โรงเรียนพ่อแม่ในวันนี้ : การดำเนินงาน การประเมิน จนถึงการควบคุมกำกับ


จากการเรียนรู้มา 5 ปี..เรียนผิด เรียนถูกมาหลายครั้ง เลยขอแบ่งปันให้กับโรงพยาบาลที่กำลังจะเรียนรู้เช่นกันจะได้ทำงานง่ายขึ้น

     การเริ่มต้นก็คงไม่ต่างกันกับคนอื่นที่ไม่ได้เดินด้วยเส้นทางดอกกุหลาบ แต่มีหนามกุหลาบปะปนมาด้วย ...แต่มาเป็นวันนี้ที่คุยนักคุยหนาว่า โรงพยาบาลเรายังคงมีงานโรงเรียนพ่อแม่เป็นแหล่งให้ใครต่อใครเข้ามาศึกษาดูงานได้อย่างไร  ก็เลยอยากบอกเล่าเส้นทางโดยสรุปอีกครั้งว่า

ในวันเริ่มต้น...ทบทวนและทำความเข้าใจเกณฑ์การประเมินโรงเรียนพ่อแม่ และการประเมินสายใยรักใหม่ทั้งหมด

พูดคุยกับหัวหน้างานเพื่อคัดเลือก เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ  ใช้คณะกรรมการชุดเดียวกับสายใยรักได้เลยยิ่งดี  อย่างน้อยก็ควรประกอบด้วย ผู้ที่รู้เรื่องงานฝากครรภ์,งานห้องคลอด,งานหลังคลอด,งานตรวจสุขภาพเด็กดี,งานเยี่ยมบ้าน   ถ้ายิ่งได้ทีมสหสาขามาด้วยิ่งดีใหญ่ เช่น งานทันตกรรม,งานเภสัชกรรม,งานแพทย์แผนไทย ฯลฯ  

พอได้กรรมการแล้ว ก็มาพูดคุยทำความเข้าใจถึงระบบการสอนของแต่ละงานก่อน...แล้วทบทวนว่า

-แต่ละงานสอนอะไรบ้าง สอนเมื่อไหร่ มีการสอนที่ซ้ำซ้อนกันอยู่หรือไม่

-ใครเป็นผู้สอนประจำ แล้วถ้าวันที่เราไม่อยู่ใครสอนแทน

-มีการส่งต่อข้อมูลการสอนอย่างไรที่ให้รู้ว่าผู้รับบริการแต่ละคนได้รับการสอนเรื่องอะไรไปแล้วบ้าง

-มีการประเมินผลการสอนหรือไม่

เมื่อได้ประเด็นแล้ว แต่ละคนก็รับผิดชอบไปเขียนแผนการสอนของตนเองตามถนัดให้สอดคล้องกับการปฏิบัติได้จริง (ตัวอย่างแผนการสอน)

แผนการสอน

ทันตสุขภาพในหญิงตั้งครรภ์

กลุ่มเป้าหมาย

หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์น้อยกว่า 16 สัปดาห์และสามี/ญาติ

ระยะเวลาที่ใช้

45 นาที

 

 

จุดประสงค์การเรียนรู้

  1. หญิงตั้งครรภ์ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการดูแลในช่องปากขณะตั้งครรภ์
  2. บอกสาเหตุของการเกิดปัญหาภายในช่องปากในระยะตั้งครรภ์ได้
  3. บอกวิธีแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้อย่างถูกวิธี
  4. เข้ารับการตรวจรักษาภายในช่องปากในระยะตั้งครรภ์ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด

เนื้อหาสาระ

  1. โรคในช่องปากที่พบในระยะตั้งครรภ์ และสาเหตุ
  2. วิธีป้องกันการเกิดโรคในช่องปาก
  3. วิธีแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี
  4. ระยะเวลาในการไปรักษาฟันในระหว่างตั้งครรภ์

กระบวนการเรียนรู้

  1. ผู้สอนสนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับโรคในช่องปากที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน
  2. ผู้สอนให้ความรู้เกี่ยวกับโรคในช่องปากที่พบในระยะตั้งครรภ์ และสาเหตุของการเกิดโรค
  3. ผู้สอนสาธิตการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีกับผู้เรียนเป็นตัวอย่างโดยใช้โมเดลฟัน และให้เม็ดสีย้อมฟัน ให้หญิงตั้งครรภ์ไปตรวจประสิทธิภาพการแปรงฟันด้วยตนเอง
  4. ผู้สอนแนะนำหญิงตั้งครรภ์ถึงอายุครรภ์ที่เหมาะสมในการตรวจรักษา
  5. ผู้สอนขอตัวแทน เพื่อเก็บตัวอย่างขี้ฟัน แล้วนำมาส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ ขยายให้ผู้เรียนดูเชื้อโรคในช่องปากทาง  TV
  6. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายสรุปการดูแลสุขภาพช่องปากในหญิงตั้งครรภ์

สื่อการสอน

  • แผ่นสไลด์    1 แผ่น พร้อมไม้จิ้มฟันสำหรับเขี่ยขี้ฟัน
  • โมเดลสอนแปรงฟัน 1 ชุด
  • กล้องจุลทรรศน์พร้อม TV    1 ชุด
  • ไหมขัดฟัน  1 กล่อง
  • เม็ดสีย้อมฟัน  20 ห่อๆละ 2  เม็ด   

การวัดและประเมินผล

  1. การสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมจาก ความสนใจซักถาม  การตอบคำถามและการให้ความร่วมมือ
  2. ติดตามการนำความรู้ไปใช้ภายหลังการเรียนรู้ด้วยการสุ่มประเมินตามแบบสัมภาษณ์เรื่องทันตสุขภาพในหญิงตั้งครรภ์ เมื่อมารับบริการครั้งต่อไป
  3. ติดตามการกลับมาตรวจฟันตามนัด

เมื่อได้แผนการสอนแล้ว ตกลงบริการร่วมกันอีกครั้ง และประชุมประเมินผลการดำเนินงานภาพรวม โดยนำเสนอผลการประเมินการสอนและตัวชี้วัดโดยแต่ละงานนำเสนอกันเองซักปีละ 2 ครั้ง  เราจะพบปัญหาและจุดแข็งให้เลือกพัฒนาได้  แต่งานนี้ผู้บริหารควรรับทราบด้วยนะค่ะจะได้ช่วยกระตุ้น และเสริมแรงให้การทำงานง่ายขึ้น

 สิ่งที่อย่าลืม คือ ระบบการเก็บข้อมูลตามตัวชี้วัดของงานโรงเรียนพ่อแม่ (แล้วแต่โรงพยาบาลจะกำหนดกันเอง) แต่ที่ศูนย์อนามัยที่ 8 ใช้เกณฑ์คุณภาพ ได้แก่ ร้อยละของการมีส่วนร่วมของสามี/ญาติ,ความรู้ของผู้รับบริการ,การปฏิบัติตัวได้เหมาะสมของผู้รับบริการ,การสอนตามมาตรฐานของผู้สอน,ความพึงพอใจของผู้รับบริการ เพราะเราเดินทางมานานแล้ว เราจึงควบคุมกำกับเพื่อให้เกิดความคงอยู่ของภาพรวมของงานโรงเรียนพ่อแม่ เราจะสบายใจกว่าที่ปล่อยทิ้งไป แล้วปลูกผักชี เป็นครั้งคราว

เคล็ดลับในการทำงาน

  ถ้าเจ้าของแผนการสอนไม่สะดวกเขียนให้ ก็เขียนเองค่ะ...เขียนเป็นตุ๊กตาให้ก่อน โดยถามรายละเอียดการสอนจากเจ้าของแผน แล้วก็เพิ่มเติมให้ครบตามการประเมินของสายใยรักในส่วนที่ผู้ประเมินจะใช้สัมภาษณ์ผู้รับบริการนั่นล่ะ  จากนั้นนำแผนการสอนที่ร่างเสร็จแล้วไปให้เจ้าของแผนการสอนตรวจสอบ และใส่ชื่อเขาเป็นผู้รับผิดชอบ...(ตัวเราไม่ต้องไปเอาผลงานตรงนี้เลยค่ะ ถือว่าให้เกียรติเขา แล้วงานจะราบรื่นขึ้นค่ะ)

    การประเมินผลการสอน พยายามนำมาบูรณาการกับงานประจำ เช่น

-การประเมินหญิงฝากครรภ์ใช้การสุ่มประเมินปีละ 2 ครั้งตามแบบประเมินสัมภาษณ์สายใยรัก จะแยกแต่ละแผนการสอนก็ได้ เช่น หลังสอนเรื่องยา ก็ประเมินเรื่องการกินยาเมื่อมารับบริการครั้งต่อไป,การสอนเรื่องเตรียมตัวคลอดก็ประเมินเมื่อมาคลอดโดยใช้แบบ D/C Plan ที่ประยุกต์ให้สอดคล้องกับ QA ตามมาตรฐานการพยาบาลและแผนการสอนโรงเรียนพ่อแม่และเกณฑ์ประเมินสายใยรัก(ดังนั้นจะประเมินเรื่องการเตรียมตัวก่อนคลอดได้ทุกคนที่มาคลอด)

-การประเมินหญิงหลังคลอด ใช้แบบ D/C Plan เช่นกันโดยประเมินก่อนจำหน่าย ให้ผู้รับบริการประเมินเอง แล้วเจ้าหน้าที่ทวนสอบก่อนจำหน่ายซ้ำ (ก็จะประเมินได้ทุกคน)

-การประเมินในเด็ก0-5 ปี ใช้การสุ่มสัมภาษณ์ประเมินตามเกณฑ์สายใยรักประเมินปีละ 2 ครั้ง

                              ลองดูนะค่ะ แล้วยินดีมาก ถ้าเข้ามาแลกเปลี่ยนค่ะ

หมายเลขบันทึก: 352875เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2010 21:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะ

ทำงานเป็นทีมและเป็นระบบดีนะค่ะ

ชื่นชมค่ะ เป็นกิจกรรมที่ต่อเนื่องดีนะค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • มาเรียนรู้เรื่องของพยาบาล การดูแลสุขภาพค่ะ
  • และมาเชิญไปร่วมกิจกรรมกับเด็กดอยค่ะ
  • http://gotoknow.org/blog/publicmindkim/353781
  • คุณถาวรค่ะ กว่าจะวันนี้ก็ปรับแล้วปรับอีก กว่าจะยอมรับกันก็เหนื่อยพอตัว แล้ววันนี้พออยู่ตัวแล้ว เราก็ไม่อยากให้ล้มไปแล้วล่ะ ก็เลยต้องหาวิธีให้คงอยู่ต่อให้ก้าวไปเรื่อยๆ คะ
  • ครูคิมค่ะ หนูก็เหมือนเรียนรู้การเป็นคุณครูในร่างพยาบาลไปด้วยค่ะ พยายามหา พยายาดูเทคนิคการเป็นวิทยากรจากคนอื่นๆ ที่เราชอบมาปรับกับตัวเอง แล้วก็ต้องเรียนเขียนแผนการสอนเหมือนคุณครูด้วย อนาคตไม่แน่อาจผันชีวิตไปเป็นคุณครูก็ได้ค่ะ ...ชอบ

ขอร่วมขบวนการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้วยคนนะครับ

  • คุณเลิศฤทธิ์ ยินดีค่ะ

เป็นตัวอย่างให้ได้เรียนรู้ค่ะ

  • comment ได้เลยนะค่ะ เพราะกำลังอยากปรับแผนการสอนให้ทันสมัย และถูกใจผู้เรียนมาเลย อยากรู้ว่าจริงๆแล้วคนที่เป็นพ่อเป็นแม่อยากเรียนรู้อะไรกันบ้าง จะได้จัดให้จ้ะ

ดีมากเลยค่ะที่ทำได้ แต่หนูไม่มีคนช่วยเลย

น้องกุ้ง อย่าไป care ใครไม่ช่วยก็ช่างเค้า  เราเริ่มที่เรา แล้วก็เริ่มตอดไปทีละหน่อย ซักวันพอเค้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ เค้าก็เข้ามาให้ความร่วมมือเราเอง  แล้วอย่าลืมใช้เทคนิคให้ผู้บริหารเห็นว่าดีล่ะ เวลาประสานขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น สำหรับตัวเองใช้ " You win I win " ให้ You นำก่อน I

ขออนุญาตสอบถามแบบประเมินโรงเรียนพ่อแม่หน่อยค่ะว่ามีรูปแบบไหนบ้างคะ ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท