โครงการปฏิรูปการศึกษาที่เป็นของแท้ (2) : ใช้ KM เป็นเครื่องมือ


ตอนที่ 1

         โครงการ "การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทางการศึกษาด้วยการจัดการความรู้"  มีระยะเวลา 2 ปี (มิ.ย.49 - พ.ค.51) นำโดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา 2 ท่านคือ ดร. เลขา ปิยะอัจฉริยะ และ ดร. สุวัฒน์ เงินฉ่ำ   มีทีมงานจาก สกศ. และ มรภ.สวนสุนันทา   ได้รับทุนสนับสนุนการ "วิจัย" จาก สกว. และ สกศ.

         โครงการนี้จึงได้ชื่อว่านำโดยคนที่โชกโชนอยู่กับการบริหารและปฏิรูปการศึกษา   โดยที่ผ่านมาการปฏิรูปการศึกษาเน้นการใช้ "พลังแข็ง" คือกฎหมายและการปฏิรูปโครงสร้าง   และการริเริ่มโครงการแนวดิ่งจากส่วนกลาง

        บัดนี้ทีมงานที่เคยโชกโชนกับแนวทางเดิมหันมาทดลองแนวทางใหม่ที่เน้นใช้ "พลังอ่อน" คือพลังความดีความสำเร็จ  ความริเริ่มสร้างสรรค์ที่มีอยู่แล้วในครูในโรงเรียน   เอามา ลปรร. และขยายผลด้วยเครื่องมือ KM

         ที่จริงต้องใช้ทั้ง 2 แนวทางคือไม่ใช่ either - or, แต่ใช้ both - and ให้มีสมดุล

         สิ่งที่ผมขอเสนอแนะในการใช้ KM เป็นเครื่องมือก็คือเวลานี้ในประเทศไทยมีหน่วยงาน/บุคคลที่มีประสบการณ์การทำ KM กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย   แกนนำ KM ใน 17 สพท. และ 78 โรงเรียนควรได้เข้าไป ลปรร. ประสบการณ์และวิธีการทำ KM จากหน่วยงาน/บุคคลเหล่านั้น

         ประเด็นที่ต้องไป ลปรร. คือทำ KM อย่างไรให้ไม่เพิ่มงาน   ให้เนียนอยู่ในเนื้องานและให้คนเป็นสุข

วิจารณ์  พานิช
 1 มิ.ย.49

หมายเลขบันทึก: 32961เขียนเมื่อ 2 มิถุนายน 2006 16:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 21:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เห็นด้วยค่ะ  กับการที่จะทำอย่างไรที่จะให้ KM ไม่เป็นการเพิ่มงาน และให้คนเป็นสุข

  • ดีใจที่ KMมาดำเนินการทางด้านการศึกษา
  • อยากเห็นมีการขับเคลื่อนทางด้านการศึกษามากๆครับ
ไม่แน่ใจว่า KM เพิ่มงานหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ดิฉันรับงานเพิ่มค่ะ  อย่างน้อยก็การนำ  KM  มาขยายผลต่อที่โรงเรียนค่ะ  ก็ดีนะคะ  เราสนุกดี แต่เพื่อน ๆไม่แน่ใจค่ะ   
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท