• ระบบมี ๒ แบบ ระบบเชิงกลไก (mechanical) กับระบบเชิงอินทรีย์ (organic)
• การคิดเชิงระบบ แบบกลไก คิดแบบ input – process – output เป็นแนวคิดของการจัดการยุคอุตสาหกรรม เมื่อมีวัตถุดิบ X นำมาผ่านกระบวนการที่กำหนด จะได้ผลผลิต Y ถ้ามีวัตถุดิบ 2X ก็จะได้ผลผลิต 2Y คาดผลลัพธ์แน่นอนได้
• แต่ในความเป็นจริง โลกมีความซับซ้อน เป็นระบบที่ไม่เป็นเส้นตรง การจัดการสมัยใหม่ต้องใช้แนวคิดเชิงระบบแบบอินทรีย์ หรือระบบซับซ้อน ไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์ที่แน่นอนได้ ๒ + ๒ ไม่เป็น ๔ อาจเป็น ๑ หรือ ๕ หรือ ๕๐ หรือกลายเป็นผลที่เปลี่ยน order ไปเลย ก็ได้
• การคิดกระบวนระบบ (Systems Thinking) ใน The Fifth Discipline สำหรับ LO ตามแนวของ Peter Senge หมายถึงการคิดแนวระบบซับซ้อน ระบบซ้อนระบบ และอาจเกิดการผุดบังเกิดเป็นระบบใน new order ได้เสมอ
• KM แนว LO เน้นการจัดการแบบเอื้ออำนาจ ให้พลังแห่งระบบที่ซับซ้อนทำงานเอง หวังผลลัพธ์ในระดับ “ปรากฏการณ์ผีเสื้อ”
• พลังแห่งระบบที่ซับซ้อนเป็นพลังธรรมชาติมีอยู่ทั่วไป แต่ไม่แสดงตัวเพราะระบบแข็งทื่อ ไม่เปิดช่องให้พลังแห่งระบบซับซ้อนทำงาน จะให้พลังแห่งระบบซับซ้อนทำงานได้ ต้องมีการจัดการแบบให้อิสระ และเอื้ออำนาจภายใต้พลังแห่ง Shared Vision / Common Purpose
วิจารณ์ พานิช
๒๘ มีค. ๔๙
ไม่มีความเห็น