เกษตรกรระดับแกนนำด้านการเกษตรในชุมชนส่องตาแล ที่ชื่อคุณกฤษณี อภิชาตวิสุทธิ์ และครอบครัว ได้ผลิตน้ำส้มควันไม้ เพื่อใช้ในการเกษตรของตนเอง โดยเฉพาะการขับไล่แมลงที่มากัดกินทำความเสียหายให้แก่พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้ในแปลงเกษตรของตนเอง
พบการทำน้ำส้มควันไม้ดีที่บ้านส่องตาแลโดยปราชญ์ชาวบ้านที่ชื่อคุณกฤษณี อภิชาติวิสุทธิ์
สวัสดีดีครับ เช้านี้ผมจะขอนำเสนอสิ่งดีๆด้านการเกษตรที่ไปพบปะพูดคุย รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2553 ที่บ้านส่องตาแล หมู่12 ตำบลบ่อถ้ำ อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชรมาเล่าให้ฟังนะครับ
มีเกษตรกรระดับแกนนำด้านการเกษตรในชุมชนส่องตาแล ที่ชื่อคุณกฤษณี อภิชาตวิสุทธิ์ และครอบครัว ได้ผลิตน้ำส้มควันไม้ เพื่อใช้ในการเกษตรของตนเอง โดยเฉพาะการขับไล่แมลงที่มากัดกินทำความเสียหายให้แก่พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้ในแปลงเกษตรของตนเอง จากการเล่าให้ฟังของคุณกฤษณี ได้เล่าถึงตนเองได้ใช้แปลงทำการเกษตรของตนเองเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรพอเพียงในชุมชน โดยยึดหลักตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน โดยให้ความรู้หรือที่เรียกว่าการแบ่งปันความรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อนบ้านทั้งในและนอกชุมชนที่สนใจในการพัฒนาประกอบอาชีพด้านการเกษตรในปัจจุบัน โดยใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทำไปแล้วมีคนสนใจ มาขอเรียนรู้ร่วม มาขอศึกษาดูงาน อยู่เป็นประจำ ทำให้ครอบครัวมีความสุขที่ดีขึ้น
ลองมาดูกิจกรรมที่มีพี่น้องเกษตรกรได้ให้ความสนใจมากกิจกรรมหนึ่งก็คือ การผลิตน้ำส้มควันไม้ ซึ่งเป็นสารขับไล่แมลงที่ได้ผลดีอย่างหนึ่งโดยเฉพาะที่เป็นแมลงที่มีพี่น้องเกษตรกรประสบอยู่ในปัจจุบันได้แก่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลที่เกิดระบาดในนาข้าวและเพลี้ยแป้งในไร่มันสำปะหลัง เพียงแต่ขยันพ่น ในช่วงจังหวะที่แมลงยังไม่เกิดการระบาดหรือระบาดน้อยที่สุด
คุณกฤษณี ได้เล่าให้ฟังต่อว่า น้ำส้มควันไม้ มีกรดสูงและมีสารประกอบของเมธานอล และพีนอล ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดี เมื่อเรามามาเจือจาง 200 เท่า มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ และต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยจะเพิ่มปริมาณที่มากขึ้น เนื่องจากได้รับสารอาหารจากกรดน้ำส้ม จากการนำไปทดลองและปฏิบัติจริงในแปลงเกษตรของตนเองพบว่า น้ำส้มควันไม้นำมาใช้ในทางเกษตรได้ผลดี เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่พี่น้องเกษตรกรสามารถทำและนำไปใช้เองได้ ซึ่งเป็นการผลิตสิ่งที่นำมาใช้เพื่อลดหรือใช้ทดแทนสารเคมีในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชนั่นเอง
นอกจากนี้ น้ำส้มควันไม้ยังสามารถนำไปผลิตเป็นปุ๋ยหมักน้ำได้เป็นอย่างดี โดยการใช้น้ำส้มควันไม้ ที่เข้มข้น 100 เปอร์เซ็นต์ มาหมักกับหอยเชอรี่บด เศษปลา เศษเนื้อ และกากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีน จำนวน 1 กิโลกรัม ต่อน้ำส้มควันไม้ 2 ลิตร หมักนาน 1 เดือน แล้วกรองเอากากออก เวลาใช้ให้ผสมน้ำ 200 เท่า
หากจะนำน้ำส้มควันไม้ไปผสมกับสมุนไพร เช่น เมล็ด-ใบของสะเดา หางไหล ข่าแก่ ตะไคร้ ฯลฯ เพื่อเพิ่มฤทธิ์ของน้ำส้มวันไม้ในการขับไล่แมลงและป้องกันโรค ซึ่งสามารถเก็บไว้นานได้นานโดยไม่มีการบูดเน่า
สำหรับพี่น้องเกษตรกรทั่วไป สนใจที่จะทดลองนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้จะขอแนะนำอัตราการใช้ดังนี้
1.อัตราส่วน 1:100 หรือผสมกับน้ำ 100 เท่า ใช้ลาดโคนต้นไม้ เพื่อรักษาโรครา และโรคเน่า รวมทั้งป้องกันไม่ให้แมลงได้วางไข่บริเวณโคนต้น
2. อัตราส่วน 1:200 หรือผสมกับน้ำ 200 เท่าใช้ฉีดพ่นใบพืช รวมทั้งพื้นดินรอบๆต้นพืชทุกๆ7-15 วัน เพื่อขับไล่แมลงและป้องกันเชื้อรา และใช้ลดโคนต้นเพื่อเป็นการเร่งการเจริญเติบโตของต้นพืชได้อีกทางหนึ่ง
3. อัตราส่วน 1:500 หรือใช้ผสมกับน้ำ 500 เท่าใช้ฉีดพ่นผลอ่อน ของพืชเพื่อช่วยขยายให้ผลโตขึ้นและช่วยเพิ่มน้ำตาลในผลไม้ได้อีกด้วย
นอกจากการนำฝืน เศษต้นไม้และกิ่งไม้ ในแปลงเกษตรของตนเอง มาผลิตเป็นน้ำส้มควันไม้แล้วยังได้ผลพลอยได้ก็คือได้ถ่านสำหรับหุงต้มคุณภาพดีอีกด้วย ส่งผลให้ครอบครัวไม่ต้องซื้อถ่านมาใช้ในการหุงต้มทำอาหาร หากมีมากเราก็ยังนำไปจำหน่ายเป็นรายได้เสริมแก่ครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย
ท้ายสุดนี้คุณกฤษณี ยังได้ฝากไว้ว่า หากมีพี่น้องเกษตรกรท่านใด หรือรวมกันเป็นกลุ่ม อยากจะมาฝึกปฏิบัติจริงในการทำน้ำส้มควันไม้ไว้ใช้เอง ก็ประสานมาได้ ทางศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียงในชุมชนแห่งบ้านส่องตาแลนี้ก็เชิญติดต่อมาได้ที่ โทร. 086-4413875หรือ 086-6008453 หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอขาณุวรลักษบุรี
เขียวมรกต: 23 มีค.53