ระหว่าง"ระบบชูรอ"กับ"ระบบประชาธิปไตย
โดย ชัยคฺ ดร.ยูซุฟ อัล ก็อรฎอวีย
แปลและเรียบเรียง อาอิช
อัสลามุอะลัยกุม ชัยคฺครับระหว่างระบบชูรอ
กับระบบประชาธิปไตยมีความแตกต่างกันตรงไหนครับ?
อิสลามมุ่งหวังให้ประชาชาตินี้ปรึกษาหารือซึ่งกันและกันและดำรงอยู่เสมือนเรือนร่างเดียวกันที่ศัตรูไม่สามารถทะลวงมันได้ ประชาธิปไตยมิได้มิอยู่เพื่อสิ่งนี้ ประชาธิปไตยเป็นระบบที่ไม่สามารถแก้ปัญหาสังคมได้ทั้งหมด ประชาธิปไตยสามารถทำอะไรก็ได้ที่มันต้องการให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือจะปฏิเสธสิ่งใดก็ได้ที่พวกมันไม่ชอบ
ในการเปรียบเทียบกฎหมายชะรีอะฮฺเป็นเสมือนระบอบการเมืองหนึ่งที่มีข้อบัญญัติ(จากรากฐานของอัลกุรอานและซุนนะฮฺ) ถ้าเราจำเป็นต้องนำประชาธิปไตยมาใช้เราก็ควรนำสิ่งทีดีที่สุดของมันมาใช้ อันได้แก่ วิธีการ การรับประกัน และรูปแบบต่างๆของสังคมประชาธิปไตยในฐานะที่เป็นสังคมอิสลาม เราจะต้องนำมันมาใช้ในบริบทอิสลามของสังคมที่แสวงหาการดำเนินชีวิตตามกฎหมายชะรีอะฮฺ
สังคมของเราจะต้องยึดถือในสิ่งที่อัลลอฮฺตะอาลาทรงกำหนดว่าเป็นสิ่งอนุมัติ
และสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดว่าเป็นสิ่งต้องห้าม ส่วนประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับเสียงข้างมากที่สามารถจะยกเลิกข้อบัญญัติและกฎระเบียบต่างๆ มันยังสามารถทำลายตัวมันเองด้วยข้อบกพร่องชนิดนี้
ในความเป็นจริงบางกรณีประชาธิปไตยอาจมีความเลวร้ายยิ่งกว่าระบบเผด็จการเสียอีก สิ่งข้าพเจ้าได้เสนอนั้นคือรูปแบบที่แท้จริงของระบอบของประชาธิปไตย เนื่องจากสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยกฎหมายชะรีอะฮฺนั้นมีความสอดคล้องกับการมีเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และความเที่ยงธรรม
ข้าพเจ้าขอต่อต้านระบอบประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยวที่ผู้ปกครองในโลกอาหรับจำนวนมากนำเอามาใช้ ข้าพเจ้ามีปัญหาเหลือเกินกับตัวเลยเปอร์เซ็นต์ของผลการเลือกตั้ง ผู้ปกครองในโลกอาหรับส่วนมากรวมทั้งโลกอิสลามด้วยได้รับการเลือกจากประชาชนถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์ นี่มันประชาธิปไตยแบบไหนกัน? ประชาชนจะไม่เห็นตรงกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรอก
นอกจากนี้ข้าพเจ้าอยากให้พวกท่านเพ่งดูในเรื่องความผิดทางศีลธรรมที่แพร่กระจายในสังคมประชาธิปไตย เราจะต้องยึดสิ่งที่เป็นความดีและละทิ้งสิ่งที่เป็นความชั่ว ตัวอย่างเช่น ประเทศที่ปกครองระบอประชาธิปไตยจำนวนมากอนุญาตให้พวกรักร่วมเพศแพร่ไปทั่ว ซ้ำยังทำให้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายกับพฤติกรรมเยี่ยงนั้น โดยทั้งเกย์และเลสเบี้ยนปัจจุบันนี้สามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ประชาธิปไตยของพวกเรามีความแตกต่างจากพวกเขามันเป็นการเชื่อมโยงกับกฎหมายชะรีอะฮฺ ใช่เรานำหลักการบางประการของประชาธิปไตยมาใช้ แต่มันก็เป็นหน้าที่เหนือพวกเราเช่นเดียวกันที่จะต้องยืนยันข้อบัญญัติต่างๆ
เรามีหลักการทางชะรีอะฮฺที่จะต้องยึดถือไว้ เราต้องการให้ผู้คนมีการปรึกษาหารือและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองเช่นเดียวกันกับในกระบวนการตัดสินใจ
การชูรอเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อสังคมมุสลิมมาตลอด ส่วนการปกครองแบบเผด็จการเป็นเรื่องที่เลวร้ายนับตั้งแต่เริ่มมีมาของมนุษยชาติบนโลกนี้ ประวัติศาสตร์ได้บอกเราถึงทรราช อาทิ ฟริเอาวน์ นัมรูด และอีกหลายๆคน
อัล กุรอานได้บอกเราถึงเรื่องราวของท่านนะบี อิบรอีม อะลัยฮิสลาม กับนัมรูดผู้ทรราชซึ่งปฎิเสธการมีอยู่ของอัลลอฮฺ ตะอาลาและได้ประกาศตั้งตนเป็นพระเจ้า
อัล กุรอานกล่าวว่า “เจ้า(มุฮัมมัด)มิได้มองผู้ที่โต้แย้งอิบรอฮีมในเรื่องพระเจ้าของเขาดอกหรือ? เนื่องจากอัลลอฮฺได้ทรงประทานอำนาจแก่เขาขณะที่อิบรอฮีมได้กล่าวว่า พระเจ้าของฉันนั้นคือ ผู้ที่ทรงให้เป็นและทรงให้ตายได้ เขากล่าวว่า ข้าก็ให้เป็น และให้ตายได้ อิบรอฮิมกล่าวว่าแท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงนำดวงอาทิตย์มาจากทิศตะวันตกเถิด แล้วผู้ที่ปฎิเสธศรัทธานั้น ก็ได้รับความงงงวย และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงประทานแนวทางอันถูกต้องแก่ผู้อธรรมทั้งหลาย " อัล บอเกาะเราฮฺ 258
ทรราชผู้นี้มีความยโสโอหังต่อการท้าทายต่อพระประสงค์ของอัลลอฮฺ ตะอาลา เขาได้เรียกชายสองคนที่กำลังเดินผ่านท่ามกลางการโต้เถียงของเขากับท่านนะบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม ให้มาหาเขา เขากล่าวแก่ท่านนะบีอิบรอฮีมว่า “ดูซิ ฉันได้สั่งให้ฆ่าชายคนหนึ่งและให้อภัยกับชายอีกคน” อย่างไรก็ตาม ท่านนะบีอิบรอฮีมก็มีความฉลาดหลักแหลมกว่าทรราชผู้นี้ และท่านโต้กลับไปว่า “หากท่านเป็นพระเจ้าจริง ท่านก็จงนำพระอาทิตย์ซิ”
เรื่องราวทำนองเดียวกันได้รับการกล่าวซ้ำถึงทรราชแห่งอียิปต์คือฟิรเอาวน์ผู้ซึ่งประกาศตั้งตนเป็นพระเจ้า
และปฎิเสธที่จะยอมรับสาส์นที่ถูกส่งมายังเขาตลอดประวัติศาสตร์ผ่านมา การปกครองที่กดขี่ การปกครองที่ไม่มีความเป็นธรรม ได้ร่วมกันก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน อัล กุรอาน กล่าวว่า “บรรดาผู้ละเมิดเหล่านั้นตามหัวเมืองต่างๆ แล้วก่อความเสียหายอย่างมากมายในหัวเมืองเหล่านั้น” อัลฟัจญรฺ 11-12
และอัลลอฮฺ ตะอาลาได้กล่าวถึงฟิรเอาวน์อีกเช่นกันว่า “..และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้แยกทะเลออกเพราะพวกเจ้า แล้วเราได้ช่วยพวกเจ้าให้รอดพ้น และได้ให้พวกฟิรเอาวน์จมน้ำตายขณะที่พวกเจ้ามองดูอยู่” อัล บอเกาะเราะฮฺ 50
อิสลามดำรงอยู่ในฐานะต่อต้านผู้ปกครองจำพวกนี้และกำชับให้มนุษย์ต่อต้านทรราชและความอยุติธรรม
สรุปว่าอิสลามมิได้ต่อต้านระบบประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เราต้องการคือสังคมที่เป็นอิสระที่ดำเนินชีวิตภายใต้กรอบกฎระเบียบและข้อบัญญัติทางชะรีอะฮฺ ที่มีความสอดคล้องกับค่านิยมของประชาธิปไตยในเรื่อง ความมีอิสรภาพ สิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม ความก้าวหน้า และความเจริญรุ่งเรือง