บ้าบอ โทรศัพท์มรณะ
บ้าบอ โทรศัพท์มรณะ
อ้างอิง - ภาพ Kati1789
ขออนุญาต
เกาะเกี่ยวกระแสข่าว
ลือสะบั้นหั่นแหลกกับเบอร์โทรผี
กดรับตาย ฟังเสียงจากเบอร์ดังกล่าวก็ตาย ไม่กดรับแต่ขึ้นเบอร์แดงก็อาจตายได้ อ่านแล้วไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เพราะเดี๋ยวจะตายเหมือนกัน สำหรับข่าวสารโพสต์ข่าวลือต่อเนื่องเชื่อมโยง โหมไฟอคติในใจผู้คน ที่ไม่รู้อะไรมากมายแต่หวาดกลัว และไม่ค่อยอยากรู้อะไรให้มาก จนไม่ต้องการค้นหาคำตอบสุดท้ายของความจริง หรือไม่คิดจะใช้ปัญญา ดังนั้นจึงเชื่อ
สำหรับข่าวลือ จากการผลิตซ้ำ
โพสต์กันมันมืออย่างมาก
จนเหมือนข่าวลือขยะ
ผลิตซ้ำข่าวลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อบอกกล่าวเล่าความว่า เขาเล่ากันว่า เขาว่ากันว่า ดังนั้นดังนี้เช่นนั้นเช่นนี้ ถึงเบอร์โทรศัพท์ลึกลับของความตาย เหมือนเช่นที่มีกระแสข่าวลือ เรื่องการไหลตาย จนประชากรชายไทยหลายคน ต้องหันไปนมัสการและสมาทานแฟชั่นทาเล็บแดง จนแทบจะเป็นสรณะของชีวิต โดยสรุปใจความสำคัญเหมือนเดิมว่า ไม่ต้องไปคิดอะไร
อาการกลัวขึ้นสมอง
หรือคำปู่ย่าตายาย ที่มักพูดว่า
กลัวจนขี้ขึ้นสมอง จึงกลายเป็นแฟชั่นยอดฮิต
แม้แต่ในยุคที่สังคมเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร หรือ Network society เดินทางอย่างรวดเร็วฉับพลัน เพียงคนตกรางรถไฟฟ้า BTS ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีข้อความข่าว SMS ระบุถึงชายที่ตกราง กระทั่งข่าวเริ่มนิ่ง เริ่มพิสูจน์ทราบ กระทั่งได้รับการช่วยเหลือ และมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ จึงพบว่า ผู้ประสบเหตุเป็นหญิง ทั้งหมดล้วนเป็นความดีของความเร็ว
ใช่อย่างยิ่ง สำหรับความเร็ว
ที่ยังไม่ต้องกลั่นกรอง
แต่พร้อมจะทำงาน
ทำหน้าที่ เพื่อสร้างความหวาดวิตก กระตุกต่อมความกลัว และคอยกระตุ้นให้ผู้คนไม่ต้องใช้สมอง ไม่ต้องใช้ปัญญา หรือไม่ใช้ความคิดเหตุผล เพื่อตรวจสอบตรวจทาน และมองเห็นข่าวสารหรือข่าวลือเหล่านั้นด้วยสมอง จนไตร่ตรองได้ว่า ควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อ
ความเร็วจากการส่งข่าว
จากการผลิตซ้ำข่าวลือ ที่คิดว่าสนุก
หรือปัดไปให้พ้นตัวว่า ควรใช้วิจารณญาณในการรับรู้
เสมือนหนึ่ง ผู้ส่งข้อมูลข่าวสารข่าวลือ ไม่ต้องแบกรับความผิดชอบใดใด เสมือนถอดสมองทิ้งไว้ ไม่ต้องใช้สามัญสำนึก ไม่ต้องใช้เหตุผล เพียงเพื่ออยากให้มีคนสนใจ มีคนมาเยี่ยมเยือน โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองว่า ข่าวใดควรเชื่อและควรส่งต่อ หรือข่าวใดควรกลั่นกรองเช่นไร
ไม่แตกต่างจากใครสักคนจะตะโกนว่า ไฟไหม้
ยามผู้คน และ ฝูงชนแออัดยัดเยียด
จนเกิดการเหยียบกันตาย
ไม่แตกต่างจากข่าวลือเผาบ้านเผาเมือง คำทำนายทายทักบอกความวิบัติของบ้านเมือง โดยปราศจากความตระหนัก ไร้การใช้สามัญสำนึก ไร้ความรับผิดชอบในทางปัญญา ไม่สร้างสติให้กับใคร ไม่ส่งเสริมปัญญาใดใดสู่สังคม แต่พร้อมจะปล่อยข่าวให้เหมือนไฟลามทุ่ง
สนุกมากครับ
สำหรับข่าวลือเผาเมือง
และข่าวลือ ที่สร้างความตระหนก
ให้ผู้คนที่ไม่พร้อมใช้ปัญญา ได้ฝังหัวฝังใจกับความเชื่อดั้งเดิม กับความหวาดกลัวในชีวิต สำหรับใครก็ตามที่คิดเป็นเรื่องสนุกสนาน ก็คงจะเบิกบานอารมณ์ดี กับจดหมายลูกโซ่ขู่แช่งชักหักกระดูก ขู่ว่าจะมีความตายเกิดขึ้นกับผู้คน หรือ ปรารถนาดีแต่เจตนาร้าย สร้างความตกใจในอัปมงคลชีวิต ด้วยเพราะไม่คิดจะใช้ปัญญานำทางชีวิต ให้มีสติในทางที่ดี
ยิ่งในด้านที่ควรตำหนิติเตียน
กระทั่งวิพากษ์วิจารณ์
ในความไร้สาระ
ก็ควรจะมีปรากฎ เพื่อให้ผู้คนได้ฉุกคิดกันบ้าง หรือ แม้แต่ตะโกนใส่หู เพื่อให้รู้ตัวรู้ตนกันบ้างว่า ยังมีชีวิตมีการรับรู้ และมีมันสมอง ที่พอจะตระหนักร้อนหนาว และใคร่ครวญได้ว่าควรจะเชื่ออย่างหัวปักหัวปำ หรือควรนั่งตรองแล้วเข้าใจว่า สุดท้ายต้องมีที่มาที่ไป ต้องมีคนตายและมีรายชื่อคนที่รับโทรศัพท์แล้วตาย หากไม่มีก็ไม่ควรเชื่อแหล่งข่าวที่ระบุว่า เขาว่ากันว่า
นอกเหนือจากก่นด่า
และ อยากตะโกนเสียงดังดัง
ด้วยความกลัวตายของตัวเองในทุกเมื่อเชื่อวัน
เพราะรู้อยู่แล้วว่า วันหนึ่งผมต้องตาย ผมก็เลยอยากสร้างอนุสติเล็กเล็ก ให้กับเชื้อไฟในสังคมไทย ที่พร้อมจะโหมพัดข่าวลือ ให้ลุกลามลุกไหม้ กระทั่งอาจสร้างความแตกตื่น หากข่าวดังกล่าวเกี่ยวข้องกับวิบัติภัย พายุใหญ่พัดถล่ม แผ่นดินแตก คลื่นยักษ์บุกเมืองไทย จนเที่ยวไปซื้อข้าวของเครื่องใช้กักตุน หรือปล่อยข่าวลือ ให้เกิดความระส่ำระสาย
ซึ่งหากเป็นโทษทัณฑ์ ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
ใครปล่อยข่าวลือ ก็มีโทษสถานเดียว
ที่สร้างความบ้าบอในใจผู้คน
แต่สิ่งที่สำคัญ คือ ความจริงของความไม่มั่นใจในสังคมไทย ความจริงของการไม่ใช้ปัญญา ไม่ใช้ความรู้นำความรู้สึก หรือใช้ปัญญาชี้นำความเชื่อ เป็นภาพสะท้อนหนึ่งของสังคม ที่ไม่อาจก้าวพ้นจากความหวาดวิตกบางอย่าง สังคมที่พร้อมจะเชื่อ และพร้อมจะใช้ข่าวลือเป็นเครื่องนำชีวิต
ที่คิดที่พูด
เพราะต้องการคำตอบ
ถึงบทบาทข่าวสารใน Social Network
ถึงสามัญสำนึก ของพลเมืองข่าวทั้งหลาย ถึงผู้คนมากมายที่ต่างเข้าถึงระบบการสื่อสาร ต่างเข้าถึงการส่งผ่านข้อมูลความรู้ ที่ไม่คิดจะใช้ปัญญาไตร่ตรอง ก่อนส่งผ่านข้อมูลบางอย่าง แม้วันนี้ ข่าวสารจากเมืองเหนือ ถึงเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ ที่สามารถฆ่าใครต่อใครให้ตาย จะไม่ใช่ข่าวที่สร้างความเสียหายใดใด แต่ก็เป็นภาพสะท้อน ถึงสิ่งที่เรียกว่า ไร้ความรับผิดชอบต่อข้อมูลข่าวสาร
สำหรับใครก็ตาม ที่ผลิตซ้ำข่าวลือ
ผลิตซ้ำความไร้ปัญญา
ก็มีสภาพเช่นเดียว
กับการผลิตขยะที่ล้นโลก ในโลกข้อมูลข่าวสาร
ความเห็น (5)
วันนี้ไปตลาดในหมู่บ้านมา ก็เห็นคนในตลาด ถกเถียงกันว่า เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ไอ้เรื่องเบอร์ บ้าๆบอๆ นี่อยู่เหมือนกัน..
เออ แฮะ...เรื่องไร้สาระนี่ มันก็ดังได้ในพริบตาได้ด้วย...
เฮ้อ...ก็คิดซะว่า....หมูหมามันเห่าหอนหลอนหลอก ไม่มีผีจริงๆ ดีกว่าค่ะ....
ไอ้คนทำก็ "ไร้สมอง" ก็คงหลอนได้กับพวกคนขี้กลัว และ ไม่ได้รับความรู้เรื่องเทคโนโลยีแบบลึกซึ้ง...ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ นอกจาก ไอ้คนที่เด๊ต..มันมีโรคประจำตัว หรือ ไม่ก็ประจวบเหมาะ...ดวงจะถึงคราวตายพอดีน่ะสิ...
ฮ่าๆๆ ทีนี้ ก็มันปาก พวกที่ชอบ เล่าปลาซิว ให้เป็นปลาช่อน...โถ..อนิจจังสังคมไทย...ยังด้อยการพัฒนามากมายนัก..ผู้รู้ช่วยออกมาชี้แจงชาวบ้านทีเถ๊อะ.....
ขอบคุณนะคะ ที่เอาสังคมเน่าๆ มาตีแผ่อีกบันทึกได้ดีจริงๆ..
ควรมีสติ
อย่าพูดถึงมันอีก
แล้วมันก็จะเงียบเองครับ
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะค่ะ
น่ากลัวจังเลย
คำกล่าว ของผู้บรรลุแจ้ง กล่าวไว้
ถึงการใช้สติ แล ปัญญา ในการไตร่ตรอง เพื่อหาเหตุแห่งปัญหา
โดยมิได้บอกกล่าว ถึงคำว่า ลบหลู่ หรือ ไม่ลบหลู่
ว่าจะเป็นหนทาง ไปสู่การรู้แจ้ง
ดังนั้น เมื่อผมสมาทาน หนทางแห่งท่านผู้บรรลุแจ้ง
ผมก็ยึดถือ การไตร่ตรอง คิดใคร่ครวญ ด้วยสติ แล ปัญญา ครับ
ส่วนหนทางแห่งความหวาดกลัว หรือ ลบหลู่ นั้น
ในทางพระ ถือเป็นหนทางที่ยังวนเวียนในวัฏฏะ ครับ