จตุรัสกาฐมัณฑุ...วันสุดท้ายในเนปาล


กว่าจะเข็นบันทึกนี้ได้ก็ผ่านไปหลายเดือน

ก่อนเดือน ธค. 2552 อะไรๆ ก็เนป้าล เนปาล  มีเรื่องราวให้ศึกษา เรียนรู้ และเตรียมตัวมากมาย หากแต่เมื่อผ่านไปแล้ว ความทรงจำที่แรกๆ ก็ชัดเจนดี แต่หากผ่านมาเกือบ 2 เดือนก็ทำให้จางหาย เอ้าทยอยเขียน Blog เพื่อบันทึกความทรงจำไว้ที  แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกินสำหรับการเขียนบันทึกฉบับนี้ จตุรัสกาฐมัณฑุ....วันสุดท้ายในเนปาล   ฟังดูแล้วมันน่าน้อยใจแทนบันทึกของช่วงวันสุดท้ายนี้จริงๆ

 

ลานกว้างในจตุรัสกาฐมัณฑุตอนใกล้พลบ

บ่ายคล้อยในวันที่ 7 ของทริป เราย้อนกลับไปที่ใจกลางเมืองเก่านครกาฐมัณฑุ เน้นกันที่จตุรัสกาฐมัณฑุ (Kathmandu Durbar Square) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเก่าแก่ซึ่งล้วนแต่มีอายุนานกว่า 2,000 ปี กว่าจะแหวกฝูงชนมาได้ก็เริ่มมืดแล้ว  จุดแรกที่เยี่ยมชมคือกาฐมณฑป (Kathmandap) ข้างในเป็นแท่นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนที่นิยมบูชาให้เกิดสวัสดิภาพในการเดินทาง ... งานนี้มองแทบไม่เห็นอะไร นอกจากความมืดที่เริ่มมาเยือนแล้ว นกพิราบที่อาศัยอยูในมณฑปนี้ช่างมากมายเหลือเกิน จนทำให้เราสยองกับสิ่งที่ปล่อยออกมาเรี่ยราด ทำให้ไม่มีสมาธิฟังสิ่งที่ไกด์อธิบายซะเลย นี่หากมาถึงตอนกลางวันคงจะดีกว่านี้

 

                

(บนซ้าย)วัดพระกฤษณะ (บนขวา) บรรยากาศร้านจำหน่ายของที่ระลึก (ล่าง) วัดพระศิวะ-พระนางปาวาราตี

 

 (บนซ้าย) เพื่อนร่วมทริป กลางจตุรัสกาฐมัณฑุ (บนขวา) ประตูหนุมานโดก้า

(ล่าง) รูปแกะสลักเหนือประตูทางเข้าพระราชวังหลังเดิมใกล้ประตุหนุมานโดก้า

(บน) วัดต่างๆ ในจตุรัส (ล่าง) หนุมานโดก้าผู้พิทักษ์พระราชวังทำหน้าที่ร่วมกับสิงห์คู่หน้าประตู

เดินไปอีกประมาณ 500 เมตร เราแวะชมกุมารีบาฮาล โชดดีที่กุมารีเยี่ยมบานพระแกลให้เราเห็นด้วย นอกจากนั้นในบริเวณนี้ยังมีประตูหนุมานโดก้า (ด้านนอก) วัดตะเลจูที่มาจากชื่อเทพีผู้พิทักษ์นคร วัดวิษณุ วัด Inrapur วัด Krishna พระราชวังหลวง (The Royal Palace) ของราชวงศ์เนปาล   และน่าทึ่งกับอาคารสีขาวโดดเด่นสไตล์นีโอคลาสสิกที่เชื่อมต่อกับพระราชวังเดิม

 

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเป็นที่สักการะของชาวฮินดู คือ หินแกะสลักรูปพระศิวะในการทำลายล้างที่เรียกว่า Kal Bhairav  การบูชานอกจากข้าวตอกดอกไม้แล้ว ชาวฮินดูยังใช้ชาดสีแดงสดเจิมที่องค์รูปปั้นด้วย ทำให้Kal Bhairav ดูมีมนต์ขลังด้วย...

Kal Bhairav 

มีอะไรๆ เป็นที่สนใจหลายอย่าง แต่สิ่งที่จำได้ดี คือ จำนวนคนที่มากมาย ล้นหลาม และเลื่อนไหล ยิ่งมาตอนพลบอะไรๆ ก็ดูทึมๆ ไปหมด ด้วยเวลานี่ปะเหมาะกับช่วงที่ชาวเนปาลีเลิกงาน ทำให้ไม่สามารถที่จะหยุดดูความงดงามของจตุรัสกาฐมัณฑุได้ งานนี้พูดได้เลยว่ามาไม่ถึงที่...เพระปกตินอกจากรูปถ่ายที่ได้มากมากมายหลายชอตแล้ว ยังได้ของที่ระลึกติดไม้ติดมือมา คราวนี้เห็นร้านขายของที่ระลึกวางเต็มลานของจตุรัส...ก็ยังไม่มีปัญญาซื้อ แถมรูปก็ออมามัวๆ ซัวๆ เพราะเดินไปถ่ายรูปไป...เกือบใช้งานไม่ได้เลยนี่

 

กลับไปทาเมลดีกว่า มีเวลา 1-2 ชม. ก่อนเวลาอาหารเย็นที่พอจะเลือกซื้อของก่อนบรรจุกระเป๋า...คืนนี้ 19.30 น. TKT มีนัดเลี้ยงส่งพวกเราที่ร้านครัวไทย ขอบคุณมิตรไมตรีของชาว TKT และไกด์ที่ดูแลเป็นอย่างดี พรุ่งนี้คณะเราต้องไปถึงสนามบินตอน 06.00 น. เพื่อบินกลับประเทศไทยด้วยเที่ยวบินของ Royal Nepal เวลา 08.00 น.

รุ่งสางวันที่ 8 ของทริป ส่วนหนึ่งเดินทางมาที่สนามบินตรีภูมิวัน พร้อมกล่องอาหารเช้าที่ทางทัวร์จัดให้ กะจะกินบนเครื่องซะทีเดียว แต่ยังคิดถึงไข่ต้ม...ที่เคยกินมา 6-7 วัน ทำให้เมื่อ Check in แล้ว จะเห็นภาพชาวไทยกลุ่มหนึ่งนั่งแทะไข่ต้ม...รอเวลาขึ้นเครื่องกลับบ้าน...คนกลุ่มนั้นคือคณะเราเอง...

เนปาลซีรี่ยส์นี้ ก็จบลงอย่างเป็นทางการ...

หมายเลขบันทึก: 336806เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2010 19:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ตอนนี้อยากไปเกาหลีอีกครั้ง..แฮ่ม..

คราวนี้ไปตามหาจางกึนซอกจ้ะ..อิอิ..(วัยกลับอะช่วงนี้..)

คิดถึงพี่ตุ่นและครอบครัวหมูหยองมากมาย..ตาหวานด้วยนะจ๊ะ..

มิน่า...คุณครูแอ๊วไม่สนบาหลี

แอบปิ๊งหนุ่มเกาหลีนี่เอง....

ยังคิดถึงทริปภูเรือที่เพิ่งผ่านมากับครอบครัวคุณครูแอ๊วอยู่เลย

...ความทรงจำดีๆ ทำให้มีความสุขเน๊อะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท