ใกล้ชิดผู้พิพากษา เป็นผลกับคดี (ตอนจบ)


ส.ค.1 หรือที่เรียกว่า หนังสือแจ้งการครอบครองที่ดิน สนใจคำเตือนด่วน!ใครมีที่ดิน ส.ค.1 อยู่ให้ไปแจ้งขอออกโฉนดที่สำนักงานที่ดินก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 หากหลังจากนี้ต้องเสียตังค์ให้ทนายไปฟ้องศาลนะครับ แฮ....งานนี้ทนายรับตังค์... อิ.อิ.

กลับมาตามคำมั่น ทุกวันอังคาร (2 กุมภาพันธ์ 2553)

ใกล้ชิดผู้พิพากษา เป็นผลกับคดี (ตอนจบ)

หากท่านใดยังไม่ตอนแรกกรุณากลับไปอ่านก่อนนะครับจะได้ไม่ขาดอรรถรสในการอ่านตามที่ แปะไว้นี้ครับ

ความเดิมตอนที่แล้ว

คราวนี้ให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องพร้อมผลการตรวจรักษาของแพทย์กำหนดให้พัก สี่เดือนป่วยด้วยโรคตับ ศาลให้เลื่อนแต่กำชับจำเลยว่านัดหน้า(คืออีกสี่เดือน)หากทนายจำเลยไม่อาจมาศาลได้ให้จำเลยจัดหาทนายมาใหม่ศาลจะไม่ให้เลื่อนคดีเพราะทนายจำเลยป่วยอีก

ที่ศาลจดรายงานทำนองนี้เพราะคราวนี้ผมค้าน

(จริงๆแล้วก็ค้านมาทุกนัดที่เลื่อน)

ผมแถลงศาลว่าท่านทนายจำเลยป่วยคราวนี้เห็นทีจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อีกต่อไป เพราะพยานฝ่ายโจทก์สามท่านที่มาศาลไม่แสดงอาการป่วยเลยยังสิ้นอายุขัย ฮา.....(ศาลฟังแล้วหัวเราะ) ขอให้จำเลยแต่งทนายอื่นเข้ามาแทนก่อน

เห็นยังครับผมใช้วาจาจูงใจไม่ให้ศาลอนุญาตแล้วก็ไม่สำเร็จ เลื่อนคดีได้อยู่ดี เหตุก็เป็นเช่นนี้มาตลอดผมทำคดีนี้มาตั้งแต่กลางปี 2529 ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีเอาปลายปี 2538 พยานฝ่ายโจทก์สิ้นอายุขัยไป 4 ท่าน พยานฝ่ายจำเลยสิ้นอายุขัยไป 1 ท่าน ท่านผู้พิพากษาย้ายไปตามวาระ สอง ท่าน

ทนายโจทก์กับท่านทนายจำเลยยังไม่สิ้นอายุขัย ฮา....

เหตุที่คดีนี้ฝ่ายจำเลยได้เลื่อนคดีทุกครั้งที่ขอเลื่อนคดี ก็เพราะท่านทนายจำเลยใกล้ชิดกับท่านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ทุกครั้งที่ผมเดินทางไปหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจากศาลผมพักอยู่ที่จังหวัดนี้ต่ออีก 1 วัน ได้ไปกินไปซดวัตถุเมาไวที่ร้านในจังหวัด ซึ่งก็มีไม่มากร้านนัก     ได้พบเจอกันทั้งท่านทนายจำเลยและท่านผู้พิพากษา ยังมีการเดินข้ามโต๊ะกันไปมาจนท่านผู้พิพากษากับผมก็ถือว่าเป็นเพื่อนใกล้ชิดกันอีกคน สรุปแล้วด้วยความใกล้ชิดนี้เองทำให้การขอเลื่อนคดีเป็นผลทุกครั้ง

ผมจบเรื่องเดิมไว้เพียงนี้

 

เข้าเรื่องตอนต่อไปเลยนะครับ

เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีพิพาทกันเรื่องที่ดินมือเปล่า คือที่ดินมีเพียง   ใบ ภ.บ.ท 5 เท่านั้นจึงมีการแย้งการครอบครองกันได้ง่ายๆหาก   เจ้าของที่ดินไม่ดูแลทำประโยชน์      และที่ดินประเภทนี้มีปัญหา  ฟ้องร้องกันบ่อย เพราะคู่กรณีต่างนำเอาใบ ภ.บ.ท 5 มาแสดงสิทธิแห่งตน

เออ....ว่าจะไม่อธิบาย มาถึงตรงนี้จะข้ามไปก็เกรงจะถูกบ่นตามหลังว่าใบ ภ.บ.ท 5 นี้เป็นเยี่ยงใด เพื่อท่านใดมีโอกาสเป็นนายก จะได้รีบคืนที่ดิน อิ.อิ.

ก่อนจะทำความเข้าใจกับ ใบ ภ.บ.ท 5 ขอบอกให้ทราบก่อนว่าเอกสารแสดงสิทธิเกี่ยวที่ดินนั้นมีมากหลาย เช่น

  • ส.ค.1 หรือที่เรียกว่า หนังสือแจ้งการครอบครองที่ดิน

สนใจคำเตือนด่วน!

ใครมีที่ดิน ส.ค.1 อยู่ให้ไปแจ้งขอออกโฉนดที่สำนักงานที่ดินก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 หากหลังจากนี้ต้องเสียตังค์ให้ทนายไปฟ้องศาลนะครับ แฮ....งานนี้ทนายรับตังค์... อิ.อิ.

  • น.ส.2 หรือ ใบจอง

  • ใบเหยียบย่ำ

  • ตราจอง

  • น.ส. 3 และ น.ส. 3 ก และ น.ส. 3 ข หรือที่เรียกว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ส่วนไม่มีอักษรต่อท้าย กับอักษร ก.ไก่ ต่อท้าย นั้นออกโดยนายอำเภอ แต่อักษร ข. ไข่ ออกโดยเจ้าพนักงานที่ดิน

  • น.ส. 5 หรือเรียกว่า ใบไต่สวน

  • โฉนดที่ดิน หรือ น.ส. 4

ส่วนเอกสารแสดงสิทธิเกี่ยวกับที่ดินของท่านเป็นแบบใดมีชื่อแจ้งไว้ในเอกสารอยู่แล้วลองหยิบมาดู และอักษรย่อ จะเป็น ส.ค. หรือน.ส. ให้ดูที่มุมบนด้าน ขวา

เอาพอเป็นเกร็ดรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกไว้ แต่หนักสมองนะ                  มันมาก จนนักกฎหมายหรือเจ้าพนังงานที่ดินเองยัง งง  อิ.อิ.

เออ...แล้วคราวนี้ไอ้ใบ ภ.บ.ท 5 มันเป็นเอกสารสิทธิประเภทใดหละไม่เห็นมีในรายการที่บอกมา พอดีซื้อมาแปลงหนึ่งทำไงดี ถ้าท่านสงสัยแบบนี้แสดงว่า ทนายใกล้จะได้ตังค์ ....ฮา....(อีกแล้ว)

ใจเย็นครับยังไม่ต้องเสียตังค์ให้ทนาย คือใบ ภ.บ.ท 5 นี้เป็นหนังสือหรือหลักฐานชำระภาษีบำรุงท้องที่ซึ่งในหนังสือมีรายละเอียดที่ดิน แปลงที่ยื่นเสียภาษีว่ามีจำนวนเนื้อที่ดินเท่าไหร่เพื่อคิดภาษี    และทางท้องนี้ซึ่งรับชำระภาษีจะจัดทำเป็นทะเบียนไว้เรียกว่า ภ.บ.ท. 6 โดยลงรายละเอียดตรงตาม ภ.บ.ท. 5   ซึ่งหนังสือทั้งสองแบบนี้เป็นหลักฐานที่ออกตาม พระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508    คือเป็นหลักฐานการเก็บภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น แต่ไม่ถือเป็นหลักฐานหรือหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน ตามกฎหมายที่ดิน

ที่ดิน ภ.บ.ท. 5 ถือเป็นที่ดินมือเปล่า คือไม่เป็นเอกสารสิทธิตามกฎหมายที่ดินอย่างที่บอก เออ...ชักยุ่ง...ปวดหมอง...ใจเสีย...อิ.อิ..

คราวนี้เลยสงสัยต่อ แล้วที่ซื้อมาหลายแปลงจะได้ที่ดินป่าว ตกลงซื้อขายกันได้หรือไม่

ตอบว่าได้ครับ  

การซื้อขายก็ตกลงซื้อขายกันเองโดยส่งมอบการครอบครองกัน      ผู้ซื้อก็ได้กรรมสิทธิ์          แต่......นะครับมีแต่ อยู่ที่ว่าฝ่ายผู้ขายครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแปลงที่ขายหรือไม่ และเป็นที่สาธารณะหรือที่สงวนหวงห้ามหรือไม่ตรงนี้ต้องผจญภัยเอาเอง    เห็นยังครับใกล้จ่ายตังค์ให้ทนายเข้าไปทุกทีแล้ว...ฮา.....

เลยยิ่งอ่านยิ่ง เก็กซิม....ซื้อมาแล้วจะออกโฉนดได้หรือ                เห็นถูกเลยซื้อทำไงดี.................ไม่ต้องเก็กซิม............เดี๋ยวแก่ก่อนวัยอันควร    ทำงี้ครับ

นำใบ ภ.บ.ท. 5 ไปยื่นคำร้องที่สำนักงานที่ดินขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเป็นการเฉพาะรายได้เลยครับ หากที่ดินที่ยื่นขออยู่ในเกณฑ์ที่เจ้าพนักงานที่ดินจะดำเนินการออกหนังสือแสดงสิทธิให้ได้คือไม่เป็นที่ต้องห้ามตามกฎหมาย  ซึ่งก็มีขั้นตอนยุ่งยากมากพอควรเอาพอเข้าใจนะครับ มากกว่านี้เดี๋ยวจะเบื่อเสียก่อนอ่านจบ

เตือนภัย..... อิ.อิ. 

มีที่ดิน ภ.บ.ท 5 ก็จัดการเสียนะครับ ทนายรอรับตังค์อยู่ ....ฮา.....

จุดแวะพักดื่มน้ำปัสสาวะกันก่อนครับ

รับรองว่าอ่านต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องทวนความเดิม

เออ....ขออภัยกรุณาอ่านคำว่าน้ำ แล้วเว้นวรรค                           ก่อนอ่านคำว่าปัสสาวะนะครับ

ท่านใดอ่านไม่เว้นวรรคและปฏิบัติแล้วก็ขออภัยอีกครั้ง...ฮา....

กลับเข้าเรื่องนะครับ

ฝ่ายโจทก์ได้ที่ดิน ภ.บ.ท 5 แปลงนี้มาจากการเข้าครอบครองเองส่วนหนึ่งและจากการซื้อมาส่วนหนึ่งรวมเป็นที่ดินแปลงใหญ่ เนื้อที่น่าจะอยู่ที่ แปดสิบเก้าสิบไร่ มากกว่าหรือน้อยกว่า จำไม่ได้จริงๆ อาจเพราะวัย อิ.อิ.

เมื่อได้ที่ดินมาโจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์มาตั้งแต่ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง (นี้คือเหตุหนึ่งที่พยานไม่ทนอยู่) ใช้ที่ดินทำนาเลี้ยงกุ้งแบบธรรมชาติบ้าง ปลูกต้นจากบ้าง           แต่ช่วงที่เกิดข้อพิพาทใช้ที่ดินปลูกต้นจากทั้งหมด      เลยเกิดปัญหาแย่งการครอบครองกันขึ้น เพราะนานๆครั้งจึงจะเข้าไปตัดใบจากมาขาย เมื่อครอบครองที่ดินอยู่ดีๆทางอำเภอต้องการตัดถนนเข้าไปที่ท่าเรือก็ขอแบ่งที่ดินไปทำถนน จากที่ดินผืนเดียวมีเนื้อที่ติดต่อกัน เลยถูกแบ่งเป็นสองแปลง เมื่อมีถนนความเจริญเกิด ปัญหาเกิด เพราะจู่ๆ มีจำเลยทั้งสามไปขอออกโฉนดที่ดินทับลงบนที่ดินของโจทก์ทั้งแปลง ฝ่ายโจทก์มาทราบเพราะที่ดินข้างเคียงมาถามว่าให้ใครไปรังวัดที่ดิน ก็ต้องวิ่งไปสำนักงานที่ดิน เอาเอกสาร ภ.บ.ท 5 ไปแสดงและคัดค้านต่อเจ้าพนักงานที่ดิน แต่เจ้าพนักงานเห็นว่าจำเลยทั้งสามน่าจะได้สิทธิดีกว่าจึงออกโฉนดให้ กำลังอยู่ในขั้นตอนประกาศ เพื่อแจกโฉนด เรื่องก็มาถึงผม

คราวนี้เห็นยังครับว่าทนายได้ตังค์ยังไง อิ.อิ.

เมื่อเรื่องถึงผมก็ต้องไปว่ากันที่ศาลเพราะหมดทางเลือกจนเป็นคดีที่กำลังเล่านี้ ผลคดีบอกเลยก็ได้ครับ โจทก์ชนะได้ที่ดินคืนและออกเป็นโฉนดตัดแบ่งแจกจ่ายไปยังลูกๆของโจทก์           

เออ......ไม่ยากชมตัวเอง...เก่งเหมือนกันนะเรา...ฮา....

เหตุการณ์ต่างๆในระหว่างดำเนินคดีกันนั้นอย่างที่เล่าไว้แล้วว่าฝ่ายจำเลยมีการขอเลื่อนคดีตลอดเวลา เพราะต้องการใช้เวลาตรงนี้ไปติดต่อผู้ทรงอำนาจในการลงนามในเอกสารสิทธิทั้งหลายให้ออกโฉนดให้ เพราะถือว่าพอจะมี  บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว อยู่มากพอ เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง เป็นกำนันคนหนึ่ง อีกคนเป็นลูกพล.อ.สีเขียว เมื่อคิดแล้ว...ผมประคองอายุขัยมาได้ก็บุญแล้ว...ฮา...

แต่จำเลยทั้งสามก็ทำไม่สำเร็จเพราะผมอาศัยหนังสือบอกกล่าวและแจ้งค่าเสียหายไปยังบรรดาผู้มีอำนาจลงนามว่าให้จัดเตรียมตังค์ไว้คนละห้าล้านเป็นค่าเสียหายด้วย และเมื่อได้คำสั่งศาลให้ไประงับไว้ภายหลังอีกทีเรื่องเลยติดไฟแดงทันที อีกทั้งผมขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกเอกสารต้นฉบับทั้งหมดจากสำนักงานที่ดินมาเก็บไว้ที่ศาล กลัวว่าไว้ที่สำนักงานที่ดินแล้วปลวกจะกิน...ฮา...

เหตุที่ท่านทนายจำเลยใช้วิธีการประวิงคดี     ผมเข้าใจว่าคงทราบจุดประสงค์ของท่านลูกความดีจึงรับจ้างป่วย....ฮา...

เมื่อเลื่อนคดีจนท่านทนายจำเลยได้คิดหรือคงสำนึกว่า

เป็นทนายต้องไปศาล เป็นสงฆ์ต้องลงโบสถ์  

ที่ว่าเช่นนี้เพราะทนายก็คล้ายพระ เวลาท่านลูกความมาพบก็จะยกมือไหว้ทั้งที่เราอายุน้อยกว่า ขาดอย่างเดียวไม่จุดธูป....ฮา

ก็เริ่มสืบพยาน ฝ่ายโจทก์ (ผม) นำพยานโจทก์เข้าสืบเป็นปากแรกพยานปากนี้คือตัวโจทก์เอง

ก่อนพยานจะเบิกความ ก็ต้องให้พยานสาบาน ขณะนั้นคำสาบานยังไม่ได้กำหนดรูปแบบไว้ ทนายฝ่ายใดนำพยานมาก็จะเป็นผู้กล่าวนำคำสาบานแล้วพยานกล่าวตาม ก็ใช้คำสั้นๆง่ายๆ เช่น   " ข้าพเจ้าขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์ทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าจะให้การต่อศาลด้วยความสัตย์จริงทุกประการ หากให้การเท็จขอให้มีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวัน หากให้การตามความเป็นจริง ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุขความเจริญ "

แต่ถึงแม้ว่าพยานจะสาบานจบแล้วหากทนายอีกฝ่ายท้วงติง และขออนุญาตศาล ว่าขอให้พยานสาบานใหม่เพราะพยานกล่าวคำสาบานไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน และขอนำพยานสาบานเอง ศาลมักอนุญาตเพราะถือเป็นข้อบังคับของกฎหมาย

พักสายตา

ดื่มกาแฟอีกที่ก็ได้ครับ ไม่แนะนำให้ดื่มน้ำเดี๋ยวเข้าใจผิดกันอีก...ฮา...

 

เมื่อเริ่มสืบพยานปากแรกของโจทก์เสร็จ พอเริ่มพยานปากที่สอง ท่านทนายจำเลยก็ขอศาลทันที ขอเป็นฝ่ายกล่าวนำพยานสาบานเองท่านนำสาบานอย่างนี้ครับ (เทคติกนี้ในคดีอื่นผมแอบเอาไปใช้ด้วยครับได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างตามสภาวะจิตของคนครับ)

ทนายจำเลย.......ข้าพเจ้าขอสาบานต่อองค์พระที่แขวนคออยู่ เอาพยานว่าตาม

พยานตอบ......แขวนไม่ได้เดี๋ยวพระตาย......ฮา......

ทนายจำเลย...เอาถ้างั้ยก็ถอดสร้อยแล้วเอาพระไว้ในมือแล้วว่าตามนะ

พยานตอบ...เออ...แล้วเอาพระมาไว้ในมือพร้อมกับพนมมือขึ้น

ทนายจำเลย....ข้าพเจ้าขอสาบานต่อองค์พระที่ข้าพเจ้าบูชานี้

พยาน............ข้าพเจ้าขอสาบานต่อองค์พระที่ข้าพเจ้าบูชานี้

ทนายจำเลย....หากข้าฯให้การเท็จ

พยาน.............หากข้าฯให้การเท็จ

ทนายจำเลย....ขอให้ตายโหง เมียมีชู้ ลูกเป็นโจร เป็นหนี้เป็นสิน

ศาล......(ตัดบททันที)......ท่านทนายจำเลยเอาแค่ตายโหงก็พอ

พยาน........(เสียงในฟิล์ม) หมึ่งไปลกับกู้ค้างหล่างเดี๋ยว...ลับลองตายโหงพ้น  ฮา.......(แปล มึงลงไปกับกูข้างล่างเดี๋ยวนี้รับรองได้ตายโหงแน่ๆ)

ศาล.......เอาหละท่านพยาน...ว่าตามศาลนะ

ศาลท่านก็ให้เจ้าหน้าที่นำสาบานแบบธรรมดา พยานปากนี้เลยได้สืบ

ท่านทนายจำเลยยังประคองอายุขัยไว้ได้....ฮา...

พอผมนำสืบพยานโจทก์ปากสุดท้ายเป็นเรื่องอีก ผมถามคำถามเสร็จ ท่านทนายจำเลยก็ต้องถามต่อจากผม เรียกว่าถามค้านหรือซักค้าน มีอยู่คำถามหนึ่งที่ถามแล้วพยานถึงกับยกมือไหว้ศาลบอกขออนุญาตครับท่านผู้พิพากษา พอพูดจบก็ต่อเลย(พยานปากนี้เป็นงาน) ทั้งนี้เพราะท่านทนายจำเลยพยายามใช้วิธีถามวกไปวนมาบางครั้งใช้สำเนียงและคำถามกวนอวัยวะเพื่อทำให้พยานโกรธจะได้แตก (คำว่าแตกคือพยานเบิกความเท็จแต่พอหลงไปหลงมาจึงพูดความจริงออกมา) นั้นเป็นเพราะท่านทนายจำเลยเชื่อว่าพยานปากนี้พูดเท็จจึงต้องทำทุกวิธีการให้ได้ความจริง อาชีพทนายก็เป็นอย่างนี้หละครับสามารถทำให้คนเกลียดได้แบบเฉียบพลันและหายโกรธได้อย่างทันด่วนในเวลาใกล้กัน เรื่องเป็นงี้ครับ

ทนายจำเลย.....พยานถามจริงๆเถอะพยานไม่เคยเข้าไปในที่ดินเลยสักครั้งหนึ่งพยานเพียงขับรถผ่านที่ดินและไม่เคยพบเห็นโจทก์อยู่ในที่ดินแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ดินทั้งสองแปลงเป็นของโจทก์ พยานได้รับการบอกเล่าจากทนายโจทก์ก่อนเข้ามาเบิกความ       และที่เบิกความมาทั้งหมดนี้ยอมโกหกเพราะได้ค่าจ้างจากโจทก์ใช้หรือไม่

พยาน........ใครๆก็ทราบว่าที่ดินทั้งสองแปลงเป็นของโจทก์ มันเป็นป่าจากใครจะเข้าไปอยู่ นานๆครั้งเขาถึงเข้าไปตัดจากกันที โจทก์อายุมากแล้วก็ต้องจ้างเอาไม่ได้ตัดจากเอง แต่รู้ว่าโจทก์ให้ไปตัด (พยานพูดยังไม่ทันจบก็ถามแทรกทันทีว่า)

ทนายจำเลย.....รู้ได้อย่างไรว่าโจทก์จ้างให้ไปตัด พยานอย่าลืมนะว่าสาบานแล้ว คำสาบานในศาลศักดิ์สิทธิ์นะ (ขู่หน่อยนึ่ง)

พยาน........ก็ทุกคนแถวๆนั้นพูดกันและรู้ตลอดว่าเป็นที่ดินของโจทก์คนที่ลงไปตัดจากก็พูดเพราะเดินผ่านสำนักงานเคยถามก็บอกว่าไปตัดจากให้โจทก์(ตรงนี้บอกชื่อโจทก์ แต่เมื่อถึงตรงนี้พยานก็ยกมือไหว้ศาลขออนุญาตแล้ว) ผมขอสาบานเพิ่มเติมว่าหากที่ผมเบิกความมาเป็นความจริงทั้งหมด ขอให้ทนายจำเลยขับรถคว่ำตายทันทีที่ออกจากศาล...ฮา.....

คราวนี้ของผมบ้างมีอยู่สองปากเป็นพยานฝ่ายจำเลย ผมเชื่อว่าพยานปากนี้โกหกแน่ๆต้องทำให้แตกให้ได้ ศาลจะได้ขาดความเชื่อถือพยานฝ่ายจำเลย

ปากแรกคือท่านจำเลยที่สาม

พอท่านทนายจำเลยถามเสร็จ ผมก็ถามค้านทันที

พยานปากนี้เบิกความว่าเป็นเจ้าของที่ดินสองแปลง (ลืมบอกว่าที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นแปลงเดียวแต่พอถนนตัดผ่านเลยกลายเป็นสองแปลงเมื่อจำเลยทั้งสามไปขอออกโฉนด ยังแบ่งย่อยออกไปอีกคนละสองแปลงตามรูปที่เห็นของจำเลยที่ 1 สีขาว ของจำเลยที่ 2 สีฟ้าของจำเลยที่ 3 สีชมพู สีเหลืองเป็นถนน )

  จำเลยที่สามเบิกความว่าซื้อที่ดินมาตั้งแต่ก่อนตัดถนน ตอนซื้อนะเป็นแปลงเดียวพอตัดถนนแล้วก็กลายเป็นสองแปลง และได้ปลูกจากไว้ในที่ดิน ทั้งยังตัดจากไปขายทุกปี (จำเลยที่ หนึ่งกับสองก็เบิกความทำนองนี้)

ผมถาม....(ก่อนถามให้ดูรูปแผนที่แล้วชี้ให้พยานดูที่ดินของพยาน) ถามว่าที่ดินของพยานใช่ตามสีชมพูหรือไม่( ของจริงเป็นเลขที่ดิน)

พยาน.........(ดูแล้วตอบ) ใช่

ผมถาม......พยานเป็นถึงกำนันก่อนรับหน้าที่ก็ต้องสาบาน มาเบิกความที่ศาลก็ต้องสาบาน...

ศาล......ท่านทนายโจทก์ค้านให้เข้าประเด็น

ผม.......ครับใต้ท้าว....ขออนุญาตครับจำเป็นต้องถามครับ.....

ผม........(ถามซ่ำ)                  พยานเป็นถึงกำนันก่อนรับหน้าที่ก็ต้องสาบาน    ตอนนี้มาเบิกความที่ศาลก็ต้องสาบาน        แสดงว่าพยานไม่กลัวว่าลงจากศาลไปแล้วจะรถคว่ำตายอย่างท่านทนายจำเลยหรือครับ.....ฮา....

พยาน......ผมยังไม่ตายเพราะพูดจริงส่วน คุณนะ(หมายถึงผม) ตอนเย็นไม่ทันขึ้นรถกลับกรุงเทพรับรองตายก่อน...ฮา...

ศาล......เออ...เดี๋ยวตายกันหมดแล้วศาลจะฟังใครหละ....ฮา

ศาล....เอาท่านทนายโจทก์ถามต่ออย่านอกประเด็นอีกนะ

ผมถาม.....พยานบอกว่าซื้อที่ดินมาตั้งแต่ก่อนมีถนนตัดผ่านเพียงแปลงเดียวพอถนนตัดผ่านที่ดินเลยกลายเป็นสองแปลงแล้วทำไมต่ำแหน่งที่ดินถึงไม่อยู่ตรงข้ามกัน แล้วอย่างนี้ไม่ให้ผมเข้าใจว่าพยานโกหกได้อย่างไร

พยาน.....(นิ่งคิดอยู่ประมาณสักนาที)แล้วตอบว่าเพราะต่างแลกต่ำแหน่งที่ดินกัน

ผมจบคำถามไว้เพียงนี้เพราะถือว่าพยานปากนี้แตกแล้ว

ต่อไปก็ปากที่สองเป็นพยานฝ่ายจำเลยเช่นกันซึ่ง จำเลยที่ 1 เป็นคนติดต่อให้มาเบิกความแบบปัจจุบันทันด่วน ท่านทนายจำเลยต้องแถลงศาลขอเพิ่มเติมพยานปากนี้ อ้างว่าจะสามารถชี้ขาดคดีได้เหตุที่ไม่นำมาแต่ต้นเพราะตามตัวไม่ได้  ผมก็ไม่ค้านเพราะต้องการให้โอกาสต่อสู้อย่างเต็มที่จะได้ไม่มีข้อสงสัยในภายหน้า

เมื่อศาลเห็นว่าฝ่ายโจทก์ไม่ค้านก็อนุญาต แต่ศาลได้ถามว่า

ศาล......ท่านทนายจำเลยจะต้องซ้อมพยานก่อนไหม (เพราะเห็นว่าพึงได้ตัวมาอาจยังไม่ได้ซักซ้อมทำความเข้าใจกัน)

พยาน....อ้าว......ไหนผู้ใหญ่ว่าไม่เป็นไรแค่มาพูดให้ศาลฟัง...ทำไมต้องซ้อมกันหละ...เราก็ตีนมือมีนะ....ฮา.......

ศาล.....เดี๋ยวพยานฟังก่อน ศาลไม่ได้ให้ใครไปกระทืบคุณ แต่ให้ทนายไปซักซ้อมทำความเข้าใจกันก่อนแล้วค่อยพูดให้ศาลฟังเข้าใจหรือยัง

พยาน.....ก็ไม่รู้นิ...บอกให้ซ้อม......ฮา......

พยานปากนี้ทางฝ่ายจำเลยต้องการนำมาเพื่อสืบว่าเป็นผู้รับจ้างเข้าไปถางป่าและตัดจากให้กับจำเลยทั้งสามเป็นประจำทุกปี จำเลยทั้งสามไม่เคยจ้างใครนอกจากพยาน ทำมามากกว่า10 ปีแล้ว

ที่นำสืบเช่นนี้เพื่อให้มีน้ำหนักว่าเพราะทำอยู่คนเดียวจึงไม่ค่อยมีใครพบเห็น

เมื่อท่านทนายจำเลยซ้อม จนน่วมแล้ว..ฮา..

ก็นำพยานเข้าเบิกความไปจนจบทุกประเด็น

ที่นี้ก็ผมหละ

ผมมองว่าพยานปากนี้เป็นพยานปลูก (พยานปลูกเป็นคำที่ทนายใช้เรียกพยานที่เบิกความเท็จ เทียบกับพยานเท็จต่างกันหน่อยเดียว พยานเท็จนั้นรู้เห็นมาบ้างแต่ไม่ทั้งหมด ส่วนพยานปลูกไม่เคยรู้เห็นเลย เท็จทั้งแท่ง)

ผมก็คิดว่าจะถามอย่างไรศาลถึงจะเชื่อว่าพยานนี้เป็นพยานปลูกมา

ผมถาม.....พยานรับจ้างตัดจากทุกปีแสดงว่าก็ได้ค่าจ้างทุกปี

พยาน....ใช่

ผมถาม.....ค่าจ้างทุกปีได้เท่ากัน

พยาน.....ใช่

ผมถาม......พยานรับจ้างมาจนถึงเวลานี้ทั้งหมด 25 ปี

พยาน....ใช่

(คราวนี้เสร็จผม เพราะจำเลยอ้างว่าซื้อที่ดินมาแล้วปลูกจากมาจนถึงเวลาออกโฉนดเป็นเวลา 17 ปี และผมถามอะไรบอกใช่คำเดียวไม่อธิบายอะไรเลยก็มองว่าเป็นพยานปลูกอยู่แล้วเลยถามต่อให้แตกไปเลยด้วยคำถามนี้ครับ )

ผมถาม.....ค่าจ้างที่ได้รับหลังสุดปีใด

พยาน....เมื่อต้นปี

ผมถาม.........เป็นเงินเท่าไหร่

พยาน....5,000.-บาท

ผมพูดขึ้น.........ทำไม่น้อย.....(พูดลอยๆไม่ได้ถามแต่ถามว่า)....แสดงว่าได้เท่ากันทุกปีตลอด 25 ปี

พยาน....ใช่

ผมถาม........พยานจำได้นะว่ารับจ้างจำเลยทั้งสามมาทั้งหมด 25 ปี

พยาน....จำได้

ผม.........เอาเอกสารที่จำเลยทั้งสามใช้เป็นหลักฐานขอออกโฉนดให้พยานดูวันที่ทำสัญญาซื้อที่ดินมา คือ พ.ศ. 2521                         แล้วถามพยานว่าวันที่พยานเบิกความ พ.ศ. 2538 เมื่อพยานอ้างว่ารับจ้างมา 25 ปี หากนับถอยกลับไปคือเริ่มรับจ้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2513 ตกลงพยานรับจ้างจริงหรือไม่จริง (ผมบ่นเบาๆว่าหาเรื่องติดคุก....พอให้พยานได้ยิน)

พยาน......(หันไปมองท่านทนายจำเลย) ผมรับจ้างมาเบิกความ 5,000.-บาท อย่างอื่นทนายสอน.....ฮา.....

เหตุต่างๆที่เล่ามาเป็นเหตุที่ไม่มีใครคาดถึงแม้แต่ผมเองต้องอาศัยเหตุเฉพาะหน้าแก้ไขไปตามรูปแบบ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่อาจคาดเดาได้ว่าทนายอีกฝ่ายจะถามอะไร ดังนั้นหากเป็นพยานเท็จหรือพยานปลูกจึงแตกได้ไม่ยากและตัวอย่างเช่นที่เอารูปแผนที่มาถามท่านทนายจำเลยก็คาดไม่ได้ว่าผมจะเอามาถามเพราะเป็นเอกสารที่ซุกอยู่ในเอกสารคำขอของสำนักงานที่ดินและอีกเหตุที่ท่านทนายจำเลยคาดไม่ถึงว่าผมจะถามประเด็นนี้เพราะรูปแผนที่ซึ่งแสดงต่อศาลไม่ได้แสดงชัดอย่างที่ผมแปะให้ดูและไม่ได้มีสีระบายไว้ต้องดูหมายเลขที่ดินเอามาเทียบกับคำขอออกโฉนดที่ดินถึงจะทราบ

ตั้งแต่ผมขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกเอกสารจากที่ดินทั้งหมดมาที่ศาลท่านทนายจำเลยก็ไม่ได้ตรวจอ่านเอกสารอย่างจริงจัง เพราะมองว่าได้ประโยชน์จากการที่เจ้าพนักงานที่ดินกำลังจะแจกโฉนดน่าจะไม่มีปัญหา กอปรกับอาศัยว่าเป็นทนายในพื้นใกล้ชิดท่านผู้พิพากษามากกว่า มีอะไรไว้อาศัยข้อกฎหมายยื่นขอแก้ไขภายหลังเพราะมีข้อกฎหมายบางข้อที่เปิดโอกาสให้ศาลใช้ดุลพินิจได้ แต่ปรากฏว่าความใกล้ชิดกลับทำให้เป็นผลต่อคดี ผิดพลาดในข้อเท็จจริงที่ควรจะมองเห็นทางแก้ไขได้ก่อนจะเสียหายต่อคดี ผมถึงได้ขึ้นหัวเรื่องไว้ว่า "ใกล้ชิดผู้พิพากษาเป็นผลกับคดี"  ทนายบางท่านที่ใกล้ชิดกับท่านผู้พิพากษามากๆ จึงขาดการเตรียมคดีที่ดี เพราะถือว่าเมื่อถึงเวลาค่อยว่ากัน แต่คงลืมไปว่าคู่ต่อสู้ของท่านก็เป็นทนายที่เรียนกฎหมายมาเช่นท่าน หากไม่สามารถจะนำเสนอพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงให้ประจัก ความใกล้ชิดกับท่านผู้พิพากษาก็ไม่ช่วยอะไร เพราะท่านผู้พิพากษาต้องพิพากษาไปตามที่ประจักในพยานหลักฐาน เพื่อทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

เห็นยังครับ ยุติธรรมคือศาสตร์ จริงจริง

คราวหน้าจะเล่าเรื่อง

มรดกนี้พ่อให้ฉันคนเดียว มีแค่นี้แหละ

หมายเลขบันทึก: 333347เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2010 18:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

สวัสดีคุณทนายแปดฯ

มาชม มาดูว่ามี อะไรเอ่ย อีกไหม ... โชคดีไปไม่มีที่ดิน ส.ค.๑  มีแต่ที่ดิน ลฟ ๙

อ่านมาถึงตอนซักซ้อม ฮาหลาว ฮาเลย ... ทำไมสาบานกันโหดๆ จังเลยคะ อิ อิ

ไว้จะมาอ่านต่อค่ะ แค่นี้ก็หิว และมึนเลยค่ะ ... อิ่มอร่อยมื้อเย็นนะคะ

สวัสดีครับคุณปูคนน้ำใจงาม

ขออภัยคุณปูและทุกท่านที่เข้ามาอ่านก่อนหน้านี้

เพราะบทความยังไม่ได้ตรวจทานแก้ไขตอนนี้แก้ไขแล้วครับ

ลองอ่านใหม่นะครับจะได้อรรถรสมากขึ้น

เรื่องที่เล่ามาการนำสาบานหรือวิธีการใดๆในศาลที่ท่านทนายต่างนำมาใช้

ก็เพื่อจุดประสงค์ในการนำเสนอข้อเท็จจริงต่อศาลเท่านั้น

ต่างไม่คิดโกรธหรือให้ร้ายท่านใด

ทนายทุกท่านต่างมีวิธีการขออภัยพยานหรือท่านทนายคู่ความหรือศาล

สำหรับผมวิธีขออภัย เมื่อจบการซักถามหรือจบคดี

ผมจะใช้วิธีไหว้พร้อมกล่าวขอโทษ ขออภัยที่ได้ใช้วาจาล่วงเกิน

จึงยังคงรักษาอายุขัยไว้ถึงวันนี้ อิ.อิ.

ขออีกสักวันสองวันจะมีคำถามท้ายบทครับ

  • สวัสดียามเช้าท่านทนายแปด
  • ติดตามอ่านมาตลอด
  • ชอบสำนวนการเขียนมาก
  • ได้รับความรู้ด้วย
  • เรื่องผ่านแล้วมาทบทวนก็ฮาดีนะครับ...
  • แต่ถ้าอยู่ในศาล...อาจจะเหงื่อตกเอาง่าย ๆ
  • โดยเฉพาะพยานปลูกอย่างท่านว่า ^^

สวัสดีค่ะ

ฮามากๆๆค่ะ อิอิ

อ่านแล้วไม่เบื่อเลย

ได้ความรู้ด้วยค่ะ

ปล.ขออนุญาตสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกฏหมาย ที่ไม่เกี่ยวกับที่ดินได้ป่าวคะ

คือสงสัยว่า เวลาเซ็นต์สัญญาซื้อรถ มีกฏหมายกำหนดไว้จริงหรือไม่คะว่าต้องเซ็นต์สำเนาถูกต้องด้วยปากกาสีน้ำเงิน

ห้ามใช้หมึกซึม และห้ามใช้ลูกลื่นสีดำ

และถ้ามีกฏหมายกำหนดไว้จริงๆ ขอความรู้ว่าเพราะเหตุใดค่ะ แหะๆ คำถามไม่เกี่ยวกับบันทึกเท่าไหร่ ขออภัยค่ะ ^^"

สวัสดีครับคุณจิต

ขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจ

ถือว่าป็นการรู้เรียน กฎหมายในรูปแบบที่ไม่ทำให้หลับก็แล้วกัน

พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่อายุขัยยังมีครับ อิ.อิ.

สวัสดีครับท่านเกษตร(อยู่)จังหวัด

หากต้องไปอยู่ตำบลเมื่อใดแจงข่าวด้วยเน่อ...ฮา...

ใช่ครับเรื่องเก่าๆเมื่อย่อนกลับไปมองนึกแล้ว ฮา จริงๆ

ยังสงสัยตัวเองอยู่ว่าตอนนั้นทำได้ไง

พยานบางท่านก็นักเลงจริงๆ ผมไม่สิ้นอายุขัยทันทีก็บุญโขอยู่

นึกทีไรทั้งขำทั้งสยองเลยละครับ

ขอขอบพระคุณที่แวะให้กำลังใจครับ

สวัสดีครับคุณ Hana

(อ่านว่า ห้าหน้า หรือป่าว อิ.อิ.)

ขอขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจและยินดีที่ได้รู้จักครับ

เป็นวิธีรู้เรียน ที่ยากให้ฮาไป รู้ไปครับ

คำถามที่ถามมาว่าสำเนาในสัญญาต้องเซ็นด้วยปากกาสีน้ำเงิน

ห้ามใช้หมึกซึม และห้ามใช้ลูกลื่นสีดำ

คำตอบ ถ้ามีกฎหมายตัวนี้ ผมตกข่าวกฎหมายอย่างแรงครับ

เข้าใจว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเทคนิคในการป้องกันการถ่ายสำเนาซ้ำ

แล้วนำไปปลอมเอกสารในทางไม่ชอบมากกว่าครับ ต้องลองถามผู้รู้ครับ

เคยอ่านผ่านๆใน G2K ของชาวเรานี้เองว่าเวลาถ่ายเอกสารแล้วจะมีข้อความ

ที่เขียนด้วยหมึกสี่น้ำเงินติดไปด้วยเสมอ ลองหาดูนะครับ

แล้วผมจะแวะไปเยี่ยมนะครับ 

คือคำถามนี้มีที่มาจาก ลิงค์นี้ค่ะ

เลยสงสัยว่าถ้าซื้อรถแล้วต้องเซ็นต์รับรองสำเนาด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินเพียงอย่างเดียวจริงหรือ จึงลองสอบถามน้องๆในแผนกดู น้องที่เพิ่งซื้อรถบอกว่าจริง ทางร้านเค้าไม่ยอมให้ใช้ปากกาสีดำหรือหมึกซึมเลยค่ะ อ้างว่ากฏหมายกำหนดมา จึงมาขอความรู้จากผู้รู้ค่ะ เรื่องนี้ไม่รู้จริงๆค่ะ แหะๆ ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ

สวัสดีครับคุณHana

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ลิงค์ข้อมูลมาให้

เรื่องการเซ็นชื่อด้วยหมึกสีน้ำเงิน

ก็ขอยืนยันนะครับว่าไม่ได้มีกฎหมายกำหนดหรือประกาศบังคับใช้ใดๆ

แต่มีเพียงหนังสือจากจากสำนักงานพาณิชย์ ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการให้ใช้หนึกสีน้ำเงินแทนสีดำ

ผมเข้าไปที่ลิงค์อ่านดูแล้วเกรงว่าจะทำให้สังคมสับสนไปกันมากกว่านี้ ขอเวลาสองวันครับจะติดต่อน้องสาวผมซึ่งเป็นทนายที่ปรึกษา ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์อยู่ที่ภูเก็ต จะให้ส่งสำเนาหนังสือเวียนของพาณิชย์จังหวัดมาให้แล้วจะอธิบายให้เข้าใจชัดกันเสียที

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาอ่านกฏหมาย+และดูตลก 5555
  • ถ้าขึ้นศาลแล้วเป็นอย่างนี้ คงต้องแอบเอาอาวุธไปด้วย
  • เอาไว้สาบานต่อหน้าศาล "ถ้าข้าพเจ้าพูดเท็จให้ตายต่อหน้าคมมีดคมดาบ"555
  • พอทนายความ..ก่อกวน...จะได้ใช้ประโยชน์
  • ส.ค.1 หรือที่เรียกว่า หนังสือแจ้งการครอบครองที่ดิน สนใจคำเตือนด่วน!ใครมีที่ดิน ส.ค.1 อยู่ให้ไปแจ้งขอออกโฉนดที่สำนักงานที่ดินก่อนวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 หากหลังจากนี้ต้องเสียตังค์ให้ทนายไปฟ้องศาลนะครับ แฮ....งานนี้ทนายรับตังค์... อิ.อิ(หมดสิทธิ์รับเงิน  5555  ไปแจ้งมาเรียบร้อยแล้ว)
  • ขอบคุณที่เล่าเรื่องดีดีให้ฟังเป็นประจำ...

สวัสดีค่ะคุณชาย

กลับมาแล้ว..แต่ยังไม่หายเหนื่อย... แวะมาทักทายกันก่อน

หลักสักงีบแล้วจะรีบมาอ่านต่อนะคะ...^-^....

สวัสดีครับคุณครูดาวเรือง

น่ารักจังที่เตรียมอาวุธไปไว้มอบให้ทนายหากต้องไปเป็นพยาน

ขอเปลี่ยนเป็นดอกไม้...ได้ ป่าว! จะได้ดูโหดหน่อย..ฮา...

ส.ค.1 งานนี้ไม่ได้ตังค์ไม่พรือ....ไว้งานหน้าต้องได้....ฮา....

ขอขอบพระคุณที่แวะให้กำลังใจครับ

สวัสดีครัคุณอิงคนสวยหน้าตาดี

พักผ่อนมากๆครับ ความสวยหายไปแล้วเรียกคืนยากนะ

กลับมาอ่านตอนดึกอย่าหัวเราะเสียงดังนะครับ

กลัวข้างบ้านจะสงกะสัยนะ..อิ.อิ.

ขอบคุณที่แวะให้กำลังใจครับ

สวัสดีตอนหัวค่ำค่ะคุณทนายแปดฯ

มาอ่านอีกรอบแล้วก็ฮาที่เดิมค่ะ และเข้ามาอ่านคำตอบเรื่องปากกาน้ำเงิน เคยเซ็นเหมือนกันค่ะและคุ้นๆ แต่ไม่แน่ใจ

หันไปถามลูกศิษย์เนติพ่อขุนข้างๆ น้องอวบบอกอย่างท่านว่ามาค่ะ หากแต่รอหลักฐานพิสูจน์แน่นหนาอีกครั้งแล้วกันนะคะ อิ อิ

อิ่มอร่อยมื้อค่ำแล้ว ฝันดีค่ะ  

  • ทั้งได้ความรู้และทั้งฮาค่ะ
  • พอดีมีโฉนดอยู่บนเตียงเลยหยิบมาดู เป็น นส.๔ จ
  • บนบ้านอีกสองแปลงเป็นไรไม่รู้ อิอิ เเล้วจะไปสำรวจดูอีกที
  • เคยได้ยินแต่พ่อแม่ พูดกัน นส.๓ บ่อยมาก ตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ความหมาย เพิ่งรู้วันนี้เอง
  • ขอบพระคุณมากนะคะ

 

สวัสดีครับคุณปูคนน้ำใจงาม

แวะมาจองที่ไว้อ่านเป็นรายแรกแล้วหลบไปเป็น "หวังลงเล"

ระวังนะจะกลายร่างเป็นปูดำปิ่ดปี๋ เป็นหว่งครับ อิ.อิ.

อีกสองวันกลับมาอ่านเรื่องการใช้หมึกสีน้ำเงินเช็นสำเนาเอกสารนะครับ

รอหลักฐานจากน้องสาวก่อนแล้วจะชี้แจงให้เข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง

ขอบคุณที่ติดตามบทความครับ 

สวัสดีครับคุณแมว

สบายดีนะครับ

รู้เรียนกฎหมายบนความฮา..จะได้ไม่หลับ อิ.อิ.

เอกสารสิทธิอีกสองแปลงรีบตรวจสอบนะครับ

ถ้าเป็น ส.ค.1 ไปยื่นขอออกโฉนดกับสำนักงานที่ดินภายในวันศุกร์นี้นะครับ

หากรอไปถึงวันจันทร์ อาจเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่ายื่นเกินกำหนดเวลา

วันที่ 7 เป็นวันหยุด วันที่ 8 เป็นวันทำการตามหลักแล้วสามารถยื่นได้อีกวัน

ถ้าเลยกำหนดต้องยื่นคำร้องที่ศาลก่อนแล้วนำคำสังศาลมาขอออกโฉนด

จะมีค่าใช้จ่ายและขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่ามากครับ

อธิบายเพิ่มเติม น.ส. 3 ครับ

  1. น.ส.3  ใช้วิธีกำหนดรูปแผนที่โดยวิธีสอบแสครับ คือบอกกว้างบอกยาวบอกทิศใดติดกับอะไร นายอำเภอออกให้
  2. น.ส.3 ก. ใช้การขึ้นรูปแผนที่โดยมีระวางรูปถ่ายทางอากาศกำหนด นายอำเภอออกให้
  3. น.ส.3 .ใช้การขึ้นรูปแผนที่โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศกำหนดเช่นกันแต่ออกโดยสำนักงานที่ดิน เพราะมีกฎหมายยกเลิกอำนาจนายอำเภอ สำนักงานที่ดินจังหวัดจึงต้องทำหน้าที่ออกให้ตามกฎหมายใหม่

หวังว่าพอเข้าใจมากขึ้นนะครับ ความจริงมีรายละเอียดมากครับแต่อธิบายสั้นๆพอเข้าใจ เพราะหากมากกว่านี้ผมอ่านเองยัง....งง...ฮา......

ขอบพระคุณที่ติดตามบทความครับ

สวัสดีค่ะ

แวะมาทักทายและขอบคุณสำหรับความรู้ความฮานะคะ

อ่านแล้วปวดท้องเพราะหัวเราะมากไป ^o^

ไม่รู้ว่าในเหตุการณ์จริงๆ บรรยากาศในศาลจะเป็นอย่างไร อาจจะเครียดกันจนปวดท้องก็ได้ 555

ขอเวลาสักหนึ่งสัปดาห์ตามอ่านบันทึกเดิมของท่านทนายเพื่อเพิ่มรอยหยักในสมองนะคะ

ปล. เป็นคนหัวช้า(แต่หัวเราะไว) และอ่านหนังสือได้ช้า ต้องใช้เวลานานนิดนึง อิอิ

สรุปว่าเตรียมตัวดีมีปัญญามีผลกับคดีมากที่สุด ใช่ไหมครับ

สวัสดีครับคุณดาวสีฟ้าแสนสวย

ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ

ตอนอยู่ในศาลคู่กรณีค่อนข้างเครียดครับ

แต่ท่านอื่นๆที่อยู่ขณะนั้นแอบหัวเราะก็มี แอบยิ้มก็มี

หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปแล้วเมื่อพบหน้ากันก็จะมีอะไรให้แซวกันตลอด

ยิ่งหากมีโอกาสนั้งล้อมขวดวิจัยวัตถุเมาไว ยิ่งได้ สุดบรรเทิงครับ

ตามอ่านบันทึกแล้วลองอ่านความเห็นที่ผมตอบด้วยก็ได้นะ

บางความเห็นมีประโยชน์ อาจได้ใช้เป็นแนวปฏิบัติ

อ่านช้า แต่สวยนานก็ใช่ได้แล้วครับ....อิ.อิ.

ขอบคุณที่ให้กำลังใจครับ

สวัสดีครับท่านบิเวอร์

งานหนักรักษาสุขภาพบ้างนะครับ

ใช่ครับอยู่ที่การเตรียมคดี

ผมทำคดีทุกคดีไม่เคยคิดว่าทนายท่านใดด้อยกว่า

ผมถือว่าทนายทุกท่านมีความสามารถประมาทไม่ได้

เพราะผมต่อสู้กับท่านที่รู้และเรียนกฎหมายมาเช่นผม

แพ้ชนะอยู่ที่หลักฐานและการเตรียมคดีอย่างดีที่สุดครับ

ขอบคุณครับที่แวะให้กำลังใจ

 

  • ตามมาเข้าห้องเรียนกฏหมาย โหด...มัน...ฮา
  • สนุกกว่าก็ที่สำนวนคนเล่านี่แหละ

สวัสดีครับคุณครู  P ปริมปราง

ตอนอยู่ในศาลผมก็เป็นเช่นที่เล่าหละครับ

จนบางครั้งท่านผู้พิพากษาต้องเตือนให้ซักเข้าประเด็นบ่อยๆ

บางครั้งท่านก็พูดตรงๆว่าอย่าขี้ม้าเลียบค่าย ให้เข้าค่ายเลย

แต่บางเรื่องก็ไม่มีใครสนุกด้วยแต่ต้องทำเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฎ

ต้องหลังจากผ่านไปหลายๆปีเมื่อนึกขึ้นก็นั่งหัวเราะได้เช่นกัน

ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านครับ

ปล.คุณครูใช้รูปใหม่สวยขึ้นครับ

สำนวนการเขียนน่าอ่าน ชวน(ไม่ใช่ท่านชวนนะ)ให้ติดตาม เหมือนอย่างที่เขาว่า คนเก่งไม่กลัว แต่กลัวคนที่เตรียมคดีมาดี เป็นกำลังใจให้ครับ

มาอ่านต่ออีกนิดนึงค่ะ ช่วงลงเรียนวิชานี้ก็อาศัยอ่านวันละนิดค่ะ แบบฮีโร่บอกไว้ ... เก่งไม่กลัว กลัวขยัน ...

ตัดจาก .. ต้องอ่านดีๆ ไม่งั้นอาจงงๆ สรุปแล้วฮาหลาว

 ผมรับจ้างมาเบิกความ 5,000.-บาท อย่างอื่นทนายสอน.....ฮา.....

สมัยก๋งยังอยู่เค้าไปตัดจาก ยายเย็บจาก ... หลานกระโดดเล่นบนตับจาก ก่อนโน้นจากตับละบาท สมัยนี้จากหายากแล้ว ตับละ ๑๐ บาทได้?

สวัสดีครับท่าน P ผศ.ดร. เมธา สุพงษ์

ขออภัยเป็นอย่างสูงครับที่มาตอบช้าไปหลายวัน เพราะไปทำศึกกับไวรัสโทรจันมา ดีว่าพอจะกู้คืนข้อมูลมาได้บ้าง แต่สำนวนคดีบางคดีกู้คืนไม่ทันต้องไปหาจากที่ทำแบ็คอัพไว้

ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจและคำติชมที่มีให้ครับท่านอาจารย์ ผมพยายามนำเอาประสบการณ์จริงที่เป็นวัตถุดิบมาเขียนเพื่อให้บุคคลทั่วไปได้เรียนรู้แง่มุมกฎหมายในแบบที่ไม่เบื่อเสียก่อนเท่าที่พอจะทำได้ แต่ถ้าเป็นนักกฏหมายแล้วแง่มุมดังกล่าวเป็นเพียงน้อยนิดเท่านั้นครับ

ผมแวะไปบ้านอาจารย์หลายครั้งแล้วไม่ได้เข้าไปทักทาย ยังนึกเสียดายว่าถ้าผมมาเรียนกฎหมายในสมัยนี้ ผมคงตอบข้อสอบกฎหมายได้ดีและอาจได้เกรดจีในหลายๆวิชา ในสมัยที่เรียนไม่มีอาจารย์ท่านใดแนะนำหลักการตอบข้อสอบวิชากฎหมายได้ชัดแจ้งเท่าที่ท่านได้อธิบายไว้ในบล็อกของท่าน ผมกว่าจะตอบข้อสอบกฎหมายได้ดีต้องแลกมาด้วยการสอบตกในหลายวิชา นักเรียนกฎหมายท่านใดที่ได้แวะไปอ่านบันทึกของท่านอาจารย์ผมเชื่อว่าจะตอบข้อสอบกฎหมายได้อย่างดีเยี่ยมครับ

ขอบพระคุณอีกครั้งที่แวะให้กำลังใจ แล้วผมจะแวะไปทักทายท่านนะครับ 

สวัสดีครับคุณ P poo ดำอันดามัน

ขออภัยครับที่มาตอบช้าไปหน่อยไปทำศึกกับท่านโทรจัน อิ.อิ.

จังหวัดที่ผมไปทำคดีนี้ เค้าทำอาชีพปลูกจากขายเป็นสวนมาก แต่ตอนหลังๆกลับทำเป็นนากุ้งกุลาดำไปจนหมด จึงมีให้เห็นได้น้อยมากแล้ว กอปรกับสมัยนี้ยึดอาชีพเย็บจากขายมค่อนข้างน้อยนะครับ พังงาเองเท่าที่เห็นก็มีที่นบปริงไม่แน่ใจว่าเป็นที่บ้านคุณปูหรือป่าว หลังคามุงด้วยจากแพงกว่าหลังค่ามุงด้วยกระเบื้องแล้วครับสมัยนี้ ร่ำรวยจากการขายจากตับละ 10 บาทจะเอามาแบ่งให้ผมใช้บางก็ได้เน่อ....อิ.อิ.จะได้นับเป็นญาติกันหลาว....แฮ..

ขอบคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ 

  •  
    • อ่านหนุกๆ..ได้ความรู้..คำนักกฎหมายเนี่ย น่ากลัวทั้งนั้นเลยนะค่ะ (กลัวเข้าใจผิด) ปากแตก งี้ ซ้อมงี้ ( ฟังไม่ดีคิดว่าต้องมีเจ็บตัวแน่ๆให้สารภาพ)
    • สงสัยว่าบรรยากาศในระหว่างอยู่หน้าศาล จะได้ฮาอย่างเนี่ยหรือป่าว กลัวจะเครียดซะล่ะมากกว่ามั้งคะ

สวัสดีครับคุณ P ป้าเหมียว

เวลาอยู่ในศาลไม่หนุกครับ ต้องให้เวลาผ่านไปนานๆแล้วนึกย้อนกลับยังคิดเลยว่าทำไปได้ไง พอเล่าให้ใครฟังคราวนี้หละหนุก ฮาระเบิดครับ

คำกฎหมายมีหลายคำที่ฟังน่ากลัว บางคำฟังแล้วสงสัยไม่จบแถมงงอีก อย่างคำบางคำใน พระราชบัญญัติสัตว์ปีก กฎหมายบอกว่าถ้าท่านบอกว่าเป็ดให้หมายถึงไก่ ทั้งที่เป็ดก็คือเป็ด ไก่ก็คือไก่ แต่กฎหมายเป็ดคือไก่ เออ...งงดีนะ อิ.อิ. 

ขอบคุณครับป้าเหมียวที่แวะมาบ่อยๆ

มีเรื่องเรียน5ถามเกี่ยวกับที่ ภบท.5 พ่อได้ยกที่ภบท.5 ให้แปลงหนึ่ง ได้ให้พ่อตาดูแลทำประโยชน์ทำสวนปลูกมะม่วงมาสิบกว่าปีทั่ก้อบอกดูแลไว้และได้เสียภาษีในตามใบแจ้งของ อบต.คือชื่อผมมาตลอดทุกๆปี ดูกอไม่มีวีแววว่าจะยึดมาครอบครอง การอยู่ด้วยกันของผมกับภรรยาก้อไปด้วยกันไม่ได้ต้องเลิกลากันแต่ยังไม่ได้หย่า/เวลานี้ผมจะเอาที่คืนเพื่อมาดูแลเองพูดคุยกันแล้วไม่มีปัญหาแต่อยุ๋พ่อตากลับเปลี่ยนใจขึ้นกะทันหันไม่ให้/บอกทำมานานแล้วเขาเป็นผู้ครอบครองแต่การเข้าไปทำนั้นเพราะได้รับอนุญาตจากผมผู้เป็นเขย / ผมเรียนถามท่านดังนี้คับ สิทธิการครอบครองของพ่อตาเกิดขึ้นแต่เมือไร ผมเองพอจะมีวิธีไหนที่จะได้ที่คืน พ่อตามีสิทธิที่ไปเปลียนชื่อเองได้หรีอไม่ ที่ผ่านมาชาวบ้านก้อทราบดีว่าเป็นที่ของผมและพ่อตามเองก้อไม่ได้กับผู้ว่าได้เข้าไปทำประโยชน์ไว้เพิ่งมาแจ้งว่าให้มาช่วยฟังตลงเรื่องที่ติดแปลงนี้ เมือวันที่ /ึ ส.ค.56 นี้เองคับ ขอรบกวนช่วยไขข้อสงสัยให้ผมด้วยครับ มีข้อกฏหมายที่จะเพิ่มให้ผมรับทราบเกี่ยวกับที่ดิน ภบท.5 แนะนำด้วย  ขอบพระคุณอย่างสูงคับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท