• ในระดับปุถุชน และในการดำเนินการ KM อัตตาเป็นได้ทั้งประโยชน์และโทษ
• อัตตาในระดับที่ “พอดี” เป็นประโยชน์ต่อการทำ KM สิ่งนี้เรียกว่า “ความมั่นใจในตนเอง”
• สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การยอมรับและเคารพ ใน “อัตตาที่พอดี” ของเพื่อนร่วมงาน และผู้อื่น
• “อัตตาที่พอดี” ช่วยให้มีความกล้าและมั่นใจจะเสนอ การตีความของตน ต่อประสบการณ์ของตน และช่วยให้ตระหนักว่าตนเองมองภาพได้ไม่ครบถ้วน
• อัตตาเป็นโทษ เมื่อเลยขีดของความพอดี กลายเป็นอัตตาจัด ทำให้ไม่สามารถ “ฟังอย่างลึก” ได้ ไม่สามารถทำ “สุนทรียสนทนา” ได้ อัตตาที่รุนแรง ทำให้เป็นบุคคลที่ไม่เรียนรู้ ไม่เรียนจากผู้อื่น เพราะคิดว่า “ข้าแน่” “กูเก่งกว่ามึง”
• อัตตา ไม่ได้มีแค่ระดับบุคคล มีอยู่ในระดับองค์กรด้วย องค์กรที่ทำหน้าที่เชิงอำนาจ จะมีอัตตา ระดับองค์กรสูง และทำให้สมาชิกขององค์กรพลอยอาศัยองค์กรสร้างอัตตาจัดของตนเอง (ระดับบุคคล) องค์กรที่อัตตาจัด จะมีโอกาสปรับตัวยาก เจ๊งง่าย
• อัตตารวมหมู่ (collective ego) มีอยู่ในวิชาชีพด้วย เช่นในประเทศไทย หมอมีอัตตาว่าตนสูงกว่าพยาบาล แต่ในโรงพยาบาลของมูลนิธิฉือจี้ ไต้หวัน เขาไม่มีท่าทีเช่นนั้น เขาเคารพหน้าที่ความรับผิดชอบซึ่งกันและกัน อัตตารวมหมู่ในกลุ่มวิชาชีพ ทำให้บางวิชาชีพมีการเรียนรู้ต่ำ หรือกล่าวได้ว่าเรียนรู้อยู่เฉพาะความรู้เชิงเทคนิคในวิชาชีพของตน ตัดขาดจากการเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนของโลกภายนอก อัตตาของกลุ่มวิชาชีพ หรือกลุ่มบุคคลที่มีอำนาจเช่นนี้ทำอันตรายต่อสังคมได้มาก
• การทำ KM ต้องการการปฏิบัติตนเชิงอัตตาที่พอดี ทำให้มีความมั่นใจในตนเอง มั่นใจในทีมงาน แต่ในขณะเดียวกันก็เคารพในความเห็น/วิธีการที่แตกต่าง
วิจารณ์ พานิช
๑๔ มิย. ๔๙
เยี่ยมมากเลยครับ
อัตตาน้อยไป ก็ทำงานไม่ได้ อ่อนแอปวกเปียก
อัตตามากไป ก็ทำงานไม่ได้เช่นกัน โดนคนเกลียดเยอะ
ฝ่ายบริหารจึงต้องหา มุข มาลดอัตตาให้คนบางคนในองค์กรบ่อยๆ
และ เสริมแรงให้คนบางคนเช่นกัน
การรู้จักตนเอง ด้วยการทำ reflection หรือ hansei เป็นอีกรูปแบบของการ ลดอัตตา
อัตตาเป็นของเห็นยากแถมมีลักษณะเฉพาะ คือ คนอื่นเห็นแต่เจ้าตัวไม่เห็น ถ้าเป็นอัตตาของลูกน้องหัวหน้าก็พอหามุขมาช่วยลดได้บ้าง แต่ถ้าเป็นอัตตาของผู้บริหาร (ยิ่งผู้บริหารที่เก่ง ดีและประสบความสำเร็จมากๆ)จะหามุขไหนมาลดได้คะ
ไม่คิดว่าจะมีใครรู้ว่า "อัตตาที่พอดี" มันคือเท่าไหร่ หากทุกคนเชื่อแบบนี้ ต่างคนก็ต่างถืออัตตาที่พอดีของตัวเองใส่กัน ผมยังเชื่อในการฝึกตนเพื่อไม่มีมีอัตตา เราจะได้เปิดใจเข้าหากันได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ความมั่นใจใน "ตน" เอง ไม่จำเป็นต้องออกมาจากอัตตาที่พอดี
พระพุทธเจ้าสอนว่าเมื่อไม่มีอัตตา เราก็จะเข้าใจเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง ความมั่นใจก็น่าจะออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ