เด็กตั้งท้องในวัยเรียน สังคมจะแก้อย่างไร


เด็กตั้งท้องในวัยเรียน สังคมจะแก้อย่างไร

เด็กตั้งท้องในวัยเรียน สังคมจะแก้อย่างไร

เราในฐานะเป็นครู ผู้ปลูกฝั่งความรู้ และสร้างสามัญสำนึกให้กับเด็ก เห็นแล้วก็ท้อใจ ตกใจ ได้คุยกับแฟนผมเองซึ่งก็เป็นครูเหมือนกันแล้วท้อใจ จนปัญญาที่จะแก้สังคมปัญหาในเรื่องนี้
ปัญหาการจับคู่ การมีแฟน การทดลองอยู่ด้วยการก่อนแต่งงาน ทุกวันก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น จะโทษใคร ใครจะเป็นคนรับผิดชอบกับสังคม เมื่อลูกหลานเรา เด็กนักเรียนมีพฤติกรรมการมีแฟนแล้วนอนด้วยกันอายุน้อยลงทุกวัน
มีปัญหาท้องก่อนวัยที่เหมาะสมทุกวัน มีเด็กเกิดมามีพ่อแม่ยังไม่บรรลุนิติภาวะน้อยลงทุกวัน มีจำนวนนักเรียนพ่อแม่อยากจนเพราะพ่อแม่ไม่มีงานทำ รายได้น้อย แล้วก็มีนักเรียนในครอบครัวแตกแยกพ่อแม่แยกทาง นักเรียนมีปมด้อย
ผู้สูงอายุลำบากเลี้ยงหลานในวัยเรียน ซึ่งพ่อแม่ได้รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วปัญหาเรื่องราวเหล่านี้ก็วนกลับมา ให้เด็กมีปมด้อย ได้กระทำพฤติกรรมแบบพ่อแม่ของเขา ด้วยอายุที่น้อยลง ลุกลามไปสู่เพื่อนๆ ทำให้อัตราการขยายตัว
เพิ่มจำนวนมากขึ้น ด้วยอัตราส่วนเวลาที่รวดเร็วมากขึ้น เป็นวงจรชีวิต ทำให้สังคมไทย เสื่อมถ้อยลงทุกวัน

สิ่งดีงามที่รุ่นเราได้พบเจอ ปฏิบัติในสิ่งที่พ่อแม่ ผู้ใหญ่ในสังคมพาทำ ปฏิบัติมา ไม่พบเจอในสังคมปัจจุบัน ปัญหาที่หลายคนไม่อยากรับรู้ ไม่อยากรับฟัง ทำเฉยเหมือนว่ามันไม่เกิดขึ้นจริงในสังคมใกล้ตัวเรา ระบบมันเสื่อมลงไปพร้อมๆ กันงั้นหรือ
สิ่งแวดล้อมพาไป ขาดการดูแลจากสังคม ผู้ใหญ่ใกล้ตัว

เทียนเล่มน้อย จะแก้อะไร จะหยุดจะแก้ความเสื่อมถ้อย จุดไหนดี เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไร ไม่เรื่องที่ไม่เคยได้พูดคุยกัน ความต้องการทางสังคมมันพาไปตามระบบเงินแห่งความต้อง สื่อ ทีวี หนังสือ สิ่งที่ป้อนให้กับเด็ก ผู้ใหญ่พ่อแม่ทำงาน
หาเงินแต่ขาดการอบรมดูแล เลี้ยงด้วยเงิน ขาดความใกล้ชิด ครูบาร์อาจารย์อย่างเรา ไม่ได้ดูแลสั่งสอนด้วยหัวจิตหัวใจเหมือนครูสมัยก่อน เป็นเหมือนรู้แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าทำก็ต้องขัดอะไรสักอย่าง ที่ทุกคนต้องเดินไป แล้วเราไม่เดินตามเขาไป
แต่ก่อนได้ต้องยอมรับ พอมีครอบครัวภาระอิทธิพลต่อครอบครัวมาขึ้น การที่เราจะทำอะไรในสิ่งที่แตกต่าง มันก็ทำไปเหมือนกัน การที่เงินเดือนเราไม่ขึ้นเหมือนครูคนอื่นๆ เราก็ไม่คิดอะไรมากนัก ได้ทำในสิ่งที่หัวใจอยากทำ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว
เราไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว มัวไปทำแบบนั้น เงินเดือนไม่ทันเพื่อนแล้ว เสียใจมาก ตอนนี้ที่เขียนก็เสียใจ

การที่จะปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้เด็กสักคน หรือแก้ไขเด็กที่ปัญหาทางใจสักคน ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้วันสองวัน ต้องใช้เวลา ต้องใช้ทุนมีค่าใช้จ่าย ครูรุ่นเราขาด ห่าง จิตใจ ต่างจากครูรุ่นเก่ามากๆเลย ครูเราต้องมีภาระหลักในโรงเรียนคืองานตามโครงสร้าง
เพื่อระบบและนโยบายผู้บังคับบัญชา อีกส่วนต้องดูแลตัวเอง เอกสารวิชาการส่วนตัว แผน สื่อ ไว้รอประเมินขอเลื่อนขั้นเงินเดือน เตรียมประเมินขอเงินวิทยะฐาน เงินนะไม่เท่าไร แต่เพื่อนได้หมดแล้ว อายหละมากกว่า

จุดที่อยู่ก็แก้ไม่ได้ โครงการ "คืนครูให้เด็ก"  ที่เคยได้ยินผ่านลม มาหละไปไหนแล้ว

เด็กก็คือเด็ก เขาเป็นเหมือนน้ำ จะขาว ขุ่น หรือดำ อย่างไหนก็เป็นน้ำ ที่ต้องปั้นแต่งพาชนะให้เป็นรูปร่างๆ ให้สวยงาม เพื่อจะนำไปใช้ประโยชน์ในสังคม ต่อไป

เคยไหมเวลาตัวเองทำอะไร ที่ไม่ใช่ตัวเอง แล้วต้องทำ
เคยไหมที่เราตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง ให้เสร็จ แล้วต้องหยุดทำแล้วนั่งดูสิ่งนั้น ที่มันกำลังจะพังต่อหน้าต่อตา
หลายคนคงเคย เหมือนกับครูรุ่นพี่หลายคนที่รู้สึกเหมือนกัน จะต้านก็ไม่มีกำลัง สู้ไปก็ตายเปล่า เฝ้าดู เฝ้ามองด้วยความเศร้า รอเวลาด้วยจิตใจที่เฝ้ารอ

ต้องไปแล้ว ได้เวลาตั้งทำภาระงานอีกด้านอื่นแล้ว
ครูตั๋น

หมายเลขบันทึก: 333057เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2010 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 14:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะคุณครูตั๋น

  • บันทึกของคุณครูน่าสนใจ น่าจะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนได้มากกว่านี้นะคะ
  • พี่คิมเห็นด้วยค่ะ  กับความรู้สึกที่คุณครูได้ถ่ายทอดออกมาก
  • ทุกโครงการ ทุกกิจกรรมนโยบายเลิศหรูนะคะ แต่ดูเหมือนโยนก้อนหินลงน้ำค่ะ
  • พี่ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้เหมือนกัน  แก้ได้บ้างแล้วค่ะ เด็กพี่ไม่ออกโรงเรียนกลางคันและไม่ตั้งท้องแล้ว
  • เชิญแลกเปลี่ยนได้ที่นี่ค่ะ เขียนไว้อย่างย่อ ๆ กำลังเรียบเรียงให้เป็นกิจลักษณะอยู่นะคะ
  • http://www.krukimpbmind.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5371507
  • ขอขอบพระคุณที่ให้โอกาสแลกแลกเปลี่ยน  ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท