ฟัง ฟัง ฟัง แล้วค่อยพูดเนอ

อยากพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ แต่ฟังไม่เป็น ก็เป็นเช่นนี้แล

เขียนบันทึกนี้ ก็เพราะลูกศิษย์ (เก่าแก่) ที่จบไปนานแล้ว อยากจะเรียนต่อต่างประเทศ แต่ภาษาอังกฤษไม่ขยับ อีเมลมาถามว่าจะพัฒนาภาษาได้อย่างไร

แม่เจ้า ใช้คำว่า "พัฒนาภาษา"เลยเหรอ ความหมายของการพัฒนานี้ หมายถึงว่า ภาษาดีอยู่แล้ว หรือไม่ได้เรื่อง จึงต้องพัฒนากัน

เอาเป็นว่าจัดระเบียบภาษาอังกฤษกันใหม่ก็แล้วกัน ว่าแล้วก็...

ส่งบทความ Effortless English ไปให้อ่าน วันนี้ได้รับอีเมลบอกว่าเป็นบทความที่ดี แม้ี! เอาใจสุดๆ ถามกลับไปว่า อ่านแล้วเหรอ ถึงรู้ว่าดี ไ้ด้คำตอบ แหะๆๆ (ตรูไม่ได้อ่านเลย)

ในบทความนั้นไม่มีอะไรเลย นอกจากคำแนะนำคำเดียวว่า ฟัง ฟัง ฟัง

ทำไมต้องฟัง? อ้าว! ถ้าไม่ฟัง แล้วจะรู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไรกัน

ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ อีก จะทำอย่างไร ก็ฟังต่อไป อย่างน้อย 30 ครั้ง หรือให้ได้ 50 หรือ 100 ครั้งยิ่งดี ยิ่งฟังมาก ก็ยิ่งเข้าใจมาก

ลูกศิษย์ (เก่า) ตอบมาแบบอ้อยอิ่งว่า "จะลองดู"

ไม่ต้องลอง ลงมือทำเดี๋ยวนี้

ไม่ต้องอะไรมาก ฟัง ฟัง แล้วก็ฟัง Listening is the KEY. เข้าใจนะ

ไม่วายที่จะใส่ กฏ 80/20 ไปให้ด้วย

พร้อมกับให้ไปดาวน์โหลด podcast ที่นี่ มาฟัง

จากนั้นก็อีเมลกลับไปว่า อีกสองอาทิตย์กลับมาคุยกันใหม่

ดูสิว่าเจ้านี่จะทำได้หรือเปล่า

ตัดบางข้อความจากบทความมาให้อ่าน...

To get English fluency, you must be a lot of understandable repetitive listening.

That is the ONLY way.

To be a FANTASTIC English speaker, you must learn English with your ears, not with your eyes. In other words, you must listen. Your ears are the key to excellent speaking.

What kind of listening is best? It must be understandable and repetitive.

If you don't understand, you learn nothing. You will not improve. So the best listening material is EASY.

You shold listen to mostly Easy English. Most students listen to English that is much too difficult. They do not understand enough and so they learn slowly.

Listen to easier English, your speaking will improve faster!

Understand is Only Half The Formula.

Understand is not enough.

You must also have a lot of repetition. If you hear a new word once, you will soon forget it. If you hear it 5 times, you will still probably forget it!

You must hear new words and new grammar many times, before you will understand them instantly.

How many times is necessary? Most people must hear a new word 30 times to remember it forever.

To know a word and instantly understand it, you probably need to hear it 50-100 times!

เขียนใน GotoKnow โดย ผศ.ดร.วศิน เหลี่ยมปรีชา
ใน เก็บหินเก็บดินตามทางเดิน

คำสำคัญ (Tags): #english#listening#ภาษาอังกฤษ

หมายเลขบันทึก: 343038เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2010 14:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่าน

ความเห็น (14)

ขจิต ฝอยทอง

เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2010 15:38 น. ()

อาจารย์ครับ เยี่ยมมากๆๆ ขอเอาไปแนะนำนิสิตบ้างนะครับ นิสิตสมัยใหม่ฟังไม่ค่อยเป็น...

แอมแปร์~natadee

เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2010 22:50 น. ()

+ สวัสดีค่ะ อ.วศิน...

+ สบายดีนะค่ะ...ยินดีด้วยค่ะที่ส่ง first draff วิทยานิพนธ์แล้ว...

+ ย้อนกลับไปอ่านบันทึก The Blind Side ...การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย...

+ เป็นสิ่งที่ครูทุกระดับชั้น...ต้องทำค่ะ...แม้ภาระนี้ดูช่างใหญ่หลวงนัก...แต่เมื่อเราเลือกอาชีพครูแล้ว...สิ่งนี้คือสิ่งสำคัญที่เราต้องนำเสนอให้ลูกศิษย์เข้าใจ และส่งผลต่อการเรียนรู้ของศิษย์รวมถึงการใช้ชีวิตในลำดับต่อไปนะค่ะ

+ มหาลัยท้องถิ่น...คือสิ่งที่สังคมไทยต้องการค่ะ...เพราะมหาลัยท้องถิ่นได้รับโอกาสที่ดีในการสอนให้คนหนุ่มสาวเห็นคุณค่าของท้องถิ่นตัวเอง...รักและมีใจพัฒนาท้องถิ่นของตนเองด้วยความตระหนักนะค่ะ...

+ อ๋อยคิดว่า...สังคมไทยเราตอนนี้ต้องการ คนดี สำนึกดี ทำดี มากกว่า คนเก่ง ค่ะ

+ นี่ คือ ภาระ พันธกิจ วิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ ที่มหาลัยท้องถิ่นต้องทำค่ะ

+ ที่นี้...มาถึงบันทึกนี้บ้างค่ะ...จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับแอมแปร์...

+ ทำให้แม่แบบเรา ๆ ตระหนักว่าการฟัง ฟัง ฟัง มีผลต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ค่ะ

+ เรื่องมีอยู่ว่า...แอมแปร์เด็กอายุ 4 ขวบกว่า ๆ ฟังเพลงภาษาอังกฤษจากโทรศัพท์ของพ่อสัมทุกวัน...วันละหลาย ๆ ครั้ง...จนเวลาผ่านไป...ไม่แน่ใจนะค่ะว่ายาวนานแค่ไหน...คงประมาณ 1 เดือน นะค่ะ...ปรากฏว่าวันหนึ่ง...ในขณะที่นั่งรถกลับจากโรงเรียน...แอมแปร์ก็ร้องเพลงนี้ขึ้นมา...จากที่ฟัง...สำเนียงในการออกเสียงคำศัพท์ถูกต้อง ชัดเจน เหมือนในเพลงเลยค่ะ...ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วแอมแปร์ไม่รู้หรอกค่ะว่าคำที่แอมแปร์ออกเสียงแปลว่าอะไร...แต่ออกเสียงได้เหมือนในเพลง...

+ ทั้งนี้...เมื่อแอมแปร์โตขึ้น...เรียนรู้คำศัพท์มากขึ้น...เขาก็จะแปลได้เองค่ะว่าเพลงที่ร้องที่ออกเสียง สำเนียงแบบนี้...คือ ศัพท์ คำนี้ แปลว่าอย่างนี้...

+ ทั้งนี้เพราะ...ถึงแม้เรารู้คำศัพท์มากมายหากแต่เราฟังไม่ออก...ก็ดูเหมือนจะยุ่งยากพอควรค่ะ...

+ ด้วยความคิดถึงค่ะ...จากพวกเรา "แอมแปร์แอนด์เดอะแก็งค์" ค่ะ

ผศ.ดร.วศิน เหลี่ยมปรีชา

เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2010 07:26 น. ()

ยินดีครับ ท่านอาจารย์ขจิต

อ.สบายดีนะครับ

ขอบคุณคุณครูอ๋อยครับ สำหรับคอมเมนท์ดี

ใช่ครับ บ้านเมืองต้องการคนดี สำนึกดี ครับ

อ่านเรื่องราวของน้องแอมแปร์แล้ว บอกได้คำเดียวว่า "สุดยอดครับ"

ภาษาอังกฤษฝึกไว้ไม่เสียหลาย โตไปได้ใช้แน่นอนครับ

ฝากความคิดถึงทุกๆคนด้วยเช่นกันครับ

กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2010 12:36 น. ()

สวัสดีค่ะ ผศ.วศิน

*** ลูกสาวเรียนวิศวะคอมฯ ปี 4 มน. กำลังมองหาทุนไปเรียนต่อ ( ยังหาไม่ได้ค่ะ) ตอนนี้กำลังพัฒนาการฟัง (ซึ่งยากมาก)

*** เปิดภาคเรียนคงต้องไปจูงใจให้นักเรียนตื่นตัวด้านภาอังกฤษ ขานรับ โรงเรียนมาตรฐานสากล (World-Class Standard School) แล้วละค่ะ

***ชอบบันทึกของอาจารย์มากค่ะ ได้นำไปสอนต่อ

*** อาจารย์สบายดีนะคะ ขอบคุณค่ะ

ผศ.ดร.วศิน เหลี่ยมปรีชา

เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2010 10:45 น. ()

สวัสดีครับ คุณครูกิติยา ขอบคุณอีกครั้งครับที่แวะมาอ่านบันทึก ลองหาข้อมูลเรื่องทุนเรียนต่อออสเตรเลียที่ เวบ www.ausaid.gov.au แจกทุนทุกปีครับสำหรับนักเรียนต่างชาติ หนึ่งในประเทศที่ได้สิทธิ ก็คือ ประเทศไทยครับ

ใกล้บ้านเรา ไปมาสะดวก แต่ต้องบอกก่อนครับว่า เรียนยากครับ เพราะฉะนั้นภาษาต้องแข็งแรงจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องการเขียน

แนะนำว่าฟัง ฟัง และฟัง มากๆ การเขียนก็จะแข็งแรงตามไปด้วยครับ

จะส่งบทความเรื่องการฟังไปให้คุณครูตามหลังความเห็นนี้ครับ

สวัสดีครับ