ก่อนการนัดชุมนุมมุ่งสู่กรุงเทพของคนเสื้อมีสี ผู้เขียนมีภารกิจวิชาการที่ จังหวัดสุรินทร์ที่ไม่ไปไม่ได้ เพราะลูกศิษย์ปริญญาเอก สาขายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค กลุ่มการสื่อสารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ สองคนจะต้องสอบสัมมนา
นอกจากนั้นยังเป็นโอกาสจัดการเสวนางานวิจัยที่เขาทำกันอยู่ ในหัวข้อ “การเสวนาเครือข่ายนักสื่อสารเพื่อชุมชน บนมิติความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์แม่น้ำมูล” โดยมีสองเครือข่ายจาก จังหวัดสุรินทร์ และ บุรีรัมย์นำเยาวชนมาบอกเล่าสิ่งที่เขาทำกัน
ตั้งสติให้ไม่วิตกกับเหตุการณ์นัดชุมนุมจนไม่เป็นอันทำอะไร เดินทางจากอยุธยาไปสุรินทร์ ได้พบเห็นสิ่งดีๆ และรู้สึกว่าได้มีส่วนทำประโยชน์ทางวิชาการ มีความสุขในใจเกิดขึ้นพอสมควร อยากมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังค่ะ
ภารกิจหลัก คือการเป็นกรรมการสอบสัมมนาร่วมกับอาจารย์อีกสองท่านที่ช่วยกันเคี่ยวกรำศิษย์ นั่นคือ
อาจารย์ทั้งสามนับว่าเอาจริงเอาจังกับผลงานของนักศึกษาปริญญาเอกทั้งสองคนนี้มาก เพราะ ทั้งสองคนจะจบปริญญาเอกที่เน้นการใช้การสื่อสารวิทยาศาสตร์กับการพัฒนาภูมิภาค ซึ่งจะเป็นสองคนแรกของประเทศไทย และต้องทั้งทำงานตอบสนองการพัฒนาชุมชนในท้องถิ่นของตนตามพันธกิจของมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกแห่ง และ ต้องเป็นครูบาอาจารย์สอนศิษย์ในสาขาวิชาการนี้ต่อไป
งานสัมมนาจะขอข้ามไปไม่เล่าเพราะยังต้องมีการแก้ไขปรับปรุงในหลายประเด็นเอาเก็บไว้ให้เป็นเรื่องหนักใจต้องขบคิดต่อไปของศิษย์ทั้งสอง
อยากเล่าโครงการงานวิจัยของลูกศิษย์ที่ทำ เครือข่ายนักสื่อสารเพื่อชุมชน
เน้นเรื่องของเด็กๆ เยาวชน พลังของชุมชน มีปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวหน้าวนอุทยานในพื้นที่
มาพร้อมกันใน “งานเสวนาเครือข่ายนักสื่อสารเพื่อชุมชนบนมิติความหลากหลายทางชีวภาพ และ การอนุรักษ์แม่น้ำมูล”
ซึ่งเยาวชนเขาทำการศึกษาวิจัยเรื่องในชุมชนของตนเองที่เขาเลือกเองว่ามีความสำคัญ แล้วมานำเสนอด้วยวิธีการที่ตระเตรียมมา วันนี้มากันสองคณะ
ผู้ใหญ่บ้าน (จริงๆ) ของอำเภอท่าตูมก็มาแบ่งปันเล่าประสบการณ์ในการอนุรักษ์หาดของบ้านท่าตูมไม่ให้มีการดูดทราย ทำได้สำเร็จเป็นหมู่บ้านเดียวในแถบนี้ที่ทำสำเร็จ หมู่บ้านอื่นมีการดูดทรายทำตลิ่งพังเป็นแถบๆและปลาต่างๆก็หายไป
น่าจะเป็นแรงบันดาลใจและวิธีการที่ชุมชนอื่นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
ชมวิดีทัศน์เสร็จ เด็กๆทุกคนแบ่งกันเล่าประสบการณ์อย่างองอาจ ตาเป็นประกาย เพราะพูดถึงสิ่งที่ทำมากับมือ และเขายังชวนปราชญ์ชาวบ้านมาด้วย พร้อมกับหัวหน้าวนอุทยานเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาขึ้นเวทีเล่าเสริมถึงกระบวนการเรียนรู้เรื่องผักหวานของเยาวชนร่วมกับชุมชนในอีกหลายๆที่ ที่มีวิธีการแตกต่าง เป็นการหมุนเกลียวความรู้ เปิดและขยายโลกทัศน์ที่กว้างออกไปอีก ขอชื่นชม คุณครูกฤติยา ศรีริ ที่เป็นที่ปรึกษาและให้เด็กๆเรียนรู้อย่างอิสระ ทว่ามีแนวทางได้ทั้งความรู้ ความดี และความงาม
สิ่งที่ได้ฟัง ได้เห็น น่าชื่นใจ และร่วมภูมิใจกับเยาวชนช่างคิดและกล้าทำสิ่งดีๆนี้
มีเวลาได้สัมผัสความเป็นเมืองสุรินทร์น้อยมาก ได้ไปตลาดแค่ยี่สิบนาที แต่ก็ยังมีสิ่งน่าสนใจนำมาฝากกันในตอนหน้าก็แล้วกันนะคะ
สวัสดีครับพี่นุช...
แวะมาเยี่ยมครับ
ตอนนี้ผมอยู่ที่ดอยมูเซอครับ มาดูแลเรื่องการก่อสร้างที่พัก
อ่านบันทึกนี้แล้วนึกถึงการทำงานช่วงหนึ่งของผม ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับอาจารย์ท่านหนึ่ง
งานที่ทำคือ การใช้สื่อพื้นบ้านในงานพัฒนาชุมชน (เน้นพัฒนาสุขภาวะ)
มีบทเรียนจากการทำงานในช่วงนั้นเยอะมากครับ
ขอบคุณค่ะคุณหนานเกียรติ หลบร้อนเมืองกรุง ขึ้นดอยมูเซอ น่าอิจฉาจังเลย เอาใจช่วยเรื่องการทำที่พักค่ะ ขอให้เสร็จตามกำหนด พี่จะได้ไปร่วมงานพิธีเปิด ^____^ และไปนอนสูดอากาศภูเขาให้สบายใจ
การทำงานกับชุมชนหากไปถูกทางก็จะมีความสุขทุกฝ่ายนะคะ และยั่งยืนด้วยตัวของชุมชนเอง แล้วคุณหนานเกียรติได้เขียนเล่าบทเรียนและถอดบทเรียนไว้หรือเปล่าคะ น่าจะเป็นประโยชน์มากจริงๆค่ะ
มาให้กำลังใจ ผู้นำชุมชน นักศึกษา ครูและ เด็กค่ะ
ขอบคุณค่ะน้องอ็อด ที่มาช่วยอ่าน การที่มีผู้คนได้รับรู้สิ่งดีๆที่เขาทำย่อมเป็นกำลังใจให้เขามุ่งมั่นต่อไปนะคะ
ขอบคุณคะ ปิ๋ม และเครือข่ายนักสื่อสารเพื่อชุมชนยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ จากทุกๆท่านคะ
ขอให้อาจารย์สุขใจ pimsurin เรียนรู้อย่างมีความสุข และ เกิดความสำเร็จจากความมุ่งมั่นเอาจริงนะคะ สู้ สู้