NEW YORK CITY ! มหานครอันยิ่งใหญ่อันดับ ๑ ของโลก ตอนที่ ๑ : ชมเมืองย้อนรอยอดีต

การกลับมาเยือน NEW YORK CITY (NYC) ในรอบนี้เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มเติมและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆที่เป็นเกร็ดความรู้อันน่าศึกษา  การไปเยือนแต่ละแห่งแม้จะได้ชื่อว่าเป็นสถานที่เดิม แต่เมื่อต่างกาลเวลา ประสบการณ์ที่ได้รับย่อมแตกต่างไปจากเดิม   การมาเยือนเมื่อ ๓ ครั้งที่ผ่านมา พักที่หอพัก ,  Mansionของชาวอเมริกัน และโรงแรม   แต่การมาครั้งนี้ได้พึ่งใบบุญของ วัดวชิรธรรมปทีป Mount Vernon, NYC 

                                 

โดยได้รับความอนุเคราะห์และเมตตาจากท่านมหาประสพ   คณะของพระสงฆ์ฯ คุณน้อย และญาติธรรม ณ วัดแห่งนี้เป็นอย่างดี


                      

      นักเรียนถามไถ่ด้วยความช่างเจรจา  คุณครูขา คุณครูจะทำอะไร ช่วงปิดเทอมคะ
      คงจะไปอเมริกา
      โอ้โฮ  ไอโซ จัง
      จะไปพึ่งพิงวัดไทย และพึ่งพาครอบครัวอุปถัมถ์  น่าจะไฮโซ อยู่ละมั๊ง

                     

    คุณพี่ Rose เป็นทั้งพี่และเพื่อนที่ดี  วันแรกเรา ไปย้อนระลึก ที่ถนนสายที่ ๕(The Fifth Avenue)

                               

ไปชม Rockefeller Center ที่เขานิยมไปจัดงานคริสต์มาสบริเวณด้านหน้า เก็บภาพถ่ายเป็นที่ระลึกแต่พองาม

                                   

                                        ตกแต่งสถานที่ด้วยไม้ดอก-ไม้ประดับ

                          
                  
                                                        บริเวณหน้าอาคาร

แวะชมโบสถ์ SAINT PATRICK'S CATHEDRAL ที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ใจกลางเมือง  ซึ่งประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงามทุกมุมมอง

                                  
 
                                                  จุดเทียนสักการะบูชา     
  
                          
                                                 
                         
ไปเดินเล่นบริเวณTime Square ที่ประชาชนเป็นแสนไปยืน Count Down ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

                          

ลัดเลาะไปถึงแถบ Broadway พร้อมกับช้อปปิ้งพอประมาณ  ซื้อตั๋วประเภทหนึ่งสัปดาห์ราคา ๒๗ เหรียญใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน( Subway) และรถบัส  เขาจะคิดค่าตั๋วเป็นมาตรฐานราคาเดียว จะขึ้นไปไกลแค่ไหนก็ได้  ใช้บัตรรูดผ่านเครื่องเวลาเข้าสถานีครั้งเดียว ไม่ต้องรูดบัตรยามออกจากสถานี    ซี่งต่างไปจาก Washington DC. ที่เรียกรถไฟใต้ดินว่า Metro จะต้องรูดบัตรทั้งเข้าและออก  คิดเงินตามระยะทาง โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน( Rush Hour) จะแพงกว่าปกติ  ช่วงไปประชุมอยู่เมือง Alexandria ซื้อตั๋ว ๑ สัปดาห์ราคา ๒๖ เหรียญ ใช้ได้ไม่ถึง ๒ วัน ต้องเสียเงินค่าตั๋วเพิ่ม


                             

น่าจะเป็นเพราะพิษของเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จึงส่งผลให้ NEW YORK CITY คงสภาพเดิมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง  รวมทั้งมีผลกระทบต่ออเมริกันชนหลายรายถูกปลดออกจากงาน   แต่ที่แน่ๆตลาดหุ้นของโลกตั้งอยู่ที่นี่เอง....ตัวตัวจักรสำคัญที่ควบคุมเศรษฐกิจของโลก

                      
       
Spring เป็นฤดูกาลที่สดใส ใบไม้เริ่มผลิแตกใบ  ดอกไม้สีสวยแข่งขันกันเบ่งบาน ต้อนรับอากาศอันอบอุ่น   ประชาชนนิยมพากันออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน ทั้งเดินเล่นรับแสงแดดอ่อน ออกกำลังกาย และฝึกซ้อมกีฬา ฯลฯ 

                                 
 
   ชาวต่างชาติหลายคนถามว่า  คุณไปทำงานอย่างไร

   ขับรถไป

   ใช้เวลาเท่าไหร่

   ๕ นาที  

  ทำไมไม่เดินไปเล่า 

  หากเดินไปนะ  ฉันต้องอาบน้ำที่ทำงานก่อนเริ่มทำงานแน่ๆ

                        

                                   ทหารม้าลาดตระเวณ  แห่งมหานคร NYC

เพื่อนชาวอเมริกันหลายราย ไม่ต้องไปทำงานที่สำนักงาน  แต่ทำงานที่บ้านผ่านทางคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของสำนักงานที่ได้ผลเกินคุ้ม   ชีวิตประจำวันของชาวอเมริกันส่วนใหญ่อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่  ในการทำธุรกิจ  การติดต่อสื่อสาร ตรวจสอบสิ่งต่างๆ  ได้อย่างคุ้มค่า  ชาว NEW YORKER ใช้ชีวิตแบบอิสระ ไม่สนใจ หรือใส่ใจต่อผู้ที่ไม่รู้จัก  ใครใคร่ทำอะไรก็ทำ  แต่ต้องไม่ก้าวก่ายสิทธิของผู้อื่น คุณอาจจะได้เห็นภาพสาวอเมริกันกำลังบรรจงตกแต่งหน้าแบบครบเครื่องบนรถไฟใต้ดิน  การแสดงความรัก-ด้วยการกอด-จูบ  แบบเปิดเผยตามที่สาธารณะ 


                     

การปล่าวร้อง  เต้นแร้ง-เต้นกา อย่างไม่ ใส่ใจต่อสายตาของผู้อื่น   เป็นศูนย์รวมของผู้คนหลายเชื้อชาติ- ต่างเหล่าพันธุ์เดินกันให้ขวักไขว่ ไม่เป็นระเบียบ แต่หากไปกระทบหรือปาดหน้าผู้อื่นก็จะกล่าวว่า Excuse Me  เมื่อได้ยินคำกล่าวขอโทษ....คู่กรณีคงอารมณ์เย็นขึ้น  เรื่องราวต่างๆ จึงไม่เกิดขึ้น