คมชัดลึก :ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงการประเมินครูเพื่อเลื่อนวิทยฐานะว่า เกณฑ์ใหม่ประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 เน้นให้ครูที่จะเลื่อนวิทยฐานะ เป็นคนดี มีคุณธรรม
มีความสามารถและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ จึงวัดที่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กร้อยละ 60 อีกร้อยละ 40 วัดจากเอกสารวิชาการที่เน้นวิจัยในห้องเรียน โดยครูนำปัญหาของเด็กในชั้นเรียนเป็นตัวตั้ง แล้วไปคิดค้นหาวิธีการ เทคนิคใหม่ๆ ในการสอน ทำให้ผลสัมฤทธิ์ของเด็กสูงขึ้น โดยให้บันทึกข้อมูล วิเคราะห์ผลที่ได้รับให้เห็นเป็นรูปธรรม
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า ประสานสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) จัดทำคู่มือเกณฑ์นี้เพื่อชี้แจงแนวปฏิบัติให้แก่ข้าราชการครูและจัดอบรม อีกทั้งจัดทำคู่มือที่เป็นเกณฑ์ให้คณะกรรมการประเมินผลงานทางวิชาการได้รับทราบถึงแนวทางให้คะแนนผลงานครูตามเกณฑ์ใหม่ เพื่อให้อยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน
“ขอฝากข้าราชการครูทุกคน ขอให้ข้อมูลที่เสนอเลื่อนวิทยฐานะเป็นข้อมูลที่ไม่มีการปรุงแต่ง เป็นเนื้อแท้ที่มาจากการทำงานจริง เพราะเมื่อมีเกณฑ์ใหม่ บางคนไปหาจุดเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง เช่น เกณฑ์ใหม่ดูจากข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กจะต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-5 อาจจะมีการไปทำข้อมูลพื้นฐานไว้ล่วงหน้า เมื่อประเมินจะพบว่านักเรียนมีคะแนนสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ตรวจสอบได้ เช่น สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ไปประเมิน หรือคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ออกมาจะฟ้องว่าข้อมูลที่ยื่นมาจริงหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามนั้น ผลงานจะไม่เป็นที่ยอมรับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงโครงการทีชเชอร์ แชนแนลว่า กระทรวงศึกษาธิการเตรียมงบไว้แล้ว 1,100 ล้านบาทใน 3 ปี ซึ่งทีชเชอร์ แชนแนลไม่ได้เปิดช่องโทรทัศน์สำหรับครูโดยเฉพาะ เพราะกระทรวงไม่มีกำลังพอจะทำรายการป้อนตลอดเวลาได้ ส่วนผู้ผลิตรายการนั้นกระทรวงเตรียมลงนามร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ม.บูรพา และ ม.มหิดล ส่วนช่องออกอากาศนั้นได้รับคำตอบรับแล้ว 3 ช่อง คือ ทีพีบีเอส, เนชั่น และยูบีซี รวมทั้งออกอากาศผ่านเครือข่ายยูนิเน็ต หรือไอพีทีวาย
วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2553
สวัสดีค่ะ