หนีตามกาลิเลโอ ความฝัน และการขอแบบ Build up for Goal


Appreciative Inquiry : การขอแบบ Build up for Goal

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมตื่นเร็วกว่าปกติ (แต่ไม่ได้โดนใครโทรปลุกนะ)

อากาศยามเช้าก็สดชื่นดีเหมือนกันนะครับ ไม่ได้สัมผัสมาซะนาน

ตื่นมาล้างหน้าแปลงฟัน... พอเสร็จก็ออกมาเช็คความเคลื่อนไหวใน GTK

และก็เปิดทีวีดูครับ... เปลี่ยนช่องไปเปลี่ยนช่องมาจนไปเจอช่องหนึ่ง

กำลังจะฉายหนังเรื่องใหม่... เป็นหนังไทยที่ผมยังไม่ได้ดู และก็อยากดูมานานแล้ว

หนังเรื่องนี้ชื่อ "หนีตามกาลิเลโอ" ครับ ^^



เรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาว 2 คน ( เชอร์รี่ นำแสดงโดยต่าย-ชุติมา และนุ่น นำแสดงโดยเต้ย-จรินทร์พร )

ที่ผิดหวังในชีวิต อยากจะหนีไปให้พ้นจากสภาพเดิมๆ คนหนึ่งหนีเรียน-คนหนึ่งหนีรัก

เธอ 2 คนจึงตัดสินใจไปย่ำโลกเล่น แผนคือเสิร์ฟไป เที่ยวไป–ลอนดอน ปารีส เวนิส

ทริปสุดขั้วเริ่มต้นขึ้นบนคำสัญญาว่า "จะไม่ทิ้งกัน"

เรื่องราวดำเนินไปด้วยมิตรภาพของคนสองคน ที่สื่อออกมาให้เห็นได้ชัดถึงความรักความห่วงใยที่ทั้งสองมีให้กัน



เมื่อผมดูหนังเรื่องนี้จบ ผมประทับใจตัวละครตัวหนึ่งมาก นั้นก็คือ"เชอร์รี่"ครับ

เชอร์รี่เป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  เป็นคนที่เรียนเก่ง เคยประกวดผลงานได้รับรางวัลมาแล้ว

แต่ถูกตัดสิทธิ์สอบและสั่งพักการเรียนเป็นเวลา 1 ปี ด้วยความผิดที่เจ้าตัวเห็นว่าเล็กน้อย

นั่นคือ "การปลอมลายเซ็นต์อาจารย์ในใบขออนุญาตใช้ห้องเขียนแบบ" ด้วยความผิดหวังนี้ ทำให้เธอตัดสินใจ "หนีตามกาลิเลโอ"

ไปกับเพื่อนรักของเธอ ในระหว่างการเดินทางเชอร์รี่ได้ทำงานหลายอย่างทั้งเด็กเสิร์ฟ แม่ครัวในร้านอาหาร

จนวันหนึ่งเธอได้มีโอกาสไปเจอกับตั้ม ซึ่งกำลังจะจัดนิทรรศกาลทางศิลปะพอดี

ตั้มจึงชวนให้เชอร์รี่วาดภาพ/เขียนแบบมาร่วมงานด้วย เชอร์รี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบไปว่า "ขอคิดดูก่อน"



ด้วยความบังเอิญในระหว่างที่เชอร์รี่ และนุ่นกำลังรำอวยพรอยู่ในร้านอาหารไทยนั้น เชอร์รี่ก็ได้เจอเพื่อนร่วมรุ่นสถาปัตฯ

เพื่อนของเชอร์รี่ก็ได้เล่าให้เชอร์รี่ฟังถึงเพื่อนๆของเธอว่า แต่ละคนได้งานทำตามความฝัน ในตำแหน่งสถาปนิก

จังหวะนั้นหนังสื่อออกมาให้เห็นชัดเจนว่า เชอร์รี่รู้สึกประมาณว่า "เรามาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา"

เธอจึงตัดสินใจวาดภาพ/เขียนแบบตึกในความคิดของเธอ โดยใช้แรงบันดาลใจจากหอเอนเมืองปีซ่า เพื่อไปแสดงในงานนิทรรศการ

และด้วยการต้ดสินใจครั้งนี้เอง คือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอ... งานของเธอได้รับความสนใจจากเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งในอิตาลี่

โดยเขาสนใจที่จะจ้างเธอไปเป็นสถาปนิกที่เมืองมิลาน เชอร์รี่ดีใจมาก แต่ก็ได้ถามเจ้าของบริษัทไปว่า "หนูเรียนไม่จบนะ

ไม่มีปริญญา จะจ้างหนูจริงเหรอค่ะ" เจ้าของบริษัทตอบ "ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็เธอมีฝีมือหนิ"



ตัดมาที่จุดนี้ครับ... หนังเรื่องนี้ให้อะไรกับเราบ้าง และมันเกี่ยวกับการขอยังไง ??? มาดูกันครับ

การขอในเคสนี้คือ "การขอแบบ Build up for Goal"

จุดเปลี่ยนสำคัญของเชอร์รี่ คือเธออยากทำตามความฝันของตัวเอง นั้นคือการได้ทำงานเป็นสถาปนิก (Target)

สถาปนิกต้องวาดภาพ/เขียนแบบ แต่สิ่งที่เธอทำอยู่นั้นมันไม่ใช่ (Mission) เธอจึงตัดสินใจวาดภาพ/เขียนแบบ

เข้าไปร่วมงานนิทรรศการศิลปะ โดยใช้แรงบันดาลใจจากหอเอนเมืองปีซ่า (Build up)จนผลงานได้รับ

ความสนใจจากเจ้าของบริษัทในอิตาลี่ และเขาก็ตัดสินใจจ้างเธอเป็นสถาปนิกในที่สุด (Goal Complete)

โดยไม่คำนึงว่าเธอจะมีใบปริญญาหรือไม่ เพราะเขาเห็นว่าฝีมือสำคัญกว่ากระดาษแค่ใบเดียว



เป็นยังไงกันบ้างครับ... กับ "การขอแบบ Build up for Goal" การขอนี้เหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการ

สร้างโอกาสให้กับตัวเอง... เราต้องตั้งเป้าหมาย รู้ถึงสิ่งที่ต้องทำ/หาจุดอ่อน และทำมันให้ดีที่สุดครับ

3 สิ่งนี้จะเป็นตัวสร้างโอกาสให้เราได้รับสิ่งที่เราขอ/ต้องการ ลองนำมาปรับใช้กันดูครับ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆท่าน

 

ขอแค่อย่ายอมแพ้ครับ และท่านจะมีโอกาส เหมือนกับเชอร์รี่ในหนังเรื่องนี้ไงครับ

แล้วคุณละคิดยังไง ^^

หมายเลขบันทึก: 329316เขียนเมื่อ 19 มกราคม 2010 22:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

การขอแบบ Build up for Goal

  ผมมีตัวอย่างของผมเอง เป็นความสำเร็จเล็กๆ มาเล่าแลกเปลี่ยนครับ

  ตอนผมเป็นผู้บริหารโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่ง  ผมว่างานมันเล็กไปสำหรับผมครับ  ผมตั้งเป้าหมายไว้ในใจว่าผมต้องการทำงานแก้ปัญหาเด็กในระดับจังหวัด ค่อยเป็นงานที่น่าท้าทายและเหมาะสมหน่อย

     เมื่อคิดดังนั้น  ผมอยู่โรงเรียน  แม้จะเป็นโรงเรียนเล็ก ผมจึงตั้งใจทำงานด้านเด็กให้ออกมาดีที่สุดครับ  รวมทั้งไปเป็นคณะทำงานด้านเด็กตามที่มีคนมาชวนไป

    แล้ววันหนึ่ง  เมื่อได้ขึ้นมาทำงานระดับจังหวัด  ทางผู้บังคับบัญชา  ก็มอบหมายให้ผมรับผิดชอบงานที่เกี่ยวกับเด็กครับ  เพราะเห็นฝีไม้ลายมือผมตอนเป็นผู้บริหารโรงเรียน

    เป็นความสำเร็จเล็กๆเท่านั้นเองครับ แต่เห็นว่าน่าจะพอกล้อมแกล้มเข้ากันได้กับ 

การขอแบบ Build up for Goal

         ขอบคุณสาระการขอที่เป็นประโยชน์ครับ

ขอบคุณอาจารย์ Small Man ครับ

ไม่ใช้ความสำเร็จเล็กๆนะครับอาจารย์

ผมกลับมองว่าสิ่งที่อาจารย์ทำคือการเริ่มต้นของสิ่งดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นในสังคมครับ

ปัญหาเด็กจะหมดไปถ้ามีคนที่เข้าใจ และห่วงใยเด็กๆอย่างอาจารย์ครับ

เป็นกำลังใจให้ครับอาจารย์ และก็ขอบคุณมากครับ ที่แชร์ประสบการดีๆให้ ^^

ผมชอบตอนที่เค้าเถียงกันฉากตกปลาครับ

ฉากนั้นเป็นอะไรที่ Classic ครับพี่เทพดรุณ

สอนให้คนมองการกระจากมุมอื่น นอกจากผลท่จะได้จากการประทำ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะมองกัน

เหมือนกับ AI ของเราละครับ ไม่ได้มองเหตุการณ์ที่ปัญหาเหมือนศาตร์อื่นๆ

แต่เรามองจุดสุดยอด ที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในทางที่ดี ซึ่งนำมาเพื่อแก้ปัญหาครับ

ขอบคุณสำหรับความเห็นครับพี่ ^^

ไม่มีใบปริญญา แต่รู้ในสิ่งที่ตัวอง แล้วก็ได้โอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ

หนังเรื่องนี้ทำให้นึกถึงว่าคนเราก็มีความถนัดและความเก่ง ค้นหามันเจอ

แล้วได้ทำก็จะประสบความสำเร็จ

  "เขาก็ตัดสินใจจ้างเธอเป็นสถาปนิกในที่สุด (Goal Complete)  โดยไม่คำนึงว่าเธอจะมีใบปริญญาหรือไม่ เพราะเขาเห็นว่าฝีมือสำคัญกว่ากระดาษแค่ใบเดียว"

    เคยดูเรื่องนี้มาแล้ว   ตอนดูยังไม่ได้มุมมองภาพสะท้อนที่ชัดเจน อย่างที่อ่านในวันนี้

ขอบคุณสำหรับคมคิดที่สะท้อนออกมาค่ะ

 

สวัสดีครับท่านเอิร์ท

เมื่อคืนท่านมาดึก ผมเข้านอนไว คิดว่าจะนอนไม่หลับเสียแล้ว

เช้านี้ตื่นแต่เช้ามาทำภาระกิจที่ค้างเสร็จเลยได้เข้ามาอ่านไม่ผิดหวังครับ

อยากรู้ คิดได้ไง ดูหนัง ฟังเพื่อนเล่า ไปซื้อของ ปรับมาใช้ เป็นรูปแบบการขอได้หมด

อย่างนี้เรียกว่า ดีประล่ำประเหลือ แล้วหละท่าน

แต่แถวบ้านเรียก "เพราะสวยฟ้าจึงประทาน" อิ.อิ.

(หรือจะเถียงว่า เชอร์รี่ ไม่สวย เดี๋ยวแช่งให้ใช้คำนำหน้าเป็นนางสาวเสียเลย)

มาทักทายคุณเอิร์ท ก่อนอาหารเที่ยงค่ะ

พอเพียงไม่ยอมแพ้....เวลา และ โอกาส ต้องหาให้เจอ ใช่ป่าวคะ...

อิ่มอร่อยกับมื้อเที่ยงค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาครับ

@คุณberger0123 >>> ประมาณนั้นครับ... แต่ที่สำคัญกว่าความถนัดและความเก่งคือ โอกาส ครับ เพราะต่อให้เราเก่งเพียงใด มีฝีมือมากเทพขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีโอกาสที่จะได้แสดงให้คนอื่นๆเห็น การที่จะประสบความสำเร็จก็ยากครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆครับ ^^

@คุณภาทิพ >>> ขอบคุณมากครับ... หนังเรื่องนี้มองได้หลายมุมมากครับ แต่ถ้าเรื่องการขอมุมนี้ชัดเจนสุดๆครับ ^^

@ท่านชาวฝนแปดแดดสี่ >>> ขอโทษจริงๆครับท่าน พอดีเข้ามาห้องดึกไปนิดส์เลยอัพช้า ท่านไปนอนซะละ ดีนะที่ยังนอนหลับ 555+ ถามว่าทำไมถึงเอาทุกอย่างมาเกี่ยวกับการขอได้ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนะตอนแรก แต่พอได้มาสัมผัสกับเรื่องนี้ และด้วยคำแนะนำดีๆจากอาจารย์ โย ทำให้ผมกลายเป็นคนที่มองอะไรแล้วปรับเป็นเรื่องของการขอซะงั้นเลยครับ ขอบคุณท่านที่ติดตามผลงาน และก็คอมเม้นให้กำลังใจแบบนี้นะครับ ปล.เชอร์รี่สวยจริงครับ แต่ผมชอบนุ่นมากกว่า ^^

@คุณชาดา ~natadee >>> ครับ... แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ความพร้อมของตัวเราเองครับ บางทีโอกาสมาแล้ว เวลาได้ แต่ตัวเองดันไม่มีอะไรที่จะไปแลกในสิ่งที่ต้องการ การขอก็ไม่สำเร็จอย่างนอนนอนครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆครับ ท่านข้าวเที่ยง แซบๆ เช่นกันครับ ^^

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะครับ

สามารถคอมเม้น ติ ชม แนะนำ เสนอความคิด แชร์ประสบการณ์ได้เต็มที่เลยนะครับ

ถือซะว่า Blog นี้เป็นบ้านของท่าน ผมชอบจริงๆครับ บรรยากาศที่อบอุ่นในการคอมเม้นแบบนี้

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ ^^

ดูแล้วครับเรื่องนี้...ชอบครับ

พูดถึงความผูกพันระหว่างเพื่อน..ต่างคนต่างมีนิสัยที่แตกต่าง

ชอบฉากตอนตกปลาครับ

ชวงนี้มีหลายเรื่องเลยยังไม่ได้ดู..

ต้องจดๆๆ ไว้ ไปหามาดูบ้างค่ะ

จะได้มาลปรร ได้

*^__^*

สวัสดีค่ะ

ตามมาบอกว่า ไม่ได้ถามน้องว่าหมายถึงอะไรหรอกค่ะ เราพเข้าใจสภาพจิตใจของน้องเค้าค่ะ

ตอนนี้เข้าใจตามที่คุณ ชยพร บอกค่ะ ก็เลยหมดความสงสัย และเข้าน้องเค้ามากขึ้นค่ะ

ไม่มีเฉลยค่ะ มันคงเกี่ยวโยงถึงเรื่องอดีตชาติ ที่คนเรามีความเกี่ยวพันบางสิ่งมากเป็นพิเศษ มันโยงมาถึงปัจจุบันที่ทำให้จิตผูกพันค่ะ

ก็อาจจะทำให้น้องเข้ามีความทรงจำเกี่ยวกับภาพน้ำพุของเค้าเพียงคนเดียวค่ะ

ใช่ค่ะ โอกาส ก็เป็นเรื่องสำคัญค่ะ ที่อีกคนจะหยิบยื่นมาให้เรา

แต่ก็อย่ารอให้โอกาส... มาหาเราค่ะ เราก็ควรเข้าหาโอกาสด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆค่ะ หลายคนหาเป้าหมายในชีวิตตัวเองไม่เจอ ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย

แต่ถ้าวันนึงพบว่าตัวเองต้องการอะไรแล้ว ลองทำตามใจดูนะคะ

ขอบคุณมากเลยนะคะ

เรื่องนี้ไม่ใช่แต่ใกล้เคียงมากเลยค่ะ

ปรับใช้ได้ ^=^'

ดีจ้า จู่ๆ ได้แรงบันดาลใจ

เขียนอีกเรื่องนึง

หากไม่ได้อ่านเรื่องนี้ล่ะก็ เสียดายแย่

คอยชมนะ บล็อกประจำวันศุกร์ 22 ม.ค.

(บล็อกนี้ไม่เกี่ยวกับการแก้แค้นจ้า อย่าเข้าใจผิด)

อิ อิ

j

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท