คลังเพิ่มสวัสดิการรักษาพยาบาลพร้อมบังคับใช้ทันที


ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการทางการแพทย์และระบบประกันสุขภาพอื่นและเพื่อพัฒนาระบบ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของรัฐ

คลังเพิ่มสวัสดิการรักษาพยาบาลพร้อมบังคับใช้ทันที

คลังเพิ่มสวัสดิการการรักษาพยาบาล สำหรับการป้องกันและสร้างเสริมสุขภาพ ระบุสวัสดิการดังกล่าวจะทำให้ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญและบุคคลในครอบครัวกว่า 5 ล้านคน ได้รับประโยชน์มากขึ้น
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติยืนยันร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการทางการแพทย์และระบบประกันสุขภาพอื่นและเพื่อพัฒนาระบบ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของรัฐ ประกอบด้วย
1.กำหนดให้การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรคเป็นการรักษาพยาบาล         
2.ขยายสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในการเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลเอกชนให้กว้างขึ้น ตลอดจนกำหนดให้มีการนำระบบการเบิกจ่ายตรงมาใช้ในสถานพยาบาลเอกชน อันเป็นการลดขั้นตอนการดำเนินการ เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่ายของรัฐและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลมากยิ่งขึ้น 
3.การขยายสิทธิกรณีสำหรับผู้ที่พ้นสภาพจากความเป็นข้าราชการแต่ยังอยู่ ระหว่างการรักษา
4.การขยายสิทธิให้เลือกใช้สิทธิเบิกจากหน่วยงานใดก็ได้ กรณีมีสิทธิซ้ำซ้อนในการเบิกค่ารักษาพยาบาล อาทิ มีสิทธิทั้งราชการและเอกชน และ
5.การขยายสิทธิการเบิกจ่ายกรณีที่สัญญาประกันภัยคุ้มครองค่ารักษามีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่ำกว่าทางราชการ ให้สามารถนำมาเบิกส่วนที่ขาดได้โดยกำหนดเพิ่มเติมจากเดิม ประกอบด้วย
1. การรักษาพยาบาลให้หมายความรวม ถึงการตรวจสุขภาพ
การเสริมสร้างสุขภาพ และการป้องกันโรค เพื่อประโยชน์ด้านสาธารณสุข ทั้งนี้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด แต่ไม่รวมถึงการเสริมความงาม
2.ผู้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสำหรับตนเองหรือบุคคลในครอบครัวของตนในการเข้ารับการรักษาในสถาน พยาบาลของเอกชน ดังนี้
     2.1 ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ประเภทผู้ป่วยใน   
    2.2 การเข้ารับการรักษา พยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชนที่มิใช่สถานพยาบาลตาม 2.1 ประเภทผู้ป่วยใน เฉพาะกรณีที่ผู้มีสิทธิหรือครอบ ครัวในครอบครัวประสบอุบัติเหตุ อุบัติภัย หรือมีความจำเป็นรีบด่วนซึ่งหากมิได้รับการรักษาพยาบาลในทันทีทันใดอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต และ 2.3การเข้ารับรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ประเภทผู้ป่วยนอก เป็นครั้งคราว เพราะเหตุที่สถานพยาบาลของทางราชการ
มีความจำเป็นต้องส่งตัวให้แก่สถานพยาบาลของเอกชน
      3.ในกรณีที่ผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวได้เข้ารับการ รักษาพยาบาลในสถานพยาบาล และก่อนที่การรักษาพยาบาลจะสิ้นสุดลง ผู้มีสิทธิได้พ้นสภาพความเป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ลูกจ้างชาวต่างประเทศ หรือถูกสั่งพักราชการหรือถูกสั่งให้ออกจากกราชการไว้ก่อน หรือบุคคลในครอบครัวพ้นสภาพการเป็นบุคคลในครอบครัว ให้ผู้มีสิทธิมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสำหรับตนเองหรือบุคคลในครอบครัวจนสิ้นสุดการรักษาพยาบาลในคราวนั้น   
     4.ในกรณีที่ผู้มีสิทธิมีสิทธิได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลจากหน่วยงานอื่น ให้ผู้มีสิทธิเลือกว่าจะใช้สิทธิรับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ตามพระราชกฤษฎีกานี้ หรือใช้สิทธิรับเงินค่ารักษาพยาบาลจากหน่วยงานอื่นและหากเลือกใช้สิทธิจาก หน่วยงานอื่น ผู้นั้นไม่มีสิทธิตามพระราชกฤษฎีกานี้  ทั้งนี้ การเลือกและการเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธิ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด และ
   5.ในกรณีที่มีการทำสัญญาประกันภัยซึ่งให้ความคุ้มครองในการรักษาพยาบาลแก่ผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวหากสิทธิที่จะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลตามสัญญาประกันภัยนั้น ต่ำกว่าค่ารักษาพยาบาลในคราวนั้น ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามพระราชกฤษฎีกานี้เฉพาะส่วนที่ขาดอยู่ แต่ต้องไม่เกินไปกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนดนพ.พฤฒิชัย กล่าวต่อว่า ในการปรับปรุงร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลครั้งนี้ จะทำให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญและบุคคลในครอบครัวกว่า 5 ล้านคน ได้รับประโยชน์มากขึ้น โดยใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 1,775 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ตนได้เร่งให้กรมบัญชีกลางดำเนินการออกระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีผลบังคับโดยเร็วที่สุด
                                                                                                                         (ไทยรัฐ 10/2/53)
หมายเลขบันทึก: 335243เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2010 11:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 12:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท