สวัสดีค่ะ เพิ่งกลับมาจากไปแอ่วเหนือมาค่ะ ไปกับญาติแล้วก็เพื่อนของญาติอีกคนชื่อว่าพี่ลูกหมู เป็นจิตแพทย์ค่ะ พอได้คุยกับพี่เค้าก็เลยมีเรื่องของ จิตวิทยาการขอ แบบจิตแพทย์มาเล่าให้ฟังค่ะ
พี่ลูกหมูเล่าให้ฟังว่าคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาหานั้นจะเป็นญาติๆพามารักษา แต่ความคิดส่วนใหญ่ของคนไข้ที่ป่วยทางจิตเกี่ยวกับการรักษาจะแบ่งเป็น ระยะแรก กับระยะหลังนะคะ
ระยะแรก : คนไข้จะรู้สึกว่าโรคที่เขาเป็นอยู่รักษาได้บำบัดได้ พอมารักษากับคุณหมอทางจิตระยะแรกที่เอายาไปทาน อาการก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความวิตกลดลง เสียงที่ได้ยินแว่วๆก็ลดลง หรือการระแวงต่างๆก็น้อยลงไป ทำให้เหมือนเขาจะกลับมาเป็นคนปกติไปทำงาน หรือเรียนได้เหมือนเมื่อก่อน
ระยะหลัง : พอรักษามาได้สักพัก อาการเริ่มกลับมาเหมือนเดิม หรือดีขึ้นแต่ไม่เหมือนตอนระยะแรกๆ ทำให้คนไข้คิดว่ารักษาไปก็ไม่ได้ผล โรคที่เขาเป็นไม่มีทางหาย ยังไงเขาก็เป็นคนที่คนอื่นๆเรียกว่า "คนบ้า หรือคนป่วยโรคจิต" ทำให้คนไข้ไม่อยากมารักษาอีก ไม่อยากทานยา รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิต
คราวนี้คุณหมอจิตแพทย์ของเราจะทำยังไงล่ะคะ?
พี่ลูกหมูบอกว่า พอคนไข้เริ่มไม่อยากรักษา เขาต้องขอให้คนไข้รักษาต่อ โดยการค่อยๆพูด ค่อยจา อธิบายให้คนไข้ฟังว่า โรคนี้อาจจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่เขาสามารถทานยาเพื่อควบคุมมันได้ ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ แต่คนไข้ส่วนใหญ่จะเบื่อหน่ายกับการทานยา พี่ลูกหมูก็จะต่อรองกับคนไข้ว่าถ้ายอมรักษาต่อเนื่อง คราวหน้าจะลดยาให้ เพื่อชักจูงให้คนไข้ยอมมารักษาต่อเนื่อง เพราะถ้าคนไข้ไม่ทานยาต่อเนื่องก็จะกลับมาเป็นเหมือนดิม การทานยาของคนไข้จิตเวช คือการควบคุมอาการ เนื่องจากเกิดความผิดปกติของสารบางอย่างในร่างกายที่ลดลงทำให้คนไข้มีอาการค่ะ
เป็นการ ขอแบบ win win แบบมีข้อเสนอหยิบยื่นให้ซึ่งกันและกัน ทำให้ win win ด้วยกันทั้งสองฝ่ายค่ะ
ในกรณีนี้ คุณหมอได้รักษาผู้ป่วยต่อ ส่วนผู้ป่วยก็อาการดีขึ้น
ขอบคุณเคสดีๆจากผู้เล่า พี่ลูกหมูด้วยค่ะ
ขอบคุณสำหรับ เรื่องราวดีๆ ค่ะ
บุญรักษาค่ะ ^_^
* การขอแบบ Win Win ใช้ได้ในหลายๆเรื่องเลยนะครับ
* ช่วงที่ผมทำเวทีครอบครัวสุขภาวะ ก็มีการขอต่อรองกันระหว่าง ฝ่าย แม่ และ ลูก ครับ ในเรื่องของพฤติกรรมที่ต่างฝ่ายต่งต้องการ
* ในเรื่องของการทำงาน ผมเองก็มักจะมีการขอแบบ Win Win อยู่หลายๆครั้งครับ (ถ้าไม่ขอ - งานไม่เดิน)
ขอบคุณสาระดีๆครับ
การขอแบบ win win ก็เคยทำหลลายครั้งเหมือนกันนะค่ะ
ส่วนมากจะประสบความสำเร็จ เพราะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ขอบคุณประสบการณ์ดีๆที่นำมาแบ่งปันกันนะค่ะ
~*_PangJung_*~
การขอแบบ win win
ต่อรอง แบบทั้งสองได้ประโยชน์ค่ะ เป็นการพูดที่ช่วยทำให้คนไข้กล้ากลับมารักษาเป็นผลดีอย่างมากค่ะ
สวัสดีครับคุณอรคนน่ารัก
จิง.จิง.แอบปีนบ้านคุณอรหลายครั้งแล้ว
แต่ไม่กล้าแสดงตัวกลัวถูกจับส่งจิตแพทย์บังคับแกมขอให้กินยา
เพลานี้จำต้องแสดงตัวเพราะ ถูกบัตรเครดิตบังคับให้มาส่งรังนก เพราะคุณอรปิดมือถือ อิ.อิ.
ผมชอบแอบเรียนรู้และชอบอ่านวิธีนำเสนอ ระบบ AI จากทุกบ้าน ก็แอบเข้าบ้านเปิ้นทุกหลัง
เห็นเป็นคุณสุภาพสตรีเลยไม่กล้าแสดงความเห็น กลัว.....ต้องมาส่งรังนกให้เช่นคุณอร แฮ....
การขอในแบบ พี่ลูกหมู ซึ่งเป็นจิตแพทย์ท่านนี้ แถวบ้านเรียก "การล่อโคขืนให้กลืนข้าวครับ"
ไปหละครับวันหลังจะมาส่งรังนกใหม่
ผมใช้วิธีการขอแบบ win win บ่อยเลยครับ
ไม่ว่าจะเป็นตอนทำรายงานกับเพื่อนหรือการขอให้คุณพ่อซื้อของให้
ผมว่ามันเป็นการพบกันครึ่งทางอ่ะครับ
โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์มากเกินไป
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ
win win นี้ดีจังค่ะ
เพิ่งรู้ว่าจิตแพทย์เค้าก็ใช้กัน
ดีทั้งหมอทั้งคนไข้ ^^
ชอบค่ะ.. ดีทั้งสองฝ่าย ^^
ขอบคุณทุกๆท่านมากเลยค่ะ ที่แวะมา
คุณ ชาวฝนแปดแดดสี่ มาทวงหนี้บัตรเครดิตหรอคะ 555 ขอบคุณค่ะที่แวะมา
การขอแบบ win win หรือพบกันครึ่งทาง ทำให้บางเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ สามารถดำเนินต่อไปได้นะคะ
win win ด้วยครับ ตามกระแส อิอิ
คุณหมอเล่าให้ฟังว่า มีคนไข้หลายคนเลยนะคะ ที่เป็นคนวัยรุ่น วัยกลางคน เรียนจบ ปริญญา ตรี, โท
โรคทางจิต อาจจะเกิดอาการตอนโตก็ได้ค่ะ มีผลมาจากกรรมพันธุ์ด้วย