146.....พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว!!!..พระองค์แรกที่ถูกยึดทรัพย์...


เลือดไพร่กับเลือดกษัตริย์ต่างกันโดยสิ้นเชิง

     ผมมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ ชิ้นหนึ่งที่เป็นแง่คิดให้กับหลายๆคนในปัจจุบันได้สำนึกว่า เราควรทำอย่างไรกับเหตุการณ์ ที่มีความขัดแย้งกันทางการเมืองและผลประโยชน์ บทเรียนนี้ไม่มีในตำราเรียนครับ

        ในปี พ.ศ.2478 รัฐบาลในขณะนั้นได้เสนอร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร  และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่  15 มิถุนายน  พ.ศ.2479 กฎหมายดังกล่าวคือ "พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์  พุทธศักราช  2479" กฎหมายนี้มีขึ้นเพื่อ แบ่งเอาทรัพย์สินและผลประโยชน์ของพระมหากษัตริย์ไปเป็นของแผ่นดินโดยแยกทรัพย์สินส่วนพระองค์  ทรัพย์สินส่วนสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ออกจากกัน  เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับ  ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าว  คณะกรรมการชุดนี้พบว่ามีเงินจำนวนหนึ่งถูกสั่งจ่ายไปโดยพระปกเกล้าฯ  สำหรับภารกิจของพระองค์ ตั้งแต่ครั้งยังไม่ทรงสละราชสมบัติ ต่อมากระทรวงการคลังจึงได้มอบให้อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพระปกเกล้าฯ และพระนางเจ้ารำไพพรรณีต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่  17  ตุลาคม  พ.ศ.2482 เรียกร้องให้ใช้เงินจำนวน 6 ล้านบาทเศษ คืนแก่รัฐบาล การพิจารณาคดีดำเนินไปในขณะที่พระปกเกล้าฯ ทรงประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษ  ในที่สุดเมื่อถึงวันที่  30 กันยายน  พ.ศ.2484  ศาลแพ่งก็ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 242/2482 คดีหมายเลขแดงที่ 404/2484 ให้โจทก์คือกระทรวงการคลังชนะคดี พระปกเกล้าฯ ซึ่งขณะนั้นสวรรคตไปแล้วจึงต้องคืนเงินจำนวน 6 ล้านบาทเศษ ให้กับกระทรวงการคลัง  รัฐบาลยึดวังศุโขทัยและริบทรัพย์สินอื่นของพระปกเกล้าฯ เพื่อนำไปขายทอดตลาด แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ขาย  ต่อมาในปี  พ.ศ.2485  กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นกระทรวงที่ตั้งขึ้นใหม่ก็ได้ขอเช่าวังศุโขทัยจากกระทรวงการคลังในอัตรา 5,000 บาทต่อเดือน เพื่อใช้เป็นที่ทำการ การยึดทรัพย์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นใดๆ ทั้งสิ้น.

หมายเหตุ:- บทความชิ้นนี้ หาได้มีเจตนาที่จะก้าวล่วงหรือลบหลู่สถาบันเบื้องสูงแต่อย่างใดไม่ เพียงเพื่อนำมาแสดงให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบว่า แม้แต่องค์พระมหากษัตริย์ยังต้องเคารพการตัดสินของศาลสถิตย์ยุติธรรม ท่านยอมรับคำตัดสินโดยพระคัมภีร์ภาพ คงเป็นเพราะว่าท่านมีเลือดกษัตริย์อยู่เต็มพระองค์  เลือดไพร่กับเลือดกษัตริย์จึงต่างกันโดยสิ้นเชิง อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน.

  ขอขอบคุณ..บทความที่เป็นสาระสำคัญของเนื้อหา จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์.

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี

 

อำมาตย์ตรี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม(ดร.ปรีดี  พนมยงค์)

 

พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)

 

พันเอก พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน)

พันเอก พระยาฤทธิ์อัคเณย์ (สละ เอมะศิริ)

 

พันโท พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น)

 

         

หมายเลขบันทึก: 341948เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2010 09:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

สลาม....

เข้ามาทักทายจร้าเบดูอิน

เข้าไปชมมาแล้วนะคะhttp://www.oknation.net/blog/somdej เนื้อหาสาระ..เยี่ยมจริงๆ คะ

• สวัสดีครับ

• เหมาะสำหรับเป็นแง่คิด...ให้ผู้ทำผิดที่เป็นไพร่ไม่ยอมรับคำตัดสินอยู่ในขณะนี้ ครับ

 

สวัสดีค่ะ

เป็นความรู้ใหม่เลยค่ะ

คนไทยเราโชคดีค่ะ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นแบบอย่างแก่เราในแทบทุกด้าน

เป็นแง่คิดที่ดีมากๆ เลยค่ะ
อยากให้คนไทยทุกคนคิดได้ และ ได้คิดแบบนี้ค่ะ

P จริงๆแล้วแบบอย่างมีมากครับ

คุณเบดูอิน ครับ

เป็นบันทึกที่น่าสนใจ นะครับ

สัญญา ครับว่าจะกลับมาอ่านใหม่

มีความปรารถนาดี มาฝาก นะครับ

ที่ใครกันครับคุณ P สงสัยได้ขายเร็วๆแน่ติดถนนแบบนี้

แค่อ่านหัวเรื่องก็น่าสนใจแล้วค่ะ

เพิ่งรู้ค่ะ

ขอบคุณความรู้เรื่องประวัติค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • เป็นความรู้ใหม่ค่ะ  น่าคิด  น่านำไปคิด  จะได้สงบสุขเสียที
  • สงสารประชาชน ที่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของบุคคลหลายหมู่เหล่า
  • ต่างคนต่างความคิด  นำคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเป็นแนวหน้า
  • ล้มตาย  บาดเจ็บก็มากมาย   เลือดที่หลั่งริน  เป็นเลือดคนไทยทั้งนั้น
  • คิดแล้วสลดใจ อยากให้คนไทยเข้าใจกันเหมือนก่อนมา ..ช่วยกันนะคะ
  •  ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ

ข้อมูลพร้อมภาพบุคลสำคัญที่ไม่มีให้ชมกันได้ง่ายนัก ดีมากๆค่ะ ไม่เคยอ่านหรือทราบประวัตินี้มาก่อนเลย  ขอบคุณมากนะคะ

       

ขอบคุณสิ่งดี ๆ ครับ คุณเบดูอิน

และเป็นตัวอย่างให้คนที่ไม่ยอมรับตนเองว่าผิดด้วยครับ

ชอบคำว่าเลือดไพร่จังครับ ขอบคุณความรู้ ซึ่งอาจเตือนสติใครได้อีกหลายๆคน..

ขอบคุณเรื่องราวประวัติศาสตร์คุณค่าแก่การเรียนรู้ค่ะท่านเบดูอิน

  • คนไทยจงรักกัน...เพี้ยง......

สวัสดีค่ะ เบดูอิน

ครูวิไลค่ะ (แหกระบบ) ขอบคุณข้อมูลที่สรรหามา

สบายดีนะคะ

P P

P P

คุณไม่แสดงตนและคุณสันติสุข

ขอบคุณมากครับ

คุณครูวิไลขอบคุณมาก ที่สามารถแหกระบบสำเร็จ

สวัสดีค่ะ

แวะมาเรียนรู้

ขอบคุณค่ะ

ยังคงติดตามมานะครับ...เป็นบันทึกที่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้ข้อคิดดี ๆ มากมาย  ขอบพระคุณครับ

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณค่ะ
  • ที่นำส่วนสำคัญประวัติศาสตร์ไทยมาเล่าให้ได้อ่านกันค่ะ
  • ประโยชน์ของประวัติศาสตร์ สิ่งแรกเลยก็คือ “ประวัติศาสตร์” เปรียบเสมือนกระจกเงาสะท้อนภาพความเป็นเราในทุกๆด้าน เพราะทำให้เรารู้จักที่มาของตนเอง สังคม และโลก ...
  • ขอบคุณครับท่าน ที่นำเรื่องราวในอดีตมาทบทวนความทรงจำ
  • เพราะสิ่งใดๆถ้านานๆไปอาจจะลืมได้นะครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท