เนื่องจากความตั้งพระทัยที่จะใช้ภาษาให้ผิดอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงพบการใช้ภาษาที่ผิดตลอดเล่ม โดยแบ่งเป็น ๒ แบบ คือ การใช้ตัวสะกดผิด และการแทรกคำภาษาอังกฤษลงไป ซึ่งการใช้ตัวสะกดผิดจะสังเกตได้อย่างชัดเจน จากบทไหว้ครูที่ยกมาต่อไปนี้
๏ ขอคำรบนบหัดอัดทิถาน
อํงพระพุดทะรัดกำจัดมาน โปรดประทานพระสะทันอันอุดํม
หนึ่งคำนับในพระทัมอันล้ำเลิด แสนประเสิดส่องทางข้างสยํม
อีกไหว้อ่ริยสํงวํงบอรม ด้วยชื่นชมโสมนัดมัดส่กาน
ขอบังคมพระไม้ตรีสีอานเจ้า อันยังเนาในดุสิตส่ทิดสถาน
อีกไหว้ครูอุปัดชาอํงอาจาน อีกกราบกรานทั้งช่นกชนละนี
จากบทไหว้ครูข้างต้นจะเห็นได้ว่า ทรง “จงใจ” ที่จะใช้ภาษาเช่นนี้ ซึ่งถ้าหากผู้ใดเข้าใจและใช้ภาษาได้ถูกต้องจะรู้สึกรำคาญกับการใช้ภาษาข้างต้น ซึ่งนับว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของการล้อเลียน ประหนึ่งจะชี้ให้เห็นโทษของการนำภาษาที่ผิดมาแต่งกลอนว่ามีโทษอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีการใช้คำอื่น ๆ ผิดอีก อาทิ เสวกรฉัด-เศวตฉัตร ประกาดชํงกาน-ประกาศราชโองการ ที่นั่งตัดสมาคํม-พระที่นั่งอนันตสมาคม ระรี่-ไดอารี่ ฯลฯ ซึ่งการใช้คำเหล่านี้ให้ผิดก็เพื่อให้รู้ว่าคำที่เขียนแบบนี้เป็นการเขียนผิด ดังที่ทรงแจ้งความประสงค์ไว้ในตอนท้ายของกลอนไดอารี่ซึมซาบว่า
หฤาคดีที่จํดหมดทั้งนั้น เอกโทชั้นตลอดชั่วตัวอักสอน
ถ้านารีมีปันยาอันสามาด ฉ่ลาดรู้อักสอนสีดีกว่าฉัน
ช่วยแก้ให้ถูกได้หมดทั้งนั้น ฉันจะให้รังวันช่างหนึ่ง เอย ฃะ
ซึ่งจากกลอนนี้ทำให้เราทราบพระประสงค์ว่า ทรงรู้ว่ากลอนที่เขียนและใช้ภาษาถูกเป็นอย่างไร แต่ไม่ทรงเขียน เพราะต้องการล้อเลียนและชี้ให้เห็นโทษของการใช้คำผิดเท่านั้น
ไม่มีความเห็น