patchy
นางสาว พัชรา ทองสวัสดิ์

ฟันธง!!! มือถือ .. มะเร็งร้ายทางสมอง เตือนขาเม้าท์ ... ระวังสมองเสื่อม


ฟันธง!!! มือถือ .. มะเร็งร้ายทางสมอง เตือนขาเม้าท์ ... ระวังสมองเสื่อม
          นักวิทยาศาสตร์ เผยผลการศึกษาผลกระทบจากมือถือ พบผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแนบหู มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับสมอง อาทิ มะเร็งสมอง มะเร็งเม็ดเลือดขาว ความจำเสื่อม แนะใช้สมอล์ทอล์กแทน เตือนประชากร 1.4 พันล้านคนทั่วโลก กำลังเผชิญภัยเงียบ
          … จาก “มือถือ” อุปกรณ์สื่อสารสำคัญในชีวิตประจำวัน ที่กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ไปแล้ว โดยเฉพาะในประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมากกว่า 20 ล้านคน

          ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสาร มีตัวเลือกที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ใช้ทุกรูปแบบ อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายรูป คาราโอเกะ เกมออนไลน์ ฯลฯ ข้อมูลข่าวสาร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในแทบทุกสื่อ กระตุ้นและเร้าใจผู้บริโภคให้สรรหานำมันมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งกลายเป็นเรื่องของแฟชั่นไปแล้ว จนกลบกระแสข้อมูลข่าวสารเรื่องผลกระทบจากมือถือที่ว่า การใช้โทรศัพท์มือถือในระยะเวลานานๆ อาจจะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคได้หลายชนิด เช่น ปวดศีรษะ มะเร็งสมอง หูอักเสบ มะเร็งของ เม็ดเลือดขาว และความจำเสื่อม

          ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการให้ข้อมูลข่าวสารกับประชาชนโดยสื่อต่างๆมักจะไม่มีการยืนยันถึงที่มาของแหล่งข่าวที่สามารถอ้างอิงทางวิชาการได้ และยังไม่มีหน่วยงานใดที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน ก่อให้เกิดข้อสงสัย และความตื่นตระหนกกับประชาชนเป็นอย่างมาก ในประเทศไทยข้อมูลต่างๆ ที่ประชาชนได้รับยังไม่ชัดเจนว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง และจะมีการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร เนื่องจากมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายกลุ่ม การดำเนินการแก้ไขปัญหาของแต่ละกลุ่มทำไปอย่างไม่เป็นระบบ และเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้มีผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจอีกด้วย

          มีรายงานทางการแพทย์หลายครั้งระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถือ ทำให้เป็นมะเร็งได้ ซึ่งเกิดจากการนำโทรศัพท์มือถือใส่ไว้บริเวณกระเป๋าเสื้อ เป็นได้ทั้งชายและหญิง และที่สำคัญ คลื่นจากโทรศัพท์มือถือมีผลต่อสมองและสายตาด้วย อีกอย่างหนึ่งระวังเรื่องแบตเตอรณี่ที่อาจระเบิดได้ ซึ่งมีข่าวขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์มาแล้วหลายครั้ง รายงานของคณะกรรมการพิเศษ สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทโทรศัพท์มือถือทุกยี่ห้อทุกระบบ โดยศึกษาวิจัยการใช้โทรศัพท์มือถือผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาว และได้ทยอยเปิดเผยรายงานวิจัยดังกล่าวออกมาเป็นระยะ
          ล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนนี้นักวิจัยได้เปิดเผยผลการศึกษาในสัตว์ทดลองที่ศึกษามานานกว่า 7 ปี พบว่าการใช้โทรศัพท์มือถือมีผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ของมนุษย์ ทำให้การซ่อมแซมดีเอ็นเอในร่างกายเสื่อมสมรรถภาพ และมีความเป็นไปได้ว่าทำให้เกิดเนื้องอกหรือมะเร็งที่สมอง จากการศึกษาดังกล่าว นักวิจัยได้นำไปศึกษาต่อในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งสมอง พบว่าเนื้องอกที่สมองมีความสัมพันธ์กับการใช้โทรศัพท์มือถือ กล่าวคือพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกในสมองจะเป็นข้างเดียวกับข้างที่ใช้โทรศัพท์ ถ้าถือโทรศัพท์มือถือข้างขวาก็เป็นเนื้องอกที่สมองข้างขวา และยังพบว่าในเนื้องอกนั้นมีเซลล์ลักษณะพิเศษที่พบเฉพาะในผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ

          พ.อ.นพ.สุรเดช จารุจินดา คณะกรรมการการจัดงานประชุมวิชาการครบรอบ ๘๔ ปี ของแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งจะบรรยาย ในหัวข้อ ผลกระทบจากโทรศัพท์มือถือจริงหรือไม่ เปิดเผยว่า จากการสัมมนาเชิงปฎิบัติการเรื่อง “การศึกษาผลกระทบจากโทรศัพท์มือถือ” ของ สภาสมาคม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท.) เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา ได้สรุปผลกระทบโทรศัพท์มือถือออกมาว่า

          โทรศัพท์มือถือใช้แนบไว้ที่หูครั้งละนานๆ เป็นเวลาหลายปี น่าจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้โดยตรงทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยมีรายงานการวิจัยในหลอดทดลองพบว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เกิดจากการ รับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือซึ่งมีความถี่อยู่ในช่วงคลื่นไมโครเวฟสามารถทำให้เกิดความร้อน และทำร้ายเซลล์ภายในเนื้อเยื่อบริเวณหู, ตา และสมอง

          ผลกระทบในระยะสั้นผู้ที่ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือจะทำให้เกิดอาการ ปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว มึนงง ขาดสมาธิ และเครียดเนื่องจากระบบพลังงานในร่างกายถูกรบกวน

          สำหรับผลในระยะยาว คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถืออาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อมเนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลาย เกิดโรคมะเร็งสมองเนื่องจากเนื้อเยื่อสมองมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมไปจากปกติ และทำให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

          นอกจากนี้ จากรายงานการสรุปดังกล่าว ระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถือในเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑๐ ขวบจะมีผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถผ่านกะโหลกศีรษะของเด็กเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองได้ลึกกว่าของผู้ใหญ่ รวมทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเติมน้ำมัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ได้ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดประกายไฟที่จุดติดไฟกับน้ำมันได้

          และ สำหรับวิธีการป้องกันอันตรายดังกล่าว ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องคุยนานให้สลับหูซ้ายหูขวา ควรใช้โทรศัพท์สายตรงจะปลอดภัยกว่า, ควรใช้อุปกรณ์ Small talk หรือ hand free ทุกครั้งเมื่อใช้โทรศัพท์มือถือ, หลีกเลี่ยงการให้เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑ ขวบใช้โทรศัพท์มือถือ, หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ, หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเติมน้ำมันรถยนต์, ปิดโทรศัพท์มือถือก่อน เข้าไปในบริเวณที่มีการรับจ่ายน้ำมันและก๊าซ บริเวณที่มีการขนย้ายและเก็บเชื้อเพลิง หรือสารเคมี, ไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง หรือคาดเอว หรือแขวนไว้ช่วงหน้าอก เพราะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาจากเครื่องมือถือตลอดเวลา อาจทำให้เป็นมะเร็งเต้านม และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้

          โทรศัพท์มือถือ ปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ที่อาจเป็นตัวพาหะนำอันตรายสู่ผู้ใช้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่นิยม สื่อสารโดยผ่าน “มือถือ” คุณกำลังเข้าใกล้โรคร้ายมากมายที่จะเกิดขึ้นกับสมองของคุณ ผู้สนใจรายละเอียดของผลกระทบจากโทรศัพท์มือถือ สามารถร่วมรับฟังการเสวนาได้ที่ การประชุมวิชาการ ครบรอบ ๘๔ ปี ของแพทยสมาคมฯ ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ณ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๐.๑๕ น. ณ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ สอบถาม รายละเอียด โทร. ๐–๒๓๑๔–๔๓๓๓ และ ๐–๒๓๑๘–๘๑๗๐ หรือ www.medassoc.thai.org

คำสำคัญ (Tags): #นักศึกษา
หมายเลขบันทึก: 34927เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2006 13:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2012 14:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ได้ความรู้มากเลยคับ ได้รู้วิธีป้องกับขอบคุณคับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท