นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่โรงเรียนนำมาใช้
1)
ใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียน
เรียนศิลปะโดยการหัดวาดรูป ใช้โปรแกรม Microsoft Word
โปรแกรม Microsoft Excel โปรแกรม
Microsoft PowerPoint
2) ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
( Computer Assisted Instruction ) หรือ ( CAI )
เป็นกระบวนการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์นำเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่าง
ๆ มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์
(Interactive)
3)
นักเรียนสามารถใช้ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตศึกษาค้นคว้าข้อมูลในแต่ละกลุ่มสาระข่าวสารทางวิชาการอื่น
จากที่ต่าง
ๆ
4)
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic ) หรือ ( E-mail )
เพื่อใช้รับส่งข่าวสาร ข้อมูล รูปภาพ
และส่งงานให้ครูตรวจในแต่ละกลุ่มสาระ
5) นำระบบ e-Learning
มาใช้ในการเรียนการสอนในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์
นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่โรงเรียนควรนำมาใช้
1) การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Learning ) หรือ E-Learning การศึกษาเรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต(Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพเสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และ เพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับ การเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อ สื่อสารที่ทันสมัย(e-mail, web-board, chat) จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime)
2) ห้องเรียนอัจฉริยะ ( Electronic Classroom ) หรือ E-Classroom เป็นการจัดระบบบริหารจัดการห้องเรียน ที่ใช้การเรียนการสอนแบบ On-Line 3) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E- Book ) และห้องสมุด อิเล็กทรอนิกส์ ( E- Library ) เพื่อเสริมการเรียนการสอน ให้แก่นักเรียน ครู และสำหรับสถานศึกษาที่สอนในระดับประถมปลาย เนื่องจากเด็กวัยนี้กำลังอยากรู้อยากเห็นและอยากพิสูจน์ความสามารถของตนเอง 4) การสอนบนเว็บ ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกวิชาโดยอาจจะใช้สอนทั้งรายวิชาหรือเพื่อประกอบเนื้อหาวิชาการสอน แบ่งได้เป็น 5 รูปแบบ คือ1) ใช้เว็บทั้งวิชา 2) ใช้เว็บเสริม3) การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ บนเว็บเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา4) ห้องเรียนเสมือน5) การจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม
แนวทางการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาในโรงเรียน
ขั้นตอนการนำมาใช้ในโรงเรียน ประกอบด้วยขั้นตอน 6
ขั้นดังนี้
1. จัดทำแผนการนำเทคโนโลยี
มาใช้ต้องให้ผู้เกี่ยวข้องมีความเข้าใจ
และเตรียมตัวในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องให้ประสานสอดคล้องกัน
การเตรียมงบประมาณรองรับให้ครอบคลุมค่าใช้จ่าย และคนที่จะดูแลระบบ
และผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบและทำความเข้าใจด้วย
2.
การพัฒนาหรือจัดหาระบบเทคโนโลยีที่ต้องการนำมาเข้าใช้
จะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยการพิจารณา
วิเคราะห์และคัดเลือกด้วยวิธีการที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
และจัดหาผู้พัฒนาระบบและผู้ให้บริการที่จะปรับปรุงพัฒนาระบบที่จะนำมาบริหารจัดการ
3. การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม มีความสำคัญต่อความสำเร็จและความล้มเหลวของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการมาก เช่น การเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ หรือบุคลากรขาดความรู้ เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก จึงจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้พิจารณาร่วมกันกับบุคลากรของโรงเรียน
4. การพัฒนาบุคลากรที่ควบคุมการใช้เทคโนโลยี เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องให้งานประสบผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพ และใช้งานอย่างครบถ้วน
5. การบำรุงรักษา ให้เหมาะสมกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
6. การติดตาม ประเมินผล ควรประเมิน 2 ส่วนคือ ส่วนแรกต้องประเมินผลงานที่กำหนดไว้ในแผน และประเมินความพึงพอใจในการบริการ
ตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโรงเรียน
การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอน และการค้นคว้า จนทำให้ครูและนักเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนทั้งนี้โรงเรียนได้พัฒนา ระบบต่าง ๆ ดังนี้
1. ติดตั้งระบบ Fiber optic เครือข่ายภายในโรงเรียน (LAN) และ Internet ความเร็วสูงทั้งระบบ
2. พัฒนาระบบแจ้งผลการเรียนให้นักเรียนและผู้ปกครองทราบทางอินเตอร์เน็ต โดยอำนวยความสะดวก ให้ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบผลการเรียนของนักเรียนจากที่บ้านได้ และอบรมให้ครูส่งผลการเรียนทางอินเตอร์เน็ต เพื่อช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่งานทะเบียน และลดภาระของครูผู้สอนในการบันทึก ปพ. ในระบบเก่า
3.
การให้บริการอินเตอร์เน็ตให้แก่นักเรียนเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นคว้าข้อมูลในการทำรายงานหรือการเรียนการสอน
4. พัฒนาระบบ E-learning เพื่อให้มีการเรียนการสอนด้วยระบบ
E-learning ที่สมบูรณ์ ครู และนักเรียนมีความเข้าใจในกใช้งานระบบนี้
และใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการเรียนการสอน
มีระบบกลั่นกรองเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์
5. พัฒนาเว็บไซต์ของโรงเรียน
ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายของบุคคลทั่วไป
และเป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลสำหรับครูผู้สอนและนักเรียน
รวมทั้งเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่าง ๆ ของโรงเรียน
และงานกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนให้หน่วยงานภายนอกได้รับรู้
6. นำระบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book)
มาให้บริการในห้องสมุดออนไลน์
และสามารถสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้และจากห้องสมุดทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสื่อผสมในรูปคลิปวีดีโอ
ภาพ การ์ตูน animation
7. ในด้านการบริหารมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง
โดยให้ทุกฝ่าย/งานใช้การอ้างอิงจาก
ฐานข้อมูลเดียวกันทั้งโรงเรียน
โดยนำโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูล
มาใช้ในการบริหารระบบงานของโรงเรียน โดยขั้นแรกจะมีการอบรมให้ครูแกนนำ
เพื่อถ่ายทอดต่อกับเพื่อนครูและอบรมให้ฝ่าย/งานที่เกี่ยวข้องที่ใช้โปรแกรมฐานข้อมูลร่วมกัน
คือ
7.1 ฝ่ายบริหารงานวิชาการ เช่น การจัดทำตารางสอน
งานทะเบียนนักเรียน งานห้องสมุด ฯลฯ
7.2 ฝ่ายบริหารงานบุคคล เช่น งานบันทึกพฤติกรรมนักเรียน การลา
มาสาย การทำความผิดของครู ฯลฯ
7.3 ฝ่ายบริหารทั่วไป เช่น ระบบงานสารบรรณ การรับ-ส่งหนังสือ
E-office งานอาคารสถานที่ ฯลฯ
7.4 ฝ่ายบริหารงบประมาณ เช่น งานการเงิน งานพัสดุ ฯลฯ
ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
จากการที่โรงเรียนได้บริหารงานแบบมีส่วนร่วม
ฝ่ายบริหารกับครูมีความสัมพันธ์กัน มีการนิเทศ ติดตามและประเมิน
แบบกัลยาณมิตร ร่วมคิดร่วมทำ ร่วมกันแก้ปัญหา
มีลักษณะเป็นประชาธิปไตยสูงทำให้การดำเนินงานต่าง ๆ
ของโรงเรียนประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง
*** แวะมาทักทายแลเรียนรุ้
*** ขอบคุณต่ะ
ขอบคุณมากที่เข้าแวะมาแล้ว เม้นท์ให้ด้วย และเป็นกำลังใจต่อไปนะ