เมื่อคืนนี้ ประมาณ 3 ทุ่ม ผมนั่งเขียนหนังสืออยู่บ้าน พลันก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นลูกน้องเก่าที่เคยทำงานด้วยกันสมัยผมอยู่สระแก้วรอบสุดท้าย เขาสอบจากพนักงานราชการเป็นข้าราชการได้ ถูกส่งมาทดลองปฏิบัติราชการ ที่เขตแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ปกติเขาจะโทรมาปรึกษาเรื่องงานตลอด มีปัญหาอะไรเขาก็ยึดผมเป็นที่พึ่งในการหาทางออก ช่วงนี้เขาหายไปประมาณสามเดือน จู่ ๆ ก็โทรมา บอกว่าที่หายไปเพราะเปลี่ยนเครื่องทำให้เบอร์ของผมหายไป เขาเล่าให้ฟังว่า บรรยากาศของการทำงานของเขาดีขึ้นมาก ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชามากขึ้น
เขาบอกว่าเขาทำตามที่ผมแนะนำทุกประการ โดยเฉพาะเรื่องที่ผมแนะนำไปว่า การทำงานมันมีองค์ประกอบที่เป็นคน มีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องค้นหาความดีของคนเลวให้พบ แล้วทำงานกับจุดนั้น แต่คนที่ล้มเหลวในชีวิตมักค้นหาความเลวของคนดี จนทำงานร่วมกับใครไม่ได้
ผมจำไม่ได้ว่า ผมไปจำมาจากหนังสือเล่มใหน ที่ผมอ่าน แต่หลักการข้อนี้ผมใช้มาตลอดชั่วชีวิตการทำงานของผม ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรในทุกจังหวัดที่ผมทำงาน ผมคิดว่า คนที่กำหนดมุมมองชีวิตลักษณะเช่นนี้ เป็นการมองในมุมเล็ก ๆ ที่เป็นประโยชน์มหาศาลต่อสังคมอย่างแท้จริง
* สังคมไทย มักจะเป็นสังคมที่ชอบ "จับผิด" มากกว่า "จับถูก" ครับ
* คนทุกคนมีความดีอยู่ในตัวครับ เพียงแต่ว่าแต่ละคนก็มีความเห็นแก่ตัวแสดงออกมาบ้าง คงต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติของความเห็นแก่ตัว เพราะตัวเราเองก็มีครับ ฮะนั้น จึงน่าจะมองข้ามความไม่ดีที่เป็นความเห็นแก่ตัว มามองสิ่งที่ดีๆ ของเขาแทนดีกว่านะครับ
ขอบคุณครับ
อย่างที่ท่านรองว่า มนุษย์ทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว จะมากหรือน้อยเท่านั้น รวมไปถึงความดีและความเลวที่ฝังอยู่ในตัวคนด้วย ท่านพุทธทาสจึงได้สอนให้พวกเรามองด้านดีของคน แต่คนเรามักมองส่วนเลวของเขา ผิดนิด ผิดหน่อยเป็นไม่ได้ เหมือนฝาผนังเขาทาสีขาวสะอาด พอมีจุดดำเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น คนเราจะมองแค่จุดดำเล็ก ๆนั้น ขอบพระคุณท่านรองมากครับ
เวลาทำงาน เราอย่าไปสนใจเรื่องของคนอื่น ไม่ว่าด้านดีหรือด้านเลว เพราะจะทำให้สมาธิในการทำงานหลุดไป แต่ขอให้มุ่งเน้นที่ผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก
แต่มนุษย์เป็นทรัพยากรขององค์กรที่มีความรู้สึก นึกคิด บริหารตน บริหารคน บริหารงาน ถ้าสามารถบริหารควบคู่กันไปพร้อมกันได้ เราจะได้ทั้งคนและงาน
สวัสดีครับ ผอ.สมนึก โทณผลิน
ขอบพระคุณมากครับ คุณนิภารัตน์ ที่กรุณาแนวทางที่ดีในการทำงาน ผมคิดว่าการทำงานที่ประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากหลักของทฤษฎีที่พวกเราเล่าเรียนกันมาแล้ว การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า จะช่วยได้มากครับ ขอบพระคุณครับที่กรุณาเข้ามาแลกเปลี่ยนกัน
ขอบพระคุณมากนะครับที่เข้ามาให้กำลังใจกัน ผมคิดว่าในสังคมทุกคนมีสิทธิคิดต่างนะครับ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คนทั้งโลกคิดเหมือนกันหมด แต่ข้อสำคัญเราต้องเคารพความคิดของคนอื่นด้วย ขอบพระคุณอีกครั้งนะครับ
สวัสดีค่ะ ผอ.
ครูคิมกับผม มีอะไรคล้ายกันหลายอย่าง ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้ว เมื่อวานนี้ หลานชายที่อยู่ตรงข้ามบ้านเขาบวชที่วัดที่ผมเคยบวช ไปช่วยเขาจนเสร็จงานกลับถึงบ้านเกือบเย็น เหนื่อยและเพลียแดด ก็เลยอาบน้ำกะว่าจะนอนสักงีบหนึ่ง แต่ก็นอนไม่ได้เจ้าตัวเล็กเขาเฮี้ยว รับบุญจากครูคิมแล้ว ผมก็ฝากบุญในส่วนที่ผมทำให้ย้อนกลับไปหาครูคิม เช่นเดียวกัน ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะครับ