ผู้มีผลงานดีเด่น รางวัลราชมงคลสรรเสริญ ด้านเพลงพื้นบ้าน ปี 2547
ผมมีความคิดและตั้งข้อสังเกตเอาไว้มาหลายปีควบคู่ไปกับการทำงานด้านสืบสานศิลปะการแสดงท้องถิ่นเพลงพื้นบ้านหลายชนิด แต่ที่ผมทำได้ชัดเจน ได้แก่ เพลงอีแซว เพลงฉ่อย ลำตัด เพลงเรือ เพลงเต้นกำ เพลงพวงมาลัย เพลงขอทาน เพลงแหล่ เสภา ทำขวัญนาค สังเกตได้จากการที่ผมได้ถ่ายทอดความรู้ไปยังเด็ก ๆ ที่เขามีความสนใจแล้วสามารถที่จะพัฒนาไปสู่มืออาชีพได้ เป็นเวลา 19 ปี แล้วที่ผมยังคงนำพาเด็ก ๆ เดินอยู่บนถนนเพลงพื้นบ้านไม่เคยหยุด
ถึงแม้ว่า ผมจะเหลือเวลาราชการอีกเพียง 1 ปีเศษซึ่งนับว่าเป็นเวลาที่สั้นมาก เมื่อเทียบกับเวลาที่ผมอุทิศให้กับการสืบสานตำนานเพลงพื้นบ้านด้วยตนเองมาตั้งแต่อายุยังน้อย จนเข้ารับราชการครู ได้มีโอกาสถ่ายทอดความรู้ไปสู่ลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก (มากว่า 150 คน) เด็ก ๆ ทุกคนในจำนวนนี้เขาได้ผ่านการแสดงความสามารถกับวงเพลงโดยมีผมร่วมเป็นนักแสดงอยู่ด้วยเกือบจะทุกงาน จากเด็กธรรมดาจนกลายมาเป็นนักแสดง จากนักแสดงมาเป็นศิลปินที่มีเวทีในสถานที่ต่าง ๆ ให้พวกเขาได้แสดงความสามารถ จนมาถึงกำหนดที่เด็ก ๆ จะต้องออกจากโรงเรียนไปตามข้อกำหนด
ในเวลาที่เหลืออีกเพียง 1 ปีเศษนี้ ผมควรที่จะทำอะไร มีอีกมากมายหลายอย่างที่ผมยังไม่ได้ทำและก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำแน่ ๆ เพียงแต่ผมอยากจะแสดงความเห็นเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่ง เคยมีคนที่รักศิลปะท้องถิ่นเพลงพื้นบ้าน ได้เสนอความเห็นว่า มีความห่วงใยในศิลปะท้องถิ่นเพลงพื้นบ้านที่นับวันจะหายไป จากความเห็นนี้ก็ตรงกับโครงการความรู้จากบล็อกสู่หนังสือ ภายใต้โครงการระบบออนไลน์ โดยผู้พัฒนาเว็บไซต์ gotoknow.org นี้ได้รวบรวมความรู้จากบล็อกสู่หนังสือ และบล็อกเพลงพื้นบ้าน เป็นจุดหนึ่งที่จะได้รับการตีพิมพ์เป็นเอกสารสู่สังคมต่อไป (ทำให้ผมได้เห็นในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้ทำ)
เหมือนเป็นการต่อลมหายใจให้ผมและทายาทที่จะได้หยุดหายใจยาว ๆ และนั่งนิ่ง ๆ คิดสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการแสดงความสามารถบนเวทีกันต่อไป เพราะเวลาที่ผ่านมายาวนานเกือบจะ 20 ปี ไม่มีความจริงใจให้ผมได้เห็นว่า ใครบ้าง คนไหน (ที่มิใช่นักแสดงชาวบ้าน) จะเข้ามาทุ่มเท รื้อฟื้นคืนชีวิตให้กับเพลงพื้นบ้านได้ยาวนานและจริงใจ ต่างก็ปล่อยให้เขาลาจากโลกนี้ไปโดยมิได้เก็บเศษของความสามารถที่ท่านเหล่านั้นมีแล้วนำไปฝากไว้กับคนรุ่นใหม่ ๆ ให้ได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จนถึงฝึกปฏิบัติ อย่างดีก็แค่เข้ามาดำเนินโครงการให้เสร็จ ๆ ไป แล้วก็เลิกราหายไปสนิท
ผมมีความห่วงใยในวิธีการปฏิบัติที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และผมได้มองเห็นมานานมากแล้ว ถ้าจะให้นับเวลาก็น่าจะนานกว่า 45 ปี ตรงนี้ผมขอชี้ประเด็นให้เห็นชัดเจนมากขึ้น โดยยึดเอาประสบการณ์และความเป็นจริงมาเล่า ได้แก่
- ในอดีตผมเป็นพ่อเพลง เข้าประกวดได้รับโล่รางวัลชนะเลิศเพลงอีแซว ของจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ 6 เมษายน 2525 แต่มีคนกลุ่มหนึ่งพูดว่า ไม่เคยเห็นผมแสดงที่ไหนเลย (อันนี้ยิ่งกว่าความน่าเป็นห่วงเสียอีก)
- ผมฝึกหัดทำขวัญนาคกับคุณตาวัน มีชนะ (ผมเรียกว่าพ่อคุณวัน) ออกไปประกอบพิธีตั้งแต่ปี 2513 จนมาถึงปัจจุบัน 40 ปี เศษ มีคนในระดับผู้อำนวยการสำนักงานแห่งหนึ่งถามผมว่า อาจารย์ทำขวัญนาคได้หรือและไปทำร่วมกับหมออื่นได้ไหม (อันนี้ไม่รู้ว่าท่านไปแอบอยู่ที่ไหน) เพราะผมทำงานนี้มาหลายพันงาน จะเป็นหมื่นงานแล้วกระมัง
- ผมเล่นเพลงพื้นบ้าน เพลงฉ่อย เพลงอีแซว ลำตัดมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ ทั้งแสดงกับรุ่นครูเพลง แสดงร่วมกับศิลปิน แสดงร่วมกับนักเรียนที่ผมฝึกหัด มีงานแสดงนับพันงาน แต่ในรายชื่อปราชญ์ชาวบ้าน กลับไม่มีคนในท้องถิ่นรู้จักผม ทั้งที่ผมด้นกลอนสดบนเวทีแสดงมานานกว่า 40 ปี (อันนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะนับร้อยครั้งที่พวกเขาก็เห็นผมแสดงบนเวที)
- บทเพลงพื้นบ้าน เพลงอีแซว ลำตัด เพลงฉ่อย ฯลฯ ที่ผมเขียนขึ้นมาด้วยสมองของผม มากว่า 250 เรื่อง หนากว่า 1,000 หน้า ได้ถูกเพลงวงอื่นนำเอาไปใช้ในการแสดง โดยไม่มีคำขออนุญาต หรือขอบคุณกลับมาเลย แถมบางครั้งยังพบว่า ประกาศชื่อให้ผู้อื่นเป็นคนเขียนบทร้องแทนผมเสียอีก (ข้อนี้น่าเป็นห่วงมาก แค่ให้เกียรติกันก็พอแล้ว)
- ผมเป็นครูประชาบาล (ในอดีตเมื่อบรรจุเข้ารับราชการ) ผมมีความสนใจในศิลปะการแสดงท้องถิ่นมาก ผมตระเวนไปเที่ยวหาครูเพลงในละแวกบ้านและถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลออกไปก็พยายามที่จะไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เป็นเวลา 10 กว่าปี มากกว่า 20 ครูเพลง จนทำให้ผมมีประสบการณ์และรู้ว่า การแสดงเพลงพื้นบ้าน เขาใช้บุคลิกลักษณะที่โดดเด่นส่วนตัวเป็นจุดขายโดยไม่มีขอบเขตขีดกั้น แต่กลับมีผู้อื่นนำเอาข้อความของผมไปตีพิมพ์ในเอกสารของเขาโดยที่ผมไม่ได้รับรู้มาก่อนเลย (ประเด็นนี้มีหลายคน น่าเป็นห่วงมาก ถ้าบอกก็อนุญาตให้อยู่แล้ว)
- ผมเห็นการสนับสนุนส่งเสริมศิลปะการแสดงที่ออกมาในโชว์ต่าง ๆ มีแต่คนโต อายุมาก ๆ แล้วก็ประโคมข่าวว่า กำลังจะหายไปหมดไปน่าเสียดาย แต่ในบางโชว์ก็นำเอาเด็ก ๆ มาแสดงความสามารถ ที่น่าแปลกคือ เด็ก ๆ เหล่านั้นมาสื่อสารเรื่องราวของคนโต (ผิดธรรมชาติ) น่าเป็นห่วงว่า เมื่อคนโต ๆ (คนแก่มาก) จากโลกนี้ไปท่านเหล่านั้นได้ถ่ายทอดอะไรไว้ให้กับเยาวชนบ้าง ส่วนเด็ก ๆ ที่ออกมาแสดงทั้งกลุ่มนั้นเขาไม่มีโอกาสได้แสดงความเป็นธรรมชาติที่เหมาะสมแก่วัยของเขาเลย น่าเป็นห่วงว่าทำไมคนต่างวัยจึงต้องแยกกันบนถนนสายการแสดง แต่ผมกลับเล่นเพลงพื้นบ้านมากับเด็ก ๆ 19 ปีแล้ว ยังไม่มีปัญหาเรื่องของความต่างวัยให้เห็นเลย
ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามชมการแสดงเพลงอีแซวคณะไสว วงษ์งามมาตั้งแต่ผมเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ผมจำได้ติดตาว่า พ่อไสว แม่บัวผันทั้ง 2 ท่านก็มีอายุมากแล้วราว 45-50 ปี แต่ก็ยังมีคนรุ่นก่อนท่านและรุ่นหลังท่านร่วมแสดงอยู่ด้วย และมีคนรุ่นพี่เกลียว พี่สุจินต์ ตอนนั้นก็ยังเด็กอายุราว 12-14 ปี ร่วมแสดงอยู่ในวงเพลงอีแซวนั้นด้วย เวลาเขาร้องจะเคลื่อนที่ไปเป็นวง ไม่ได้ยืนหน้ากระดานแบบในปัจจุบัน (ทำให้มองเห็นตัวตายตัวแทนที่ชัดเจน)
อย่าได้หวังอะไรกับการฝึกหัดนักแสดงแค่เพียงร้องเป็นเล่นได้ เพราะนั่นคือ ความสามารถขึ้นพื้นฐาน อย่าได้หวังว่าจะฝึกหัดเด็ก ๆ ให้สามารถแสดงออกงานได้ และอย่าได้หวังว่าจะฝึกหัดเด็ก ๆ ให้เข้าประกวดแล้วได้รับรางวัลชนะเลิศ นั่นมิใช่ความอยู่รอดของเพลงพื้นบ้านที่แท้จริง เพราะความยั่งยืนมั่นคงถาวร อยู่ที่การแสดงในระดับมืออาชีพ (มีงานหาจ้างวานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง) ต้องใช้เวลา ใช้ความสามารถให้เป็นที่ยอมรับของผู้ชมจึงจะบอกได้ว่า เป็นการอนุรักษ์ให้เพลงพื้นบ้านให้คงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ ผมได้แสดงความเห็นในความน่าเป็นห่วงของสังคมในยุคปัจจุบัน เมื่อคิดอะไรได้ก็ลงมือทำกันไปที พอมีกระแสแรงเข้ามาก็จัดให้มีโครงการรองรับ แล้วจะมีใครบ้างที่มองเห็นว่า สิ่งที่ต้องสูญหายไปนั้น เกิดจากความไม่เห็นคุณค่า ไม่สนใจ ปล่อยวาง ทอดทิ้งไปจนถึงการแสดงความไม่ชอบออกมาให้เห็น แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องเรียกเอาสิ่งนั้นกลับคืนมา ก็อาจจะไม่มีตัวตนให้ได้ไขว่คว้ากลับมาเสียแล้ว
คุณอ้อยเล็ก
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขมากมากนะคะ
ซักวันนู๋คงมีโอกาสได้ไปชมและฟังเพลงอีแซวของอาจารย์แน่แน่ค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกที่มีคุณค่าค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดี ปีใหม่ไทย (ปีขาล) Natcha
สวัสดี ปีใหม่ของคนไทย ครับ
คุณครู ชำเลือง
เข้ามาร่วมสนับสนุน บันทึกดี ดี ของครูนะครับ
ขอบพระคุณ ครับ
สวัสดี ปีใหม่ไทย (ปีขาล)