ฝึกภาวนา (1) : Shift from error avoidance to error detection and correction


Shift from error avoidance to error detection and correction

    จงเปลี่ยนจากการหลีกเลี่ยงความผิดพลาด
ไปสู่การค้นหาความผิดพลาดและแก้ไข

 

 

 

        เราเรียนคณิตศาสตร์เราก็เริ่มจากง่าย ๆ ให้นับเลขให้เป็นก่อน แล้วก็เรียน บวก ลบ คูณ หาร ยากขึ้นไปตามลำดับ กระผมเข้าใจว่า การภาวนาเดินบนทางธรรมก็คงไม่ต่างกันนัก โจทย์ธรรม (ทุกข์) ก็ต้องยากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกำลังธรรมประมาณนั้นหรือปล่าวขอรับ ? ตอนแก้โจทย์ใหม่ ๆ อาจจะยากเหลือเกิน แต่พอแก้โจทย์ได้แล้ว สอบผ่านแล้ว มันก็ไม่ทุกข์อีกแล้วทำนองนั้นหรือปล่าวน้อ

       เอียงมาทางโลกครานี้ รับศึกหนักกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมาขอรับ สับสน วุ่นวาย เป็นทุกข์เหมือนอย่างที่เคยเหมือนเช่นเคย เจอพิษโลกเข้าไปธรรมสัญญาทั้งหลายกระเด็นกระดอนเหมือนที่เคยเป็นอีกนั่นหล่ะครับท่าน กว่าจะกู่กลับได้ครานี้ก็ใช้เวลานานเอาการเลยหล่ะครับท่าน ครานี้ทำให้เห็นความเป็นจริงของ "จิต" มากขึ้นว่า ไม่ธรรมดาจริง ๆ บทจะดื้อไม่มีใครเอาเขาอยู่ได้ ซนเหมือนเด็ก วิ่งไปโน้น วิ่งมานี่ ร้อน รน เสียเหลือเกิน บทจะสงบก็สงบเอง บทจะตื่นขึ้นมาดื้อ ก็ดื้อเอาจนเราเหนื่อย ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว จึงขอสรุปแนวทางปฏิบัติช่วงที่ผ่านมา เท่าที่สติปัญญาจะพอเรียนรู้ได้เอาไว้เตือนตนดังต่อไปนี้ขอรับ

  1. ตามดูกายตามดูใจ เปิดเผยตนเองให้ตนเองรับรู้มากขึ้น ๆ ทั้งนี้ต้องมี เมตตา กรุณา ต่อตนเองหรือต่อกายและใจของเราด้วย ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เรา โอบอุ้ม ดูแล ให้ความรัก ให้อภัย และแก้ไขเขาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่อยเป็นค่อยไป
  2. การผ่อนพักตระหนักรู้ หรือ การไม่รีบร้อน และ การ Scan body จะช่วยได้มากในการเปลี่ยนถ่ายทุกข์(บททดสอบทางโลก) มาสู่ธรรม ทั้งนี้ต้องไม่รีบร้อน
  3. ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ
คำสำคัญ (Tags): #ภาวนา
หมายเลขบันทึก: 329404เขียนเมื่อ 20 มกราคม 2010 09:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 16:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

    เข้ามา ลปรร  ประสบการณ์ครับ

    ตอนนี้  ผมฝึก  "มองความคิดของตัวเอง"  อยู่ครับ

   ฝึกด้วยการ  "ช้าๆได้พร้าเล่มงาม"  ประมาณนั้น

    เมื่อก่อน  ผม "คิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว"

    ผลที่ออกมา มีหลายคนที่ต้องเดือดร้อนด้วยกาย วาจา ใจ  จากการ "เร็ว" ของผม

     ตอนนี้  เมื่อผมคิดด้วย"ความคิดแรก" แล้ว  จะพยายามมี "ความคิดที่สอง "มาตรวจสอบความคิดแรก อีกทีครับ

    การไม่รีบร้อน  ทั้งนี้ไม่รีบร้อน  ช่วยได้มากครับ  (ถ้าตามความคิดแรกทัน)

    ปัญหาอยู่ที่ว่า ตามความคิดแรกไม่ค่อยทันครับ  เพราะความคิดที่สองมัวแต่งุ่มง่ามอยู่

                 ขอบคุณครับ

 

เรียน ท่านรองฯ

  • ขอบพระคุณที่กรุณานำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขอรับ

 

เมื่อผมคิดด้วย"ความคิดแรก" แล้ว  จะพยายามมี "ความคิดที่สอง "มาตรวจสอบความคิดแรก

  • แสดงว่า ท่านเห็นความคิดแล้ว ยินดีด้วยครับ

 

 ปัญหาอยู่ที่ว่า ตามความคิดแรกไม่ค่อยทันครับ  เพราะความคิดที่สองมัวแต่งุ่มง่ามอยู่

  •  เท่าที่อ่านมา บางทีทฤษฏีตัว U อาจช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะขอรับ กล่าวคือ รับอะไรเข้ามาก็เชิญเข้าห้องรับแขกใจ แขวนไว้ก่อน  แล้วค่อย ๆ ดูจิต ดูใจ มีสติอยู่กับปัจจุบัน ทำสมาธิ สร้างปัญญา แล้วค่อยพิจารณา ถ้าสมาธิเกิดช้า หรือไม่เกิด ก็แขวนไว้ก่อนก็ได้นะขอรับ

 

 

 

 

 

 

หลวงปู่ดุลย์ท่านสอนเกี่ยวกับ "อริยสัจจ์ 4" ไว้ประมาณว่า ...

จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากการส่งจิตออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ

 

  • ผมเข้าใจว่า ในการฝึกตนของเรา คือ การ "ดูจิต"
  • ถ้าเราเผลอลืมไม่ดู "จิต" ของตน ไปส่งจิตออกนอก เราก็จะเป็นทุกข์
  • เพราะการส่งจิตออกนอกเป็นเหตุแห่งทุกข์ หรือ สมุทัย
  • ตอนที่ผมเห็นโศลกนี้ครั้งแรก ก็ดูธรรมดา ๆ เพราะ เห็นแต่ไม่เห็น คือ ผมไม่เข้าใจ (เข้าไม่ถึง)
  • วันเวลาผ่านไป... กลับมาพิจารณาครั้งใหม่ ก็พอเริ่มเข้าใจ แต่ก็เกิดคำถามตามมามากมาย
  • เวลาต่อมา ได้ลองฝึกปฏิบัติ ถึงได้เข้าใจขึ้นมาบ้าง
  • เวลาต่อมา ฝึกมาก ๆ บ่อย ๆ เข้า ถึงได้เห็นพลานุภาพชัดขึ้น ๆ 
  • ต้องลองพิจารณาด้วยใจอย่างใคร่ครวญดูนะครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท