การศึกษาใหม่พบ ภาวะขาดวิตามิน D ทำให้เซลล์ฆ่าเชื้อ (killer T-cells) ทำงานได้แย่ลง [ Reuters ]
... /// ...
ภาพที่ 1: แสดงตัวรับ (receptors) บนผิวเซลล์ ซึ่งทำหน้าที่คล้ายเสาอากาศ (attenna) ที่รับสัญญาณเฉพาะ คือ ลักษณะของตัวรับต้องสอดคล้องกับของที่ต้องการ > [ leiomyosarcoma.info ]
กลไกนี้คล้ายลูกกุญแจที่ต้องใช้แม่กุญแจตรง กันโดยเฉพาะมาไข จึงจะทำให้เปิดกุญแจ เข้าบ้านหรือทำการต่างๆ ได้สำเร็จ
... /// ...
ภาพที่ 2: แหล่งสำคัญของวิตามิน D คือ ส่วนใหญ่มาจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนัง (ต้องได้รับแสงแดดอ่อน), ส่วนน้อยมาจากอาหาร [ educommons.net ]
วิตามิน D ต้องผ่านการแปรรูป 2 ขั้นตอนที่ตับและไต จึงจะทำงานได้เต็มที่, ถ้ามีโรคตับเรื้อรัง เช่น กินเหล้าจนตับแข็ง ฯลฯ หรือโรคไต เช่น ไตเสื่อมจากเบาหวาน-ความดันเลือดสูง-นิ่ว-ติดเชื้อ ฯลฯ อาจทำให้การแปรรูปวิตามิน D แย่ลงไปได้
... /// ...
อ.คาร์สเตน ไกส์เลอร์ และคณะจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน เดนมาร์กทำการศึกษาพบว่า เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันโรคต้องอาศัยวิตามิน D จึงจะทำการต้านโรคได้ดี
เมื่อเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า 'T cells' ค้นพบสิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อโรค เซลล์มะเร็ง ฯลฯ, มันจะกางส่วนยื่นที่ทำหน้าที่คล้ายเสาอากาศ (attenna / vitamin D receptor) ออก เพื่อรับวิตามิน D
...
ถ้าระดับวิตามิน D ในเลือดสูงพอ... โอกาสที่ตัวรับนี้จะจับคู่กับวิตามิน D จะสูงขึ้น ทำให้เซลล์นี้เคลื่อนตัวไปฆ่าเชื้อโรค หรือกำจัดสิ่งแปลกปลอม เช่น เซลล์มะเร็ง ฯลฯ ได้
ตรงกันข้าม, ถ้าระดับวิตามิน D ในเลือดต่ำลง โอกาสที่ตัวรับนี้จะจับคู่กับวิตาิมิน D จะต่ำลง และถ้าหาวิตามิน D มาจับไม่ได้... เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันชนิดนี้จะแน่นิ่ง เคลื่อนไหวไม่ได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง
...
เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามิน D ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม, การศึกษาในไม่กี่ปีที่่ผ่านมาพบว่า เซลล์เกือบทุกเซลล์ในร่างกายมีตัวรับวิตามิน D (ไม่ได้มีเฉพาะที่ลำไส้ - กระดูก) และพบว่า ภาวะขาดวิตามิน D อาจเพิ่มเสี่ยงโรคภัยไข้เจ็บหลายอย่าง เช่น เบาหวาน มะเร็ง ฯลฯ
ร่างกายคนเราสังเคราะห์วิตามิน D มากกว่า 90% ได้เมื่อได้รับแสงแดดอ่อนๆ, ที่เหลือได้มาจากอาหาร เช่น น้ำมันตับปลา ไข่ ปลาทะเล วิตามินรวม นมเสริมวิตามิน D ฯลฯ
...
วิตาิมิน D ละลายในน้ำมัน (วิตามินที่ละลายในน้ำมันได้แก่ A, D, E, K) จึงต้องกินพร้อมอาหารที่มีไขมันจึงจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น ถ้ากินนมไขมัน 0% เสริมวิตามิน D กับผลไม้, วิตามิน D เกือบทั้งหมดจะดูดซึมไม่ได้ ฯลฯ
ประชากรทั่วโลกเกือบครึ่งหนึ่งมีระดับวิตามิน D ต่ำ โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตเกือบทั้งวันในอาคาร (indoor)
...
อ.ไกส์เลอร์กล่าวว่า ถ้ามีการศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมให้มากพอ... ต่อไปเราอาจใช้วิตามิน D ป้องกันโรคควบคู่กับการฉีดวัคซีนได้ หรือไม่ก็ผสมเข้าไปในวัคซีนแบบ "รวมมิตร" เลย
เซลล์ภูมิคุ้มกันชนิด 'T cells' จะแบ่งตัวอย่างรวดเร็วแบบทวีคูณ จาก 1 > 2 > 4 > 8 > 16 > 32 > 64 > 128 > 256 > 512 > ... (เพิ่มไปเรื่อยๆ) เพื่อช่วยต้านทานเชื้อโรค หรือมะเร็ง
...
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่กล่าวว่า คนเราต้องการวิตามิน D วันละ 25-50 ไมโครกรัม เทียบเท่าขนาดในวิตามินรวมแบบราคาไม่แพงทั่วไป
การเปิดกายเปิดใจ เช่น ใส่เสื้อแขนสั้น-กางเกงขาสั้น (จำเป็นต้องระวังเรื่องความปลอดภัยด้วยเสมอ) และไม่ทายากันแดดที่แขน-ขา รับแสงแดดอ่อน 10-15 นาที/ครั้ง อย่างน้อย 2 ครั้ง/สัปดาห์ ฯลฯ มีส่วนช่วยให้ได้รับวิตามินมากพอในคนส่วนใหญ่
...
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ภาษาอังกฤษสบายๆ สไตล์ เรา
ต้นฉบับเรื่องนี้คือ 'scientists find why sunshine vitamin is crucial' [ Reuters ]
คลิกลิ้งค์ > คลิกลำโพง-ธงชาติ > ฟัง-ออกเสียงตามเจ้าของภาษา 3 รอบ เพื่อให้จำศัพท์ได้ถูกต้องและเร็ว
...
ย้ำเสียงหนัก (accent) ที่พยางค์แต้มสี กรณีมีตำแหน่งย้ำเสียง 2 ตำแหน่ง, ตำแหน่งที่ย้ำเสียงหนักกว่า คือ พยางค์ที่ใช้ตัวอักษรตัวหนา
@ [ crucial ] > [ ครู้ - เฉิ่ว - L ] หรือ [ ครู้ - เฉี่ยว - L ] > http://www.thefreedictionary.com/crucial หรือ http://www.merriam-webster.com/dictionary/crucial > adjective = สำคัญ
...
คำนี้มาจากภาษาฝรั่งเศสเก่าและละติน แปลว่า 'crux' = กากบาท กางเขน ความสำคัญ; หรือแปลว่า 'crucis' = crossroad = ทางแยก สี่แยก [ TFD ] & [ longdo ]
# This football match is crucial. = การแข่งขันฟุตบอลนัดนี้ (เป็นนัด) สำคัญ.
...
# This is the crucial step. = นี่เป็นขั้นตอน (step = ขั้นตอน สเต็ป) ที่สำคัญ.
# There will be crucial battle in Bangkok. = จะมีการต่อสู้ครั้งสำคัญในกรุงเทพฯ.
...
ติดตามบล็อกของเราได้ทางทวิตเตอร์ > [ Twitter ]
ที่ มา
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง สงวนลิขสิทธิ์ ยินดีให้นำไปเผยแพร่โดยอ้างอิงที่มาได้. > 9 มีนาคม 2553.
-
ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อ การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.