พวกเราอาจจะคิดว่า ต้องออกกำลัง “อย่างเป็นทางการ” เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นกีฬา ฯลฯ ถึงจะได้ออกกำลังกาย และได้แรง(แข็งแรง)
ข่าวดีคือ การใช้แรงในชีวิตประจำวันก็มีส่วนช่วยเผาผลาญพลังงานได้มาก ช่วยป้องกันโรคอ้วน เมื่อใช้แรงก็จะได้แรง(แข็งแรง)
คนเราควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยเทียบเท่าการเดินเร็วครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 ครั้งขึ้นไป หรือเทียบเท่าการออกกำลังอย่างหนัก เช่น วิ่งจ๊อกกิ้งครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป ฯลฯ
ถ้านับเป็นก้าว... คนเราควรจะเดินให้ได้วันละ 10,000 ก้าว ข่าวดีคือ การใช้แรงทำงานในชีวิตประจำวันมีส่วนช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไป
ตัวอย่างการใช้แรง 15 นาทีในกิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้เราเข้าใจคุณค่าของการใช้แรงในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น ตัวเลขในวงเล็บเปรียบเทียบจำนวนพลังงานที่ใช้เทียบกับการเดินออกกำลังกาย 10,000 ก้าว
กิจกรรมทางเพศอย่างแข็งขันจะใช้แรงเทียบเท่าการเดิน 750 ก้าว หรือ 7.5 % ของการเดิน 10,000 ก้าว
ตัวอย่างข้างต้นคงจะบอกอะไรเราได้บ้าง เช่น ถ้าล้างรถแทนไปจ้างคนอื่นล้าง 15 นาทีจะได้ออกแรงประมาณ 1 ใน 5 ของการออกกำลังขึ้นต่ำใน 1 วัน ฯลฯ
ถ้าใช้แรงโน่นบ้างนี่บ้าง หลายๆ อย่างรวมกันก็จะได้ออกแรงมากขึ้น ป้องกันโรคอ้วน และโรคเรื้อรังได้หลายอย่าง เช่น ความดันเลือดสูง เบาหวาน ฯลฯ
ผู้เขียนเห็นคำขวัญพิมพ์ไว้บนเสื้อยืดตัวหนื่งว่า “สุขภาพดีเริ่มต้นที่ตัวเรา” จึงขอเรียนเชิญท่านผู้อ่านใช้แรงในชีวิตประจำวันในทางสร้างสรรค์ให้มากขึ้นครับ...
แหล่งข้อมูล:
ขอขอบคุณท่าน อ. หมอวัลลภค่ะ
ดิฉันเคยอ่านพบเรื่องการเดินขึ้นลงขั้นบันไดขั้นเดียวต่อเนื่องกันไป นาน 15 นาทีขึ้นไปเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค จึงลองทำดู พบว่าหลังจากสลับเท้าเดินขึ้นลงบันไดขั้นเดียว (ขั้นล่างสุด กันอุบัติเหตุ) ไปแล้ว 10 นาที เหงื่อจะเริ่มซึมเมื่อถึง 15 นาทีหัวใจจะเต้นเร็วขึ้น และรู้สึกดีค่ะ ถ้ามีเวลาว่างอยากให้ทุกท่านลองทำดูนะคะ มากกว่า 15 นาทีก็ได้ค่ะ ถ้าหัวใจยังไม่ประท้วงว่าหนักไปแล้วนะ
ที่สำคัญเป็นการออกกำลังกายแบบพอเพียงค่ะ
การขึ้นลงบันได 15 นาทีน่าจะดีมากครับ...
มีวิธีที่จะทำให้การขึ้นลงบันได 15 นาทีได้ผลดียิ่งขึ้น...
ขอให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านแข็งแรง มีสุขภาพดี มีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง...
การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ประหยัด พอเพียงมีส่วนช่วยเป็นภูมิต้านทานพิษภัยจากสิ่งแวดล้อม เช่น โรคหนี้ โรคไม่รู้จักพอ โรคอยากล้นพ้นประมาณ กลุ่มอาการ BigBite (กินคำใหญ่ ไม่รู้หยุด) ฯลฯ ได้ครับ
ขอขอบคุณอาจารย์เปมิช ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...
เข้าใจว่า อาจารย์เปมิชคงจะพิมพ์ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผมตอบอาจารย์ 2 ท่านแรก (ดูจากเวลา 21.12-21.17 ห่างกัน 5 นาที)
(1). คนในชาติที่พัฒนาไปแล้วจะเดินเร็วกว่าคนในชาติที่กำลังพัฒนา
(2). ชาติที่พัฒนาแล้ว... ถ้าพัฒนาช้าลงจะเดินช้าลง
องค์กรสมัยใหม่ว่า น่าจะมี "อีน (een)" ต่อไปนี้...
(1). Green = สีเขียว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปลูก+รักษาต้นไม้ ลดมลภาวะ ประหยัดพลังงาน ฯลฯ
(2). Clean = สะอาด ทั้งทางกายภาพ(ไม่สกปรก เช่น มีกิจกรรม 5 ส จนเกิดวัฒนธรรม) และการบริหารโปร่งใส มีการตรวจสอบ ไม่โกง
(3). Lean = กระทัดรัด เปรียบคล้ายคนที่ไม่มีไขมัน (fat) มากเกิน มีการทบทวนเป็นระยะๆ เพื่อยกเลิกกิจกรรมที่ไม่ควรทำ (not do what not to do) หรือกิจกรรมที่ไม่คุ้มค่า รวมทั้งรณรงค์ยกเลิกวัฒนธรรมที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา
(4). Keen = สมรรถนะสูง เป็นองค์กรที่มีผลิตภาพ ส่งเสริมให้คนมีสมรรถภาพ
(5). Meaning = มีความหมาย องค์กรที่ดีควรเป็นพลเมืองที่ดี (good citizen) ของสังคม มีเป้าหมายหรืออุดมการณ์เพื่อประโยชน์ส่วนรวม แม้แต่องค์กรเอกชนก็ควรทำตัวให้มีความหมาย และตอบแทนอะไรให้สังคมบ้าง จึงจะเป็นที่ยอมรับในระยะยาว