วันสงกรานต์


      วันสงกรานต์ เป็นประเพณีที่ชาวไทยทั่วประเทศปฏิบัติสืบต่อกันมา  เป็นประเพณีมาช้านาน ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน จนถึงวันที่ 15 เมษายน ชาวบ้านจะทำบุญตักบาตร ปล่อยนก ปล่อยปลา และสรงน้ำพระ ทั้งพระพุทธรูป และพระสงฆ์ แล้วก็จะรดน้ำ มีการเล่นสาดน้ำและเล่นกีฬาพื้นบ้าน    

    มีตำนานของวันสงกรานต์อยู่ว่า  มีเศรษฐีคนหนึ่งถูกนักเลงสุราใกล้บ้านที่มีลูกหน้าตาหมดจด 2 คน มากล่าวหาหยาบคายว่า ร่ำรวยก็สู้เขาไม่ได้ แม้ยากจนก็ยังมีลูกสืบสกุล ตายแล้วก็สูญเปล่า เศรษฐีจึงไปบนบานศาลกล่าวที่ต้นไทร ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลเทวบุตรมาปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี เมื่อคลอดมา ชื่อ ธรรมบาลกุมาร บิดาปลูกปราสาทเจ็ดชั้นให้อยู่ใต้ต้นไทรนั้น ธรรมบาลเฉลียวฉลาด เรียนจบไตรเพท เมื่ออายุ 7 ขวบ และรู้ภาษานกด้วย ท้าวกบิลพรหมจึงมาทดลองความรู้ โดยถามปัญหา 3 ข้อ ถ้าตอบได้ จะตัดศีรษะบูชา  แต่ถ้าตอบไม่ได้จะถูกตักหัวเหมือนกัน  คือ  ตอนเช้าราศีจะอยู่ที่ไหน  ตอนเที่ยงราศีจะอยู่ที่ไหน  และตอนค่ำราศีจะอยู่ที่ไหน ภายใน 7 วันจะมาฟังคำตอบ ธรรมบากลุมาร คิดไม่ออก ถึงวันที่ 6 จึงแอบหนีจากปราสาทไปหลบอยู่ใต้ต้นตาลใหญ่ 2 ต้น ซึ่งพญาอินทรีผัวเมียทำรังอยู่บนนั้น  ตอนค่ำนางนกอินทรีถามผัวว่า พรุ่งนี้จะได้อาหารที่ไหนกิน ผัวตอบว่า จะได้กินศพธรรมบาลกุมาร เพราะจะแพ้การตอบปัญหาของท้าวกบิลพรหมไม่ได้ จะถูกตัดหัว เมื่อนางนกอินทรีถามปัญหาว่าอย่างไร และคำตอบว่าอย่างไร พญาอินทรีเฉลยปัญหาให้เมียฟังว่า ตอนเช้าราศีอยู่ที่หน้า มนุษย์จึงเอาน้ำล้างหน้าตอนเช้า เที่ยงราศีอยู่ที่อก มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาเครื่องหอมมาปะพรมที่อก ค่ำราศีอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงล้างเท้าก่อนนอน ธรรมบาลได้ฟังนกอินทรีผัวเมียสนทนาจึงกลับมาประสาท พอวันรุ่งขึ้นกบิลพรหมก็มาถามปัญหา ธรรมบาลก็ตอบตามที่ได้ยินจากพ่อนกอินทรี กบิลพรหมแพ้จึงต้องตัดศีรษะตามสัญญา แต่ศีรษะของกบิลพรหมมีฤทธิ์อำนาจมาก ถ้าตกถึงพื้น จะเกิดไฟไหม้ทั่วโลก ถ้าทิ้งบนอากาศฝนจะแล้ง ถ้าโยนลงน้ำ มหาสมุทรจะเหือดแห้งไปทันที จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดเอาพานมารับศีรษะไว้ แห่รอบเขาพระสุเมรุ แล้วเชิญไปไว้ในมณฑปในถ้ำคันธธุลี เขาไกรลาส เมื่อครบ 365 วันหรือ 1 ปี นางทั้งเจ็ดจัดเวรกันมาเชิญศีรษะกบิลพรหมออกมาแห่รอบเขาพระสุเมรุ โดยกำหนดว่า วันที่ 13 เดือนเมษายน คือวันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันใด ธิดาประจำวันนั้นก็จะป็นผู้อัญเชิญพาน ดังนี้  วันอาทิตย์ นางสงกรานต์ชื่อ ทุงษะ ,วันจันทร์ นางสงกรานต์ชื่อ โคราค ,วันอังคาร นางสงกรานต์ชื่อ รากษส ,วันพุธ นางสงกรานต์ชื่อ มัณฑา ,วันพฤหัสบดี นางสงกรานต์ชื่อ กิริณี ,วันศุกร์ นางสงกรานต์ชื่อ กิมิทา ,วันเสาร์ นางสงกรานต์ชื่อ มโหทร 

       ดังนั้น  ในวันปีใหม่หรือวันสงกรานต์ที่ผ่านมานี้  ย่อมรู้ได้ว่าทุกคนคงมีความสุขกันทั่วหน้า  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็รวมถึงตัวผมด้วย  เนื่องจากว่าต่างก็ได้กลับไปรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ บิดามารดา   อีกทั้งการได้พบกับญาติพี่น้องที่ต่างห่างหายจากกันมาเป็นปีก็จะได้ประสบพบเจอกันในช่วงนี้  เป็นความสุขที่ใหญ่หลวงไม่สามารถที่จะมีสิ่งอื่นใดจะเท่าเทียม  และวันที่  14  เมษายน  ก็เป็นวันครอบครัวอีกด้วย  ยิ่งเป็นการส่งเสริมให้รักกันในครอบครัวมากกว่าเดิม   ในวันวันสงกรานต์นี้ก็ได้ไปรดน้ำคุณยายด้วย  ซึ่งปีนี้คุณยายก็อวยพรให้ยาวเป็นพิเศษเลย  ส่วนคุณตา  ไปแล้วไม่อยู่บ้าน  จึงไม่ได้พบท่าน  แต่ไม่เป็นไร  หลังปีใหม่ก็จะกลับไปหาท่านอีกทีหนึ่ง  ซึ่งในวันนี้ต่างคนก็ต่างไม่ว่างกันเป็นสักส่วนใหญ่  เนื่องจากว่า  จะต้องไปฉลองกับเพื่อน ๆ แต่ปีนี้ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย  ต้องทำงาน  คือ ต้องจัดงานดำหัวเจ้าคณะอำเภอ  อำเภอทุ่งหัวช้าง  จัดสถาน  เตรียมความพร้อมต่าง  ๆ เพื่อให้งานนั้นราบรื่น และแล้วก็ผ่านไปด้วยดี

  ไม่ว่าจะได้ไปเที่ยวเล่นน้ำหรือไม่ได้เล่นน้ำก็ดี  ก็มีความสุข  เพราะว่าความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ครอบครัว  กันให้ความรักแก่กัน  แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็มีความสุขได้  เพราะมาจากใจจริง และจริงใจจากคนในครอบครัวเราครับ

                                   ตำนานเบื้องต้นนั้นอ้างอิงมาจากพระธรรมเทศนาปีใหม่เมือง

หมายเลขบันทึก: 352839เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2010 18:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ

ได้ความรู้มากจริงๆๆ

สาธุ สาธุ ....

ว่าแต่ ( อ่านหนังสือสอบรึยังค่ะ )

ขอคุณครับ ยังไม่ได้อ่านสักตัวเลย

สวัสดีค่ะ

ได้ความรู้เพิ่มนะเนี้ยเกี่ยวกับวันสงกรานต์

ขอบคุณครับทีเข้ามาอ่านและทักทายครับ คุณ firststep

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท