Shift from error avoidance to error detection and correction
จงเปลี่ยนจากการหลีกเลี่ยงความผิดพลาด
ไปสู่การค้นหาความผิดพลาดและแก้ไข
เราเรียนคณิตศาสตร์เราก็เริ่มจากง่าย ๆ ให้นับเลขให้เป็นก่อน แล้วก็เรียน บวก ลบ คูณ หาร ยากขึ้นไปตามลำดับ กระผมเข้าใจว่า การภาวนาเดินบนทางธรรมก็คงไม่ต่างกันนัก โจทย์ธรรม (ทุกข์) ก็ต้องยากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกำลังธรรมประมาณนั้นหรือปล่าวขอรับ ? ตอนแก้โจทย์ใหม่ ๆ อาจจะยากเหลือเกิน แต่พอแก้โจทย์ได้แล้ว สอบผ่านแล้ว มันก็ไม่ทุกข์อีกแล้วทำนองนั้นหรือปล่าวน้อ
เอียงมาทางโลกครานี้ รับศึกหนักกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมาขอรับ สับสน วุ่นวาย เป็นทุกข์เหมือนอย่างที่เคยเหมือนเช่นเคย เจอพิษโลกเข้าไปธรรมสัญญาทั้งหลายกระเด็นกระดอนเหมือนที่เคยเป็นอีกนั่นหล่ะครับท่าน กว่าจะกู่กลับได้ครานี้ก็ใช้เวลานานเอาการเลยหล่ะครับท่าน ครานี้ทำให้เห็นความเป็นจริงของ "จิต" มากขึ้นว่า ไม่ธรรมดาจริง ๆ บทจะดื้อไม่มีใครเอาเขาอยู่ได้ ซนเหมือนเด็ก วิ่งไปโน้น วิ่งมานี่ ร้อน รน เสียเหลือเกิน บทจะสงบก็สงบเอง บทจะตื่นขึ้นมาดื้อ ก็ดื้อเอาจนเราเหนื่อย ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว จึงขอสรุปแนวทางปฏิบัติช่วงที่ผ่านมา เท่าที่สติปัญญาจะพอเรียนรู้ได้เอาไว้เตือนตนดังต่อไปนี้ขอรับ
เข้ามา ลปรร ประสบการณ์ครับ
ตอนนี้ ผมฝึก "มองความคิดของตัวเอง" อยู่ครับ
ฝึกด้วยการ "ช้าๆได้พร้าเล่มงาม" ประมาณนั้น
เมื่อก่อน ผม "คิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว"
ผลที่ออกมา มีหลายคนที่ต้องเดือดร้อนด้วยกาย วาจา ใจ จากการ "เร็ว" ของผม
ตอนนี้ เมื่อผมคิดด้วย"ความคิดแรก" แล้ว จะพยายามมี "ความคิดที่สอง "มาตรวจสอบความคิดแรก อีกทีครับ
การไม่รีบร้อน ทั้งนี้ไม่รีบร้อน ช่วยได้มากครับ (ถ้าตามความคิดแรกทัน)
ปัญหาอยู่ที่ว่า ตามความคิดแรกไม่ค่อยทันครับ เพราะความคิดที่สองมัวแต่งุ่มง่ามอยู่
ขอบคุณครับ
เรียน ท่านรองฯ
เมื่อผมคิดด้วย"ความคิดแรก" แล้ว จะพยายามมี "ความคิดที่สอง "มาตรวจสอบความคิดแรก
ปัญหาอยู่ที่ว่า ตามความคิดแรกไม่ค่อยทันครับ เพราะความคิดที่สองมัวแต่งุ่มง่ามอยู่
หลวงปู่ดุลย์ท่านสอนเกี่ยวกับ "อริยสัจจ์ 4" ไว้ประมาณว่า ...
จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากการส่งจิตออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ