ทบทวนชีวิตตัวเอง


เป็นพิมพ์ดีให้ลูกศิษย์จำ

เคยคิดถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่า อายุก็ปูนนี้แล้วนะ แต่ยังไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเลย อาจจะจริงที่มีรถขับ มีบ้านให้อยู่อาศัย แต่นั่นเป็นน้ำพักน้ำแรงของพ่อกับแม่ที่ช่วยกันสร้างมา ทุกวันนี้ยังต้องแบมือขอเงินจากทางบ้าน แม้แต่ตอนที่ทำงาน เงินเดือนก็ไม่พอใช้ ทั้งๆที่ประหยัดสุดๆแล้ว อย่าว่าแต่ทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อแม่เลยนะคะ แค่เลี้ยงตัวเองก็ยังจะไม่ไหวเลยค่ะ

ที่ผ่านมาชีวิตเหมือนมีคนลิขิตให้ ต้องเรียนที่นี่นะ คณะนี้ สาขานี้ จบออกมาต้องทำงานที่นั่นนะ  ทั้งๆที่สาขาที่เรียนไม่ใช่ความถนัด ไม่ใช่วิชาที่ตัวเองชอบเลย แต่ก็พยายามคิดในแง่บวกนะคะ หรืออาจเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิต ให้ได้มาเรียน ณ สถาบันที่พ่อกับแม่เคยเป็นศิษย์เก่า งานที่เคยทำ ก็ไม่ใช่สายงานที่ตรงกับที่เรียนมา และไม่ได้เป็นงานที่มีความมั่นคงเลย มองหาอนาคตก็ไม่เจอ จนบางครั้งอดที่จะตั้งสโลแกนให้กับตัวเองไม่ได้ว่า “มีลมหายใจเพื่อไร้สาระไปวันวัน”

พออิ่มตัวจากงานที่เคยทำ คิดว่าถึงเวลาแล้วสินะ ที่จะหางานทำที่มั่นคง ได้เลี้ยงพ่อกับแม่ ได้ตอบแทนพระคุณพ่อกับแม่ ได้ทำให้พ่อกับแม่ภาคภูมิใจในตัวลูกคนนี้สักที กับอาชีพที่เคยใฝ่ฝันไว้ตั้งแต่เด็กๆว่าอยากเป็นครูเหมือนพ่อกับแม่ จึงลาออกจากงานประจำ ผันตัวเองมาเป็นนักศึกษาอย่างเต็มตัว ขอเรียนอย่างเดียวเลยนะคะ ไม่ทำงานไปด้วย เพราะคิดว่าถ้าหากเราตั้งใจที่จะทำอะไรแล้ว ก็ควรทำให้ดีที่สุด ถ้าหากทำงานไปด้วย ก็อาจจะทำให้ทุ่มเทกับการเรียนได้ไม่เต็มที่นัก และดิฉันก็หวังว่าสักวันหนึ่งจะเป็นแม่พิมพ์ที่ดี ให้สมกับความหมายของชื่อตัวเอง ที่แปลว่า “แบบอย่างที่ดี แม่พิมพ์ที่ดี” จะเป็นพิมพ์ดีให้ลูกศิษย์จำ เหมือนกับที่พ่อกับแม่เป็นอยู่ ณ ทุกวันนี้ค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 351988เขียนเมื่อ 16 เมษายน 2010 18:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 14:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท