หน้าแรก
สมาชิก
Toi Wantana
สมุด
วิทยานิพนธ์ฉบับโก...
ความสำคัญของโรงรั...
Toi Wantana
Toi Wantana .
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ความสำคัญของโรงรับจำนำ
การรับจำนำในประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ
[1]
ปรากฏตามหลักฐานในรัชสมัยพระบรมโกษฐ์ กรุงศรีอยุธยา ตามพระราชกำหนดที่ออกในปี พ.ศ. 2234 เรื่อง การควบคุมการรับจำนำ กำหนดให้การรับจำนำกระทำในเวลากลางวัน และการให้จำนำกันจะให้เฉพาะคนที่รู้จักกันดี
ในปี 2438 ได้ออกพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2438 กำหนดให้ ผู้ที่จะตั้งโรงรับจำนำต้องขออนุญาต เนื่องจากมีการกำหนดค่าธรรมเนียม ระยะเวลาการใช้ใบอนุญาต การกำหนดเวลาจำนำและไถ่ถอน การกำหนดให้จัดทำตั๋วจำนำ และบัญชีไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งการกำหนดอัตราดอกเบี้ยจำนำ
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2498 มีการจัดตั้งโรงรับจำนำของรัฐเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อย่อว่า “โรงรับจำนำของรัฐ” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้กับประชาชนและให้ความช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับดอกเบี้ยรับจำนำในอัตราที่ถูกกว่าโรงรับจำนำเอกชน
และในปี พ.ศ. 2500 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สถานธนานุเคราะห์” สังกัดแผนกธนานุเคราะห์ กองสวัสดิการสงเคราะห์ กรมประชาสงเคราะห์ และเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2503 คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย รับนโยบายไปจัดตั้งสถานธนานุบาล (โรงรับจำนำ) เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้เดือดร้อนและยากจน หรือผู้มีรายได้น้อย ให้สามารถแก้ปัญหาทางการเงิน ในระยะสั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราสูงนัก
เนื่องจากสถานธนานุบาลมิได้มีวัตถุประสงค์ เพื่อการแสวงหากำไร อย่างการดำเนินธุรกิจการค้าทั่ว ๆ ไป และต่อมาได้ขยายการจัดตั้งสถานธนานุบาลขึ้นในภูมิภาค เนื่องจากเห็นว่าหน่วยบริหารราชการส่วนท้องถิ่น มีงบประมาณของตนเองที่สามารถจัดตั้งสถานธนานุบาลเองได้ โดยให้ทดลองจัดตั้งขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2503 และ ปี 2504 จัดตั้งที่นครสวรรค์ อุดรธานี และหาดใหญ่
ปัจจุบันรัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ โดยแก้ไขเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติหลัก จำนวน 4 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2517 , พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2526 และพระราชบัญญัติโรงรับจำนำ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534
โรงรับจำนำแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
[2]
คือ
1) โรงรับจำนำดำเนินการโดยเอกชน โดยอาจอยู่ในรูปของธุรกิจแบบ
เอกชนคนเดียวเป็นเจ้าของหรือรูปของห้างหุ้นส่วน
2) โรงรับจำนำที่ดำเนินการโดยรัฐบาล แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
2.1) สถานธนานุเคราะห์ เป็นโรงรับจำนำที่ได้รับเงินทุนจากงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ รวมกับกำไรสะสมและเงินกู้จากธนาคารออมสิน ดำเนินกิจการโดยกรมประชาสงเคราะห์
2.2) สถานธนานุบาล เป็นโรงรับจำนำที่ดำเนินการโดยเทศบาล ได้รับเงินอุดหนุนเริ่มแรกจากกองทุนส่งเสริมการสุขาภิบาลและกองทุนบำเหน็จการครองชีพ
ดังนั้น ในการดำเนินการโรงรับจำนำของเอกชนและโรงรับจำนำของรัฐบาลจะคล้ายคลึงกัน แต่จะแตกต่างกันที่สถานที่ประกอบกิจการ
[1]
ประวัติโรงรับจำนำจากเว็บไซด์
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=klongrongmoo&month=042009&date=11&group=2&gblog=38
[2]
เศรษฐศาสตร์การเงินและการธนาคาร มหาวิทยาลัยตะวันออกเฉียงเหนือ
(ออนไลน์) บทที่ 9 ,
www.econ.neu.ac.th
เขียนใน
GotoKnow
โดย
Toi Wantana
ใน
วิทยานิพนธ์ฉบับโกทูโน
คำสำคัญ (Tags):
#คนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ
หมายเลขบันทึก: 343033
เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2010 14:43 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 11:34 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
Toi Wantana
สมุด
วิทยานิพนธ์ฉบับโก...
ความสำคัญของโรงรั...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท