ทบทวนความหลัง

แม้ว่าตัวตายขอไว้ยศ ให้ปรากฏทั่วฟ้าเป็นราศรี

หลังจากที่ได้ชมวีดีทัศน์ที่อาจารย์ได้นำเสนอให้นั้น เป็นการให้ที่สมควรแก่กาล คือเป็นช่วงที่เข้าใกล้วันปีใหม่(เมืองด้วย)และยังเป็นวันครอบครัวที่แท้จริง บ่งบอกให้เห็นว่าสมัยนี้เด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญแก่บิดามารดาเท่าที่ควร คือ เด็กส่วนใหญ่จะชอบที่จะไปอยู่กับเพื่อนฝูงเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงปี่ใหม่จะมีการฉลองการเป็นงานใหญ่โต โดยอาศัยพ่อกับแม่เป็นคนที่อุปถัมภ์ในการกินและดื่มเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ให้ความสำคัญกับพ่อแม่เลย มิน่ำซ้ำจะให้พ่อแม่เป็นคนใช้ให้อีก นี่เป็นความแท้จริงในสังคมไทย อีกนัยหนึ่งที่สามารถอธิบายได้ว่าที่อาจารย์ได้ให้ชมวีดิทัศน์นั้น เป็นการให้เห็นว่าวิธีการสอนของท่านอาจารย์หมอเป็นอย่างไร และใช้วิธีการใดที่ทำให้คนตั้งมากมายฟังแล้วเกิดความตื่นเต้น ร้องให้อออกมาได้ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่อาจารย์หมอท่านสอนนั้นมีวิธีการ คือ

1 สอนให้เข้าใจง่าย ๆ

2 เป็นการใช้สือที่ตรงกับเนื้อหาที่จะสอน

3 เป็นการนำเอาสิ่งที่ใกล้ตัวผู้ฟังมากที่สุดมาเป็นตัวอย่าง

4 เป็นการใช้วาทศิลป์ในการเล่าเรื่องและเหมาะสมกับผู้ฟัง

5 นำเอาความรู้ที่ได้ศึกษามา มาสืบทอดให้กับคนอื่น

6เป็นการทำให้เรื่องจริงมาทำเป็นเรื่องที่ฟังแล้วมีความน่าสนใจและบันเทิงอีกด้วย

มีบทกลอนบทหนึ่งซึ่งผมอ่านดูแล้วน่าสนใจมาก ว่า ถึงแม้ว่าตัวตายขอไว้ยศ ให้ปรากฏทั่วฟ้าเป็นราศรี จะเสียดายอะไรในชีวี เมื่อถึงที่ร่างกายก็วายปราณ และมีอีกบทหนึ่ง ว่า พ่อแม่ตัว พระเจ้าคิ่นชั้น จักยิ่งกว่าอั้นเพียงใด หนีพ่อแม่แล้ว จะไปเพิ่งไผ เหมือนหนีแสงไฟไปเป่าหิ่งห้อย จากหนังสือที่ระลึกงานทำบุญฉลองสมณศักดิ์ของพระครูสิริสุตาภิมนณ์ และยังมีคำสอน คำกลอน อีกทั้งประวัติต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งอ่านดูแล้วเมื่อเราตายไปก็ไม่สามารถที่จะเอาอะไรไปได้ มีแต่สิ่งที่ดีงามของเราที่ฝากเอาใว้โลกนี้

สุดท้าย และท้ายสุดในบทนี้ ก็ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่มาอธิบายวิธีการและรูปภาพให้ด้วยครับ

เขียนใน GotoKnow โดย คนเก็บฟืน
ใน นวัตกรรม ความเป็นครู