ผมยังอยู่ที่วังยาง นครพนม กลับเย็นนี้(19 มี.ค.53)
ผมเดินทางมาตั้งแต่วันที่16 มี.ค. 53 ครับ
วันที่ 25 -26 มี.ค. จะเดินทางมาอีกทีพร้อมท่าน อ.ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
คงจะได้เดินทางมาวังยางที่นี่ต่อเนื่องหลายเที่ยว
ผมมาศึกษากระบวนการเรียนรู้การแก้ไขปัญหาและการดำเนินงานพัฒนาของขบวนชุมชนท้องถิ่น เป็นการศึกษาท่ามกลางการปฏิบัติการจริงหรือการวิจัยเชิงปฏิบัติการนั่นเอง
เป้าหมายของโครงการคือการค้นหารูปแบบกระบวนการพัฒนาคนในขบวนองค์กรชุมชน โดยมุ่งศึกษาท่ามกลางการปฏิบัติการจริงในพื้นที่ ทั้งในเรื่องการวางกระบวนการพัฒนาคนของขบวนองค์กรชุมชนท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วมที่คนในชุมชนเป็นคนกำหนดเป้าหมายการพัฒนาตนเอง กำหนดวิธีการเรียนรู้กันเอง และกำหนดระบบติดตาม ประเมินผลการเรียนรู้กันเอง และเป็นการศึกษาบทบาทของคนในขบวนองค์กรชุมชนที่เติบโตไปพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาและการดำเนินงานพัฒนาที่มีการปฏิบัติการจริงในพื้นที่ โครงการนี้ดำเนินงานทั้งหมด 3 ตำบลโดย ต.วังยาง อ.วังยาง จ.นครพนมเป็น1ใน 3พื้นที่การเรียนรู้ท่ามกลางการปฏิบัติการเชิงลึกนั้น
ประเด็นในการศึกษาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่นี่คือ
สำหรับแนวทางการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของสภาองค์กรชุมชนตำบลวังยางเท่าที่มีการปรึกษาหารือกันในเบื้องต้นพอจะสรุปได้ดังนี้
วิธีการดำเนินงานที่สำคัญคือ การประยุกต์ใช้AI(สุนทรียปรัศนาสาธก)ค้นหาประสบการณ์ที่ดีๆแล้วนำมา ลปรร. ทดลองปฏิบัติการขยายผล สรุปการเรียนรู้เป็นองค์ความรู้ สื่อสารสาธารณะต่อไปครับ
ประทับใจกับการได้ ลปรร. ประทับใจในมิตรไมตรีของผู้คนที่นี่ครับ
ถ้าหากชุมชนสามรถแก้ไขปัญหาด้วยชุมชนเอง
ทุกคนมีส่วนร่วม เกิดชุมชนเข้มแข็ง
นั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นะคะ
การแก้ไขปัญหาและการดำเนินงานพัฒนาของขบวนชุมชนท้องถิ่น ลำพังชุมชนฝ่ายเดียวก็คงจะทำอะไรได้ไม่มากนัก คงจะต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่ายเป็น ความร่วมมือในการพัฒนาร่วมกันทั้งขบวนองค์กรชุมชน(สภาองค์กรชุมชนตำบล)ท้องถิ่น(อบต.)ท้องที่(กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน)และความร่วมมือกับภาคีการพัฒนาภาครัฐ ภาคีวิชาการ รวมทั้งหน่วยงานสนับสนุนอื่นๆ เพียงแต่ชุมชนเป็นตัวตั้ง เป็นเจ้าของเรื่อง เป็นแกนกลางในการพัฒนาครับ
สวัสดีครับพี่
มาชวนไปอ่าน (ดาวมหาลัย) เมื่อบ่ได้ ไป๋บ่ฮอด ครับ
สวัสดีครับท่านอาจารย์ สุเทพ
เมื่อคืน นายกเทศมนตรี โทรมาตามให้ไปคุยเรื่องสวัสดิการ
โดยท่าน บอกว่าจะหาเงินมาสมัครสมาชิกให้คนในชุมชนได้เป็นสมาชิกสวัสดิการชุมชน
ผมจึงชี้แจงให้ฟังว่า แค่คิดก็ผิดแล้ว
เพราะถ้าไม่สร้างความเข้าใจ ในการเป็นเจ้าของสวัสดิการร่วมกัน โดยการเป็นหุ้นส่วนกัน
การให้อย่างมีคุณค่าและการรับอย่ามีศักดิ์ศรี ก็หมดความหมายไม่ต่างอะไรกับสงเคราะห์ในอดีต
สวัสดิการชุมชนคือความเท่าเทียมในการรับสวัสดิการ ไม่ใช่ออมทรัพย์ ที่คนมีเงินมาก ออมมาก ได้ปันผลมาก
แต่สวัสดิการคน ยากดีมีจนค่นแค้นอย่างไร รับสวัสดิการเหมือนกัน
ดังนั้นต้องทำคนให้คนในชุมชน ดูแลเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โยการมาออมเงินกัน เพื่อเอื้อให้กับคนเขาด้อยโอกาส
ถ้าจัดสวัสดิการเพียงเพื่อรอรับงบประมาณ จะผิดวัตถุประสงค์และไม่ยั่งยืน
ดังนั้นสมาชิกสวัสดิการมากหรือน้อยไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นอยู่ที่คนเข้าออมสวัสดิการต้องคิดว่าเป็นการออมเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
เที่ยงคืนจึงได้เข้าใจประเด็นตรงกัน วาดหวังว่าสวัสดิการของเทศบาลปากพะยูน ต้องเป็นการออมบุญเพื่อเอื้อแก่ผู้ด้อยโอกาสทุกคนในอนาคต
ได้เห็นความคืบหน้างานของพี่แล้วยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ คาดว่าหากไม่ผิดพลาดประการใดจะไปพลุพลี กับพี่ในพื้นที่ภาคใต้ เพราะตอนนี้งานประเมินผลงวดเข้ามาเต็มทีครับ
สวัสดีค่ะ
ตามมาให้กำลังใจคนทำงานแลแอบมาเรียนรู้
" การประยุกต์ใช้AI(สุนทรียปรัศนาสาธก)
ค้นหาประสบการณ์ที่ดีๆแล้วนำมา ลปรร. "
หวังว่าท่านคงสบายดีนะคะ
ครูกระเเต