เวลาที่เราได้รับผิดชอบทำงานอะไรสักอย่างหนึ่ง ถ้าเรารับงานนั้นหรือทำงานนั้นด้วยการที่ตั้งใจว่า เราจะทำงานนี้เพื่อส่วนรวม ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทำความดี เป็นการทำงานด้วยความเสียสละ "ทำเพื่อให้" การวางแผนงาน การย่างก้าวของงานนั้นก็จะออกมาในรูปแบบหนึ่ง
แต่ถ้าเราได้รับงานใด หากเราตั้งใจว่าจะใช้งานนี้เพื่ออวดตัว อวดตน ทำงานแล้ววางมาด วางกล้าม ทำงานเพื่อให้คนอื่นรู้ว่า "กูนั้นเก่งกว่ามึง" เจ๋งกว่า ดีกว่า ทำโชว์ "ทำเพื่อเอา" เอาผลประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง ทั้งที่อยู่ในรูปของตัวเงิน ทั้งที่อยู่ในรูปของคำชม เกียรติยศ ชื่อเสียง การวางแผนงาน การย่างก้าวของงานนั้นก็จะออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง
งานเดียวกันแต่ถ้าหากคนสองคนนั้นมีความตั้งใจทำงานไม่เหมือนกันงานที่เหมือนกันก็ออกมาแตกต่างกันได้
คนอื่นที่ได้สัมผัสเขาจะรู้ เขาจะสัมผัสได้ว่างานใดนั้นสัมผัสสุข สุขที่สัมผัสได้จากผู้ให้ หรืออีกงานหนึ่งเขาจะสัมผัสได้ถึงความขี้โอ่ ขี้อวด สัมผัสได้ถึงความทุกข์ใจของผู้ทำ ที่ต้องการทำเพื่อสนองความอยากของตนเอง อยากเด่น อยากดัง อยากได้ฟังแต่คำชม
ดังนั้น ถ้าหากเราตั้งใจดี เวลาทำงานก็จะออกมาดี เพราะเราสามารถรับฟังได้ทั้งคำติ คำชม แต่ถ้าหากเราตั้งใจไว้ไม่ดี เวลาทำงานก็จะออกมาไม่ดี เพราะเราสามารถรับฟังได้แต่คำชม ใครมาติมาพูดอะไรก็จะ "ทำใจไม่ได้..."
เวลาที่ได้รับงานอะไรนั้น ขอให้ตั้งใจไว้เสมอว่า การได้ทำงานนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้ทำความดี เป็นโอกาสที่จะได้เสียสละ จากนั้นทำงานนั้นอย่างเต็มที่ ทำงานนั้นอย่างมี "ความสุข"
เวลาที่จะทำงานอะไรสักอย่างหนึ่ง เราก็มักคิดก่อนว่าทำไปแล้วนะได้อะไรนะ เรามักจะหวังผลประโยชน์ที่จะได้ก่อนลงมือทำเสียอีก
ดังนั้นเวลาที่วางแผนเราก็มักจะเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง อันไหนทำแล้วได้ทำ อันไหนทำแล้วไม่ได้ "ไม่ทำ"
สิ่งใดได้ผลประโยชน์มากทำอันนั้น สิ่งใดให้ผลประโยชน์น้อยเอาไว้ทีหลัง หรือทำแล้วต้องเสียผลประโยชน์ของตนเองที่มีอยู่ก็จะไม่ทำและไม่คิดที่จะทำ
ความคิดนี้เองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการที่เราจะทำอะไรสักอย่าง เพราะถ้าหากเราคิดที่จะให้โดยไม่หวังผลประโยชน์ใจเราก็จะสบาย การหายใจก็จะสะดวก
เมื่อหายใจสบาย หัวใจสูบฉีดเลือดดี หัวสมองก็แล่น แผนที่ออกมาก็เลิศ
แต่ถ้ามองแต่ผลประโยชน์ ลมหายใจสั้น หัวใจต้องเต้นเร็ว สมองตื้อ คิดไม่ออก แผนที่ออกมาก็รั่ว
ถ้าคิดดีก็จะได้การกระทำที่ดี เพราะเป็นการทำด้วยจิตใจที่ดี...
การมองโลกในแง่ดีเป็นการมองในแง่ที่จะไม่กอบโกยหาผลประโยชน์จากโลกใบนี้
เมื่อชีวิตเราเกิดมาจากธาตุทั้ง 4 ของโลก เราจึงจำเป็นต้องใช้ชีวิตและร่างกายดีในการทำความดีเพื่อตอบแทนบุญคุณของโลกใบนี้ที่ให้เกิดและให้มีซึ่งตัวเรา
ชีวิตเป็นเหมือนละครฉากหนึ่งซึ่งเราเป็นนักแสดงที่ถูกสมมติบทบาทขึ้นบนเวทีที่ชื่อว่าโลก
เรามีหน้าที่ที่จะแสดงให้เห็นถึงความรัก ความเอื้ออาทรทั้งต่อผู้อยู่เบื้องหน้า คือผู้ชมซึ่งหวังและเฝ้ารอที่จะรับความสุข ความสนุกสนานจากเรา พร้อมกันนี้เราก็ยังคงต้องตอบแทนผู้ที่อยู่เบื้องหลัง อันได้แก่ พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ครอบครัว ซึ่งเป็นผู้หล่อหลอมเราให้มี "ชีวิต"
ชาตินี้เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนาถือว่าเราได้อะไรที่มากมายเหลือล้น
ขอให้ใช้โอกาสจากอัตภาพที่เป็นมนุษย์นี้เพื่อทำความดีและ "เสียสละ..."