สิ่งทั้งหลายทั้งปวงประกอบอยู่ด้วย ลักษณะอันเรียกว่า ไตรลักษ์หรือลักษณะ3 ประการกล่าวคือ ความเป็น อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา
ไตรลักษณ์หรือลักษณะสามประการที่ควรเรียนรู้
ในบริบทของสังคมปัจจุบัน หากเราจริงจังมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม จะส่งผลต่อตัวเรา และก็จะเกิดความเครียดในที่สุด ความเครียดนั้นเป็นสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับหลายๆคนที่จริงจัง มุ่งมั่น หากจะเรียกง่ายๆที่พูดกันว่า หากตรงเกินไปโดยไม่ยอมงอเลย ความเครียดและความกดดันก็จะเกิดกับตัวเราแน่นอน
ผมได้อ่านบทความของท่านพุทธทาสภิกขุ ตอนหนึ่งว่า ไตรลักษณ์หรือลักษณะสามประการกล่าวคือความเป็น อนิจจัง ทุกขังและ อนัตตา ลองมาดูความหมายกันนะครับ
อนิจจัง แปลว่าไม่เที่ยง หมายความว่า สิ่งทั้งหลายมีลักษณะ เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไป ไม่มีความคงตัวที่ตายตัว
ทุกขัง แปลว่า เป็นทุกข์ มีความหมายว่า สิ่งทั้งหลายทั้งปวง มีลักษณะที่เป็นทุกข์ มองดูแล้วน่าสังเวชใจ ทำให้เกิดความทุกข์ใจ แก่ผู้ที่ไม่มีความเห็นอย่างแจ่มแจ้งในสิ่งเหล่านั้นๆ
อนัตตา แปลว่าไม่ใช่ตัวตน หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความหมายแห่งความเป็นตัวตน ไม่มีลักษณะอันใดที่จะทำให้เรายึดถือได้ว่ามันเป็นตัวเราของเรา ถ้าเห็นอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนถูกต้องแล้ว ความรู้สึกที่ว่า ไม่มีตัวตน จะเกิดขึ้นมาเองในสิ่งทั้งปวง แต่เราไปหลงเห็นว่าเป็นตัวตนนั้น ก็เพราะความไม่รู้อย่างถูกต้องนั่นเอง
ถึงเวลาแล้วคนเราเมื่อวัยย่างเข้าสู่อายุ 50 ปีขึ้น หากสังเกตให้ดีจะมีความรู้สึกว่าหลายสิ่ง หลายอย่างในตัวเรา ร่างกายของเราเริ่มเสื่อมลง สุขภาพภายในเริ่มมีโรคภัยเข้ามาเบียดเบียน พลังจิต พลังใจ ก็จะเริ่มอ่อนล้าลง ความมุ่งมั่นจริงจังก็จะเริ่มลดลง หากเราปล่อยโดยไม่มีการทบทวนดูตัวเราในขณะนี้ ทั้งสุขภาพ อาหารการกิน การออกกำลังกาย การพัฒนาจิตใจ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดกับตัวเรา ครอบครัว และสังคมและขอฝากไว้ว่า เรามาร่วมกันสร้างความสุขให้กับตัวเรา ครอบครัวและสังคม พัฒนาทางใจ จะดีกว่านะครับ เพื่อลดความอยากมีโน่นมีนี่ และความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์นั่นเองครับ.
.
เขียวมรกต 17.กพ.53