรืออาจจะสร้างสำนวนใหม่ ๆ ขึ้นใช้ก็ได้ ในกรณีที่มีการกำหนดศัพท์ใช้ในวงการนั้นอย่างเป็นทางการ เรียกว่า ศัพท์เทคนิค
หลักการใช้คำเฉพาะกลุ่ม
๑. ควรทำความเข้าใจความหมายของคำนั้น ๆ ให้ชัดเจน เพราะคำ ๆ หนึ่งอาจมีความหมายแตกต่างไป เมื่อปรากฏใช้ในต่างกลุ่มชน เช่น คำว่า “รักษา” ในภาษาไทยมาตรฐานหมายถึง เยียวยารักษา ดูแลอาการไข้ หรือเจ็บป่วยให้หายเป็นปกติ แต่ในภาษาไทยถิ่นใต้ หมายถึง “เลี้ยง” เช่น รักษาเป็ด รักษาไก่ รักษาหมู หมายถึง เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เป็นต้น การศึกษาความหมายให้ถ่องแท้ จะทำให้การสื่อสารนั้นไม่ผิดพลาด สับสน ประสบผลสัมฤทธิ์ในที่สุด
๒ ภาษาเฉพาะกลุ่มที่เรียกว่าคำคะนอง หรือสแลง เป็นคำที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่นานก็เสื่อมความนิยมและเลิกใช้ไปในที่สุด การใช้คำกลุ่มนี้ต้องเข้าใจว่าใช้เพื่อทำให้เกิดความหมายเชิงอารมณ์ ทำให้ภาษามีสีสัน มากกว่าเพื่อสื่อความหมายที่ชัดเจน เนื่องจากคำคะนองนั้น บางครั้งก็ไม่สามารถบอกความหมายที่แท้จริงได้ เพราะใช้ตามกันมาในสถานการณ์ที่กลุ่มกำหนดขึ้น จนกลายเป็นภาษาของกลุ่มตน เช่น โก๊ะกัง เป็นคำคุณศัพท์ หมายถึง ไม่ดี ต่ำ น่าตลก ขบขัน ขยายได้ทั้งคำนาม และคำกริยาได้ทุกคำ ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น หล่อนอย่าทำตัวโก๊ะกังได้ไหม เป็นต้น กิ๊ก เป็นคำนาม หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ถึงขั้นการเป็นคู่รัก เด็กแนว เป็นคำนาม หมายถึง เด็กรุ่นใหม่หัวก้าวหน้า
หลักการใช้คำเฉพาะวงการ
๑. คำเฉพาะวงการเป็นศัพท์พิเศษที่คนนอกวงการอาจจะไม่เข้าใจ ในกรณีที่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับวงการต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องศึกษาวงคำศัพท์ในวงการต่าง ๆ ให้ถ่องแท้ เพื่อที่การสื่อสารนั้นจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น แขวนนวม เป็นศัพท์ที่พบในวงการกีฬา ใช้กับนักมวยที่เลิกอาชีพ ต่อยมวย แขวนไมค์ เป็นศัพท์ที่พบในวงการบันเทิง หมายถึง นักร้องที่เลิกร้องเพลง
๒. ศัพท์เฉพาะวงการคำบางคำมีความหมายโดยนัย การรู้ความหมายตรงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอ จึงจำต้องทราบว่าคำ ๆ นั้นมีความหมายไปในเชิงบวก หรือเชิงลบ เพื่อจะได้เลือกใช้ให้ถูกต้องเหมาะสม เช่น “แรงซื้อ” เป็นศัพท์ในวงการหุ้น หมายถึง มีปริมาณการซื้อขายมาก เช่นเดียวกับคำว่า“ติดเพดาน” ทั้งสองคำนี้มีความหมายในเชิงบวก แต่เราจะไม่ใช้คำว่า “ปั่นหุ้น” อย่างเด็ดขาด แม้ว่าจะหมายถึง มีปริมาณการซื้อขายมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีความหมายในเชิงลบ เพราะการปั่นหุ้น คือ การทำให้หุ้นตัวใดตัวหนึ่งมีปริมาณการซื้อขายมากขึ้น หรือลดลงผิดปกติเพื่อหวังเก็งผลกำไรในภายหลัง
อ้างอิง สำนักพิมพ์พัฒนากสื่อารเรียนการสอน จ.ชัยภูมิ
น่าจะมีเนื้อหาสาระมากฟ่านี้อะจาเอาไปทามรายงานเซ้งเกวเยย
อยากไดข้อลูลเยอะๆๆ นี่มันน้อยเกิน
ขอข้อมูลเยอะๆๆๆๆๆน่าค่ะ
ขอข้อมูลเยอะกว่านี้หน่อยนะ
อยากให้ข้อมูลเยอะๆๆ
จะทำมาทำไมถ้าได้แค่นี้คนอื่นเขาเข้ามาแล้วไม่ได้อะไรแย่มากเลย
DNA : ดีเอ็นเอ (กรดดีออกซิไรโบนิวคลิอิก)
chemical physics : ฟิสิกส์เชิงเคมี
enzyme เอนไซม์
fluorescence :ฟลูออเรสเซนซ์, การวาวแสง, การเรืองแสง
kinetics :จลนพลศาสตร์ [อ่านว่า จะละนะพนละสาด]
metabolism :เมแทบอลิซึม, กระบวนการสร้างและสลาย
molecular biology :ชีววิทยาระดับโมเลกุล
physical biochemistry:ชีวเคมีเชิงฟิสิกส์
physical chemistry:เคมีเชิงฟิสิกส์
spectroscopy:สเปกโทรสโกปี
thermodynamics:อุณหพลศาสตร์
analog:แอนะล็อก
digital:ดิจิทัล
e-learning :อีเลิร์นนิง (การเรียนอิเล็กทรอนิกส์)
electronic mail :ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล)
file:แฟ้ม แฟ้มข้อมูล
graphic:กราฟิก
graphics:ภาพกราฟิกส์
hard disk:จานบันทึกแบบแข็ง
Internet:อินเทอร์เน็ต
video:วีดิทัศน์
web page:เว็บเพจ
web site:เว็บไซต์, ที่อยู่เว็บ
Pattern :กระสวน
standpoint:จุดยืน
Electric:ไฟฟ้า
red cross:กาชาด
Television:โทรทัศน์
Microscope:จุลทรรศน์
ross-stitch:ครอสสติตซ์
Night club:ไนต์คลับ
โอปอช่วยเพื่อนๆที่ยังไม่ได้ส่งรายงาน(เข้าใจความรู้สึกT^T)สู้ๆนะคะเพื่อนๆ