หากพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะพบว่า สังคมไทยมีเหตุการณ์ความวุ่นวายตลอดเวลา บางคนได้รับความเดือดร้อน เสียหาย แม้กระทั่งชีวิตที่ต้องจากไปก่อนเวลาที่เหมาะสม ความคิดของผู้คนในสังคมก็ไปคนละทิศ คนละทาง จนยากที่จะบรรจบเข้าหากันได้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเกิดจาก มิจฉาทิฐิ ความเป็นอคติที่มีต่อผู้อื่น มองคนอื่นในแง่ร้าย มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง มากกว่าจะคิดถึงประโยชน์สาธารณะ คอยหาโอกาสเอาเปรียบผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงนับวันแต่จะบั่นทอนจิตใจให้ผู้คนในสังคม ยากที่จะหาความสุขที่แท้จริงได้
และถ้าทุกคนต่างนิ่งเฉย โดยอ้างไม่ใช่ธุระอะไรของเรา ตราบเท่าที่เรายังไม่ได้รับผลกระทบ ปัญหาต่างๆ ก็นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น จนยากที่จะหาทางแก้ไขได้
หนทางรอดของสังคมไทยในเวลานี้คือ การตั้งสติ แล้วพิจารณาสิ่งต่างๆ ด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกัน หันหน้าเข้าหากัน แสวงหาสิ่งที่ดีๆร่วมกัน ทั้งที่ความจริงมีอยู่ตั้งมากมายหลายหนทางนัก การมองแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน แล้วในที่สุดทุกคนก็จะได้รับสิ่งที่ดีในไม่ช้า หากลดความมีอคติ มิจฉาทิฐิ ลงมา เชื่อได้ว่า จุดเริ่มต้นนี้ก็จะพาสังคมไทยไปสู่สันติสุขได้ไม่ยากเย็นนัก นอกจากเสียว่า คุณมีแต่ความเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่อยากจะทำให้คนอื่นๆ เขามีความสุข สังคมไทยก็จะยังคงวุ่นวายอย่างนี้ตลอดไป
ด้วยความปรารถนาดีจาก
นายสุรศักดิ์ ญาณประสาท
กลุ่มประสานงานเพื่อการพัฒนาชุมชน
ตู้ ปณ.๑๒ ปณ.บางอ้อ กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐
ต้องโหดจึงจะสงบได้ หลักการมีนิดเดียว เจรจาก่อน ถ้าไม่ไหว ไม่เข้าใจ ก็ต้องใช้กำลัง จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อทำร้ายแต่ใช้เพื่อสร้างความสงบ และหยุดคนชั่ว ไม่งั้นโบราณเค้าไม่รบกัน ใช่ไหมครับ
นายกคนนี้ ใจเย็นเกินไป ไม่เด็ดขาด ถ้าเป็นโบราณเค้าตีเมืองกลายเป็นเมืองขึ้นไปแล้ว ประเทศไทย จงเจริญ......
ตอนนี้ท่านได้พิสูจน์แล้วนะคะท่านรอบคอบและหลักแหลมเสมอหลังประก่าศ พรก. ฉุกเฉิน