ข้าวของพ่อหลวง ข้าวในดวงใจของเรา


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีวถีชีวิตที่เรียบง่ายที่สุด มีคนเคยถามพระองค์ท่านว่าทรงโปรดเสวยอะไร พระองค์ท่านบอกคำเดียวว่า "ข้าว"

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงมีพระดำรัส   พระราชทานแก่สื่อมวลชน ณ โครงการพัฒนาส่วนพระองค์  จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน  พ.ศ.2541  ว่า "ข้าวที่ออกสีลักษณะนี้เป็นข้าวที่มีประโยชน์  อย่างข้าวกล้อง  คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกัน  เพราะเห็นว่าเป็นข้าวของคนจน  ข้าวกล้องมีประโยชน์ทำให้ร่างกายแข็งแรง   ข้าวขาวเม็ดสวย  แต่เขาเอาของดีไปหมดแล้ว  มีคนบอกว่า  คนจนกินข้าวกล้อง  เรากินข้าวกล้องทุกวัน  เรานี่ก็คนจน"

คำสำคัญ (Tags): #ข้าวของพ่อ
หมายเลขบันทึก: 328663เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2010 08:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (70)

                            

ข้าวของพ่อ  เป็นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้เรามากในการกลับมามองตัวเอง  จึงเป็นจุดเริ่มให้เราสนใจข้าว  เรื่องราวของข้าว  รวมถึงข้าวกล้อง

 

                    

ข้าวในแปลงนา  เผื่อจะผ่านกาลเวลา  ความยากลำบากของชาวนา  วันนี้ขอบคุณจริงๆที่มีข้าวกิน 

 

                

บ้านที่แสนเรียบง่าย  ไม่ต้องสร้างหนี้   ไม่ต้องตกเป็นทาสธนาคาร  ถ้าเพียงเรารู้จักพอเพียง  "นกน้อยทำรังแต่พอตัว"  ชีวิตเราสั้นนักเมื่อเทียบกับประวัติของโลกและจักรวาล  ถึงจะอยากมี  อยากได้  แต่ในความอยากนั้นได้ก่อความทุกข์ยากให้เพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆอีกมาก  มีเงิน 70,000 ล้าน  แล้วก็เอาไปใช้ไม่ได้   มีทำไม    

                    

เจ้าของบ้านหลังนี้   วันๆที่ผ่านขอแค่ให้มีข้าวกิน ....  ไม่เคยมีสิทธิ์แม้จะฝันถึงอาหารเหลา ที่นักการเมือง  กินบ้านกินเมืองหลายคน  กินทิ้งกินขว้าง...

           

ตุลาคม 50 ไฟไหม้บ้าน      น้องจูน  น้องเจมส์ โดนไฟลวก  ต้องนอนรักษาใน ICU นับเดือน

..........................เคราะห์กรรมกระหน่ำชัดครอบครัวนี้.....................................

น้องจูน  น้องเจมส์  สมองพิการชนิดเป็นภายหลังกำเนิด   พ่อ-แม่  ทุ่มเทสุดชีวิตจนยื้อชีวิตลูกทั้งสองกลับมาได้  หมดค่ารักษามากมาย  จนข้าวจะกินไม่มี!!!

คนที่กินข้าว   เหลือ...   ทิ้ง!     โปรดคิดถึงน้องจูน  น้องเจมส์ด้วย   วันนี้ยังไม่มีข้าวกิน..............

อ.บ.ต. หรือ อ.บ.จ. หรือหน่วยงานทางราชการได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือบ้างหรือเปล่าครับ

               

ยังมีผู้ที่ทุกข์ทน  ทุกข์ยากอีกมาก

...... แม่แก่ๆ   ที่ดูแลลูกที่เป็นโรคจิต  ควบคุมตัวเองไม่ได้  ลูกที่มีแขนขา  แต่เสมือนไม่มี    วันนี้... แม่ยังต้องหาข้าวให้ลูกกิน....

...... แม่ ที่ทุ่มเททั้งชีวิต ฟูมฟัก ลูก CP ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย  ความเจ็บปวดของแม่  ที่เฝ้ามองดูชีวิตลูก  ค่อยๆตายจากไปอย่างช้าๆ  วันนี้ ... แม่กินข้าวไม่ลง"

...... พ่อ  ที่รู้ตัวว่ากำลังจะจากไปด้วยโรคร้าย    ในสายตาของพ่อ   พรุ่งนี้..ลูกจะมีข้าวกินไหม?...

 

สำหรับน้องจูน น้องเจมส์ อบต.เข้ามา เห็นใจ ... แต่ งบประมาณไม่มี ยังไม่เข้าข้อบัญญัติ

คงหวังอะไรไม่ได้มากจากเขา

                 

แม้เราเป็นชาวบ้าน  เราก็เป็นไทได้   พ่อหลวงของเราท่านพัฒนาเรื่องข้าวมากตลอดชีวิต

      พ่อเล็ก  กุดวงศ์แก้ว  ได้มาร่วมถ่ายทอดตำนานชีวิต   ที่พ่อเล็กสู้เพื่อข้าว เพื่อปากท้อง  ความอยู่รอดของครบครัว  ความอยู่รอดของเครือข่ายอินแปง    ที่สำคัญชีวิตที่อิสระ   ลิ้มรสความเป็นไท   ไม่ว่าจะทุกข์ยากแค่ไหน  เมื่อขยันหมั่นเพียร  หมั่นเรียนรู้  พ่อเล็กบอก "เราจะหลุดพ้นจากความบีบคั้นได้   เราจะปลดเปลื้องความเป็นทาสสู่ความเป็นไทได้  ด้วยสมองและสองกับใจที่มุ่งมั่นไม่หยุด ไม่ท้อถอยของเรา"...

              

พระครูวิชัยสารคุณ  หรือพระอาจารย์หนุนของเรา  ท่านอยู่ที่วัดป่าพุทธโมกข์ บ้านนาเดื่อ  อำเภอโพนนาแก้ว  พระเดชพระคุณของท่านทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัว ได้มีอยู่ มีกิน

                      

จากเม็ดข้าวในรวง  ถ้านำมาสีเป็นข้าวกล้อง  ผ่านกระบวนการจัดการ มูลค่าของข้าวจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เท่าตัว

         นี่เป็นตัวอย่างข้าวกล้องที่สีด้วยเครื่องสีข้าวไม้ไผ่  และนำมาจัดการจนได้มูลค่าเพิ่ม

นอกจากข้าว  เรายังต้องหาวิธีพึ่งตัวเองอีก  ที่ทำขึ้นคือ สวนผักพึ่งได้

         

          

                                         สวนผักพวกเราทำเอง

จาก "ข้าวของพ่อหลวง " เพื่อความอยู่รอดเราจัดทำโครงการข้าวกล้องปลอดสารพิษ ปี 2552 ขึ้น

                 

                                             วัตถุประสงค์ของโครงการ

               

สถานะสุขภาพของผู้เข้าอบรม

                   สถานะสุขภาพของผู้เข้าอบรม ประเมินจาก BMI

                           สถานะสุขภาพของผู้เข้าอบรมจาก WHR

        ความรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อคุณยายสุวรรณสามารถตรวจ FBS ให้ตนเองและเพื่อนได้ คงยากเกินบรรยาย

ความสนุกสนานจากการฝึกวัดความดันโลหิต  ยังตราตรึงใจไม่เลือนหาย

กิจกรรมหลักของโครงการ

ผู้ใหญ่พาดี  นาพรม   และ สอบต.ลงดา  นำประกอบพิธีไหว้ครู

ขั้นที่ 1

เตรียมเหลาตอกไม่ไผ่สำหรับสานตัวหุ่นเครื่องสีข้าว

ขั้นตอนนี้  ขอแรงจากผู้เฒ่า ผู้แก่  ผู้ป่วยเรื้อรังมาช่วยทำ  ผลงานออกมาดีมากๆเลย

ทำฐานของเครื่องสีข้าวกล้อง ตัวล่างและตัวบน  ในภาพเป็นฝีมือของลุงสมและลุงณัฐ

สำหรับคนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย  ให้ตำดินจอมปลวกให้ละเอียด  แล้วนำมาร่อนจนได้ผงดินที่ละเอียดมากๆ

การสร้างขึ้นรูปเครื่องสีข้าว  เรียกว่าการสานขึ้นหุ่น  ควรให้ผู้เคยจักสานประจำเป็นคนทำ   ฝีมือจึงจะละเอียด

เมื่อได้หุ่นทั้งตัวบนและตัวล่างแล้ว ผสมดินกับน้ำอัดเข้าไป รอให้ดินหมาด  เริ่มใช้ไม้แสมสาร( สะ - แหม - สาน ) เรียงเป็นฟันเครื่องสี 8 ชุดๆละ 8 - 9 แผ่น  โรยด้วยดินที่พรมด้วยน้ำเกลือ  เป็นชั้นบางๆ ( ความหนาแต่ละชั้นไม่ควรเกินความหนาของกระดาษ) แล้วใช้แผ่นไม้ตอกอัดดินให้แน่น  จนเต็มตัวหุ่น   ฝาบนและฝาล่างใช้เวลาเรียงประมาณ 5 - 7 วัน  จึงเสร็จ 

การตอกอัดดินหิน  เพื่อจัดเรียงฟันเครื่องสี  ควรใจเย็นๆ  ขั้นตอนนี้เข้าสมาธิได้ง่าย และฝึกความเพียรได้เป็นอย่างดี

เมื่ออัดดินหินจนเต็ม  ใช้ตะไบแต่งร่องให้เป็นทางไหลลงของเม็ดข้าวที่จะสี

เตรียมมูลกระบือ  โดยใช้มูลกระบือที่ถ่ายใหม่ๆสดๆ  ผสมกับน้ำเกลือ  นวดให้เข้ากันจนเหนียว   นำมาพอกโอบเครื่องสีข้าวทั้ง 2 ฝาบางๆ  ทิ้งไว้ให้แห้ง 14 วัน  จึงจะสามารถนำเครื่องสีข้าวมาใช้งานได้

          เครื่องสีข้าวที่ยังไม่โอบมูลกระบือ           เครื่องที่โอบมูลกระบือแล้ว 14 วัน พร้อมใช้งาน

     การทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องสีข้าวกล้อง  เราใช้เข้าเปลือกชนิดเดียวกัน จากยุ้งเดียวกัน ให้สีเครื่องละ 1 ถัง  หลังจากนั้นนำมากระทายแยก แกลบ ข้าวเต็มเม็ด  ข้าวหัก   จมูกข้าว  ข้าวไก่ แล้วนำมาตวงปริมาตรเปรียบเทียบกัน

ร่วมแรงแข็งขัน  สนุกสนาน จนหลวงพี่อดใจไม่ไหว  เข้ามาร่วมแจมด้วย

           ผลการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องสี ที่ประจักษ์แก่สายตา

เป็นการทดสอบ  การศึกษาวิจัยฉบับชาวบ้าน  วันนี้เราได้องค์ความรู้ใหม่ไปพัฒนาเครื่องสีข้าวกล้องของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ความรู้ที่เราได้จากการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องสี  ได้นำมาถกกันอีกรอบ  เปรียบเทียบแล้ว  เปรียบเทียบอีกจนตกผลึก

ก่อนนำเครื่องสีข้าวกล้องที่เราผลิตได้  ไปใช้งานตามคุ้มต่างๆ  เราได้เรียนรู้วิธีการใช้และซ่อมบำรุงเครื่องสีอย่างถูกต้อง  โดยครู ติ้ง  จากทีมบ้านแป้น

การแก้ไขกรณีเครื่องสีไม่กระเทาะเม็ดข้าว   สีข้าวแล้วเม็ดข้าวเปลือกไม่แตกเป็นเม็ดข้าวกล้อง  เรียกว่าการตอนเครื่องสีข้าว ทำได้โดยใช้ใบเลื่อย  ถูตรงๆบนแกนหมุนของเครื่องสี  หลังจากนั้น ลองสีข้าวดู  เม็ดข้าวเปลือกจะถูกกระเทาะเป็นเม็ดข้าวกล้องได้

 

หลังใช้งานเครื่องสีข้าว  สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้  ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือการทำความสะอาด โดยใช้แปรงทาสีชนิดขนนุ่ม หรือกาบมะพร้าวที่ทุบจนนุ่ม  ปัดกวาดเศษข้าวและแกลบที่เหลือค้างอยู่ออกให้หมด ป้องกันไม่ให้หนูหรือสัตว์อื่นมากัดแทะ  และป้องกันไม่ให้เครื่องสีข้าวขึ้นรา

หลังใช้งาน  อาจมีปัญหาดินที่โอบไว้กระเทาะ   แก้ไขโดยใช้สิ่วสะกัดแต่งดินออก  แล้วผสมดินปลวกกับน้ำเกลือออกใหม่  ทิ้งไว้ 14 วันก็ใช้งานได้

จ้ดเวลาร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับภัยเงียบ 5 ประการ ที่คุกคามชีวิตและสุขภาพ

 

พ่อคุ้ม  โคตรวังอวน  วัย 97 ปี  บุคคลต้นแบบ ที่แก่อย่างสง่าและขอตายอย่างสงบ

พ่อคุ้มเป็นผู้สูงวัยที่ทรงคุณค่า  และดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีอย่างครบถ้วน  โอกาศหน้าจะเล่าเรื่องพ่อคุ้มให้ฟัง

 

ได้อาหารกาย  อาหารใจ  อาหารสมอง ก่อให้เกิดพลังปัญญาแล้วเราก็มาฝึกพลังกาย

ท่าฝึกนี้เรียกว่า ท่ายืดเหยียด คิดค้นและถ่ายทอดโดย ทพ.ดร.สุขสมัย  สมพงษ์  อาจารย์ใหญ่ของเรา

หลังเตรียมร่างกายด้วยการยืดเหยียดแล้ว  เราก็ฝึกการวิ่ง 2.4 กม.

เวลาที่ฝึกด้วยกันผ่านไปไวเหมือนโกหก  จากผู้เข้าอบรมที่คิดว่าการวิ่ง 5 กม.เป็นไปไม่ได้เลย   เมื่อถึงวันที่ 4 ของการฝึก  พวกเขาเหล่านี้ล้วนสามารถ เดิน-วิ่ง ระยะทาง 5 กม.ได้   และเขาเหล่านี้เองได้ไปจัดการวิ่ง 2.4 กม.ในหมู่บ้านของตัวเอง  โอกาศอันใกล้นี้จะแลกเปลี่ยนวิธีจัดการของพวกเขาคะ

ข้าวพันธ์ดีหลากหลายสายพันธ์ที่นำมาผลิตเป็ข้าวกล้องที่มีคุณภาพได้

ข้าวกล้อง  ที่หุงสุกพร้อมรับประทาน  หลากหลายรสชาติ  มากด้วยคุณค่าอาหารและคุณค่าทางเศรษฐกิจ

ตุลาคม 2552  ไปศึกษาการอนุรักษ์พันธุกรรมข้าว  ที่สถานีวิจัยข้าวสกลนคร

ได้รับการต้อนรับจาก ผอ.ศูนย์ฯเป็นอย่างดี  โดยมีนักวิชาการใจดี  อ.วีระศักดิ์  หอมสมบัติเป็นผู้ให้ความรู้  ความเข้าใจ   ขอบพระคุณอีกครั้ง

                   ตื่นตา  ตื่นใจ  กับแปลงอนุรักษ์พันธุกรรมข้าว

                                            เจอแล้ว  พันธ์ข้าวในดวงใจ 

                    ชมการผสมเกสรเพื่อพัฒนาสายพันธ์ข้าว

                                        ยอดเยี่ยมจริงๆ

จากครูคนแรก  ครูก้อง(ธานี  กิมไช่ย้ง)  เมื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้  เรามีครูเพิ่มขึ้นอีก 4 คน คือ ครูณัฐ  ครูสม  ครูลงดา  ครูพระเนตร   เราหวังว่าคนรุ่นใหม่จะสานต่อยอดไปวันข้างหน้าสู่จุดหมาย ชุมชนมั่นยืน 100 ปี

            ร่วมแรง  ร่วมใจ  เพื่อสังคมสุขภาพดีของเรา

               ขยายผล  ผลิตและบริโภคในชุมชน  ภูมิใจ  ไท...ทำ

                   ขยายผลสู่การรวมกลุ่มเพาะพันธ์กล้าไม้

เหน็ดเหนื่อย   มาค่อนวัน  สวนผักเราก็เสร็จสมบูรณ์   นี่ก็ฝีมือเรา

พระอุปถัมถ์ของเรา   ท่านพระอาจารย์เป็นคนแรกที่ลงมือปลูกอนุรักษ์ครามให้กลุ่มของเรา

คุณยายบัป  เภาปงทา และคุณยายเขียน  นอนิล  ผู้ร่วมกันปลุกปั้นผ้าย้อมครามในกลุ่มเราขึ้นมา  เป็นหัวเรี่ยว หัวแรงอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

                      กลุ่มทอผ้าย้อมคราม บ้านหนองผือ  เครือข่ายของเรา

                                      สิ่งที่เราได้จากการร่วมกันเรียนรู้

วันที่เรานำผลผลิตของเรา  ไปร่วมแลกเปลี่ยนในงานเกษตรแฟร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร

                                   ด้วยความขอบคุณ

                                          kunnong

การค้นหาตัวเอง

พระอาจารย์หนุน วิชัยยา

การมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่ออะไร โลกมนุษย์สมบูรณ์ที่สุดในโลก มีทุกอย่างให้ศึกษา มีหลายสิ่งที่ปรากฏการณ์ในโลก ให้เรียนรู้ มีของคู่กัน แก้กันเสมอ มีจน มีรวย มีทุกข์-สว่าง มีความผิดพลาด จึงปรากฏความถูกต้อง

4 ปีก่อน มีการถกเถียงกันในพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับพระนิพพาน เกี่ยวกับอัตตา ความหลุดพ้น ความว่างของอากาศ จริงๆแล้วว่างสำหรับตาเท่านั้น แต่สำหรับหู ไม่ว่าง ขึ้นอยู่กับรับรู้ของตนเอง

ทุกเรื่อง ผลมาจากเหตุ ธรรมชาติมีของคู่ สุขโขอยู่นำหนัง สุขขังอยู่นำไข่ สุขไขอยู่นำหอย สุขเลยไม่อยู่ในคน คนอุดมไปด้วยความทุกข์

ในอดีต มัวเมาติดหล่มในกิเลส เห็นแต่เพื่อนกิน เพื่อนเหล้า วงการสังสรรค์ การพนัน กลัวว่าถ้าหยุดจะไม่มีเพื่อน เราไม่เห็นตัวเอง ไม่เอาตัวเองไปวัด พิสูจน์ด้วยตัวเอง ความเจ็บป่วยของตัวเองไม่มีใครรู้ด้วยกับเรา เราต้องรู้ตัวเอง

การรับราชการมีความทุกข์หรือปล่าว แล้วจะหาทางออกจากทุกข์อย่างไร บางคนทุกข์เพราะครอบครัว ทุกข์เพราะอาชีพ ข้าราชการทุกข์เพราะเงินเดือนไม่พอกิน ให้หาเหตุไปเรื่อยๆ สาเหตุไม่เหมือนกัน ผลมาจากเหตุ ให้แก้ที่เหตุ

การทำให้ทุกคนเป็นคนรวย ใช้เงินไม่ถูกประเภท เป็นเหตุให้ทะเลาะกัน

1.ทุกข์ใจ คิดมาก

2.สูญเสียคนเป็นที่รัก พลัดพรากจากของรัก ล่วงไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ ไปดูธรรมชาติ ธรรมดา ไปบวชเพื่ออะไร เพื่อเรียนรู้การตัดต้นไม้จากรากจากโคน เอาไปอบ ไปตากแห้งให้หมดเชื้อ ให้ห่างจากสิ่งนั้น ไปภาวนาสร้างอนุสติ ขณะจิตของคน คิดได้อย่างเดียว เมื่อคิดสิ่งหนึ่ง สิ่งที่คิดอยู่ก่อนก็ดับไป เมื่อหมดเชื้อก็หมดไป หาสิ่งใหม่มาทดแทนสิ่งนั้น

การดูที่ต้นเหตุ แล้วมาเอาตัวรอด เอาต้นเหตุมาฝึกฝน เสมือนถ้าไม่ต้องการให้หญ้าขึ้นรก ให้เอาหินมาทบมาข่มไว้ อดไว้ ข่มไว้ ทนไว้ ให้ชินไปเอง ถ้าไม่ไหวให้เยียวยาไม่ให้รั่ว

ประสบการณ์การทดลองใช้สมุนไพร เอาจานเครือ(กราวเครือ) ตากแดด ไข่แดง นมข้น น้ำผึ้ง บดผสมกัน ปั้นเป็นลูกกลอน กินประมาณ 1 สัปดาห์ คืนความหนุ่มสาว

เรื่องภูมิต้านทาน ถ้าให้กินนมผง อาหารเสริม แก่เด็ก ภูมิต้านทานจะลดลง ต้องให้กินนมแม่ถึงจะมีภูมิคุ้มกัน

สมุนไพรพระฤาษี ไม่ใช่ยา เป็นตัวเสริม มีฤทธิ์บำรุง ส่งเสริมร่างกายให้แข็งแรง มียา

- ปรุงกิน 6 เดือน เดินเจ็ดโยชน์ไม่เหนื่อย

- ปรุงกิน 8 เดือน เสียงกังวาน

พริกไทย 1 ส่วน

เหงือกปลาหมอ 2 ส่วน (ขึ้นเองตามชายทะเลมีรสเค็ม) ตาก

น้ำผึ้ง ปั้นเป็นลูกกลอน

บอระเพ็ด ต้มกินนานๆ โลหิตจาง ให้กลั่น ต้มบระเพ็ด กลั่นเอาแต่น้ำ กิน 1 ปี ทำให้ร่างกายทนต่อความแห้ง แต่มีผลต่อไต ไตอักเสบ

การกลั่นบอระเพ็ด ใช้บระเพ็ดเดือนกุมพาพันธ์ ตากแห้ง 7 วัน 7 หมอก กลั่น 3 ครั้ง ผสมกับน้ำผึ้งในสัดส่วนที่เท่ากัน หมักไว้ 3 เดือน กินวันละ 1 ช้อนโต๊ะ

การเป็นข้าราชการไม่ใช่ว่าทำการเกษตรไม่ได้ จากประสบการณ์ที่เดินทางไปหลายจังหวัด การกินทุกอย่างอย่ากินให้หมด ให้กินเหลือ กินแต่เนื้อ เหลือเม็ดไว้ใส่ย่ามไว้ เอามาปลูกไว้กิน ข้าราชการที่กินเหลือ ยามมีเวลาว่าง ให้ปลูกอยู่ปลูกกิน ลดรายจ่าย ถึงกินไม่กินก็ตาม อย่างน้อยก็เพื่อสิ่งแวดล้อม วันนี้ไม่ได้ใช้ วันหน้าก็ได้ใช้ การปลูกการเกษตร ปลูกไว้ ปล่อยไว้ เวลาผ่านไป ต้นไม้ก็เติบโต

การทำบุญ อย่าถวายแต่ทาน อาหาร ผลไม้ ฉันท์เสร็จก็จบ การปลูกต้นไม้ เติบโตขึ้น นกหนูมากินหมากผล ก็เป็นทาน เมล็ดหล่นลงมา ออกลูก ออกหลาน ขยายพันธ์ต่อไป นั่งนอน ก็เป็นทาน ตายไปก็ยังเป็นทาน

การเป็นข้าราชการ รับใช้หลวง ประชาชน ให้เงินเดือนแค่พออยู่ พอกิน เท่านั้น ไม่รวย ถ้าอยากรวยให้ทำการเกษตร ผู้ที่จะมาพลิกแผ่นดิน อย่าแผ่นดินว่าง ภาคอีสานดินงาม ปลูกต้นไม้จะงามตอนใกล้หมดฝน หน้าแล้งจะรั้ง ฝนโปรยลงมาจะงามขึ้นอีกครั้ง และจะรั้งอีกตอนฝนตกหนักๆ จะปลูกต้นไม้ให้งาม ให้รดน้ำในหน้าแล้ง อย่าใส่สารเคมี

การใช้ยาเคมีบำบัดโรค จะเกิดพิษสะสม การกินอาหาร ผักที่ปนเปื้อนสารพิษ จะเกิดพิษสะสม เป็นโรคทับถม เรื้อรัง ความทุกข์ที่เกิดให้ลืมความทุกข์นั้นเสีย ถ้าลืมไม่ได้ต้องฝึก

ต้นเหตุ รู้คือปัญญา คือวินิจฉัย คิดอ่านขานไข ผลมาจากเหตุ

“นอนสูงให้มองที่ต่ำ นอนต่ำให้ดูที่สูง”

มีโครงการ เป้าหมายชัดเจน อย่าทำลอยๆ ไม่รู้สติ ไม่รู้ตัว การเกษตรถ้ายั้งยืน ต่อเนื่องจะรวยไม่รู้ตัว มีเงินมากๆ ได้เงินหมื่นเงินแสน ใช้หมดคือหมด

มนุษย์มีหลายประเภท นิสัยติดตัวมากข้ามภพ ข้ามชาติ ต้องฝึก ต้องแก้ไข ภาชนะดับ(ตาย) วิญญาณดับ (วิญญาณ คือการสัมผัสเหมือนลูกธนู) ในโลกมีภพซ่อนภพอยู่ โลกนี้อากาศไม่ว่าง เต็มไปด้วย คลื่นด้วยเสียง ถ้าเครื่องรับคลื่นดี ก็จะรับได้ คนที่จะมีความสุข ต้องมีจิตละเอียด คนมีทุกข์ คนมีโลกมีภัย เจ็บป่วยต้องใช้ไฟย่างให้สุก

ประสบการณ์และข้อคิดเพื่อพัฒนาจิตใจให้รู้แจ้ง พ้นสภาวะทุกข์ โรคภัย

พระอาจารย์หนุน

การจะพ้นทุกข์ได้ ต้องหาสาเหตุแห่งทุกข์ให้พบ ให้มั่นปฏิบัติ ฝึกฝน เหตุทั้งหลายเกิดจากความกลัว เพราะกลัวตายจึงต้องมีแพทย์ พยาบาล เพราะกลัวขโมย จึงต้องมีตำรวจ ถ้าตัดความกลัวได้ ทุกอย่างบรรลุเป้าหมายได้ ของที่มีพลังได้ต้องมีความละเอียด ยิ่งละเอียดมาก ยิ่งมีพลังอนุภาพมาก ผู้ที่มีพลังใจสงบ เหยือกเย็น เพียงพอ ยิ้มให้มาก ยิ้มมาก จิตใจผ่องใสมาก

•แผลสด ภูมิปัญญาท้องถิ่นใช้หญ้าดอกขาว(สาบเสือ) น้ำคั้นสดรักษาแผลสด

•ร่องแก้ว (งูสวัด ) ใช้รากสะตอฝนทา

•ขี้ควายแห้ง เผาให้เป็นถ่าน แช่น้ำแก้เบื่อเมาเห็ด

•หนาดทั้ง 5 ใช้ ราก ต้น แก่น ใบ ดอก ผล ต้มกินฟอกน้ำเหลือง สิว ฝ้า

•ไขมันอุดตัน ใช้ไฟย่างเดียว ให้เลือดร้อนขึ้น อุ่นขึ้น

•ยารักษาด้วยใจ ใช้น้ำมนต์หม้อเดียว รักษาได้หลายโรค

การศึกษา เรียนรู้ สัมผัส ความจริงแล้วพืชทุกชนิดเป็นยาทุกอย่าง ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าให้หมอชีวกโกมารทัต ให้หาต้นไม่เป็นยา ไม่มี ทุกชนิดเป็นยาหมด แม้ใบน้อยหน่าต้มสุกจะหอม (ในลักษณะแกงอ่อม )

ทุกข์มาแรง ให้หักแรง เจ็บให้อดทนเอา ใช้ไฟมาย่าง มาเผา เป็นตัวละลาย

ข้อคิดฝากไว้

ผลมาแต่เหตุ ให้แก้ที่เหตุ กินของไม่เน่า ไม่บูด สร้างภูมิต้านทานไว้ดีกว่า ทำกำแพงไว้เลย ทำภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น ปลูกมันทุกเรื่อง ปลูกทุกยามที่พร้อม ทำกำแพงชีวิตให้แข็งแรงที่สุด ถ้ามีโรคภัยก็บำบัดรักษาไปตามอาการ

การค้นหาตัวเอง

พ่อเล็ก กุดวงศ์แก้ว

ชีวิตคนจะอยู่ดีมีสุข ขึ้นอยู่กับหลักของศาสนา เป็นสิ่งที่ชักนำให้ผู้ปฏิบัติตาม ไปถึงความสุขได้ ต้องปฏิบัติตามเท่านั้นเพราะมันเป็นหลักวิทยาศาสตร์ สอนให้คนเราอยู่กับธรรมชาติด้วยความเคารพ อากาศดี อาหารดี อารมณ์ ทำให้ตนเองมีความสุขได้

การปฏิบัติตามในสังคมในยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องยาก ต้องรู้จักตัวเอง เรียนรู้ตัวเอง เรียนรู้คนอื่น เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของโลก รู้เท่าทัน

ร่างกายคนเรา ต้องการอาหารหลายๆส่วน เข้าไปบำรุง เปรียบร่างกายเราเป็นเมือง มีจิตใจเป็นเจ้าครองเมือง ( พระยาจินตะรา) แต่ถ้าจิตใจเผด็จการ อยากกิน ถึงแม้จะเป็นพิษ ร่างกายก็ต้องได้รับพิษ

การอยู่ดี คืออยู่ในประเทศอันสมควร คือ สถานที่อันเหมาะ อันควร คนรอบข้าง ไว้ใจกันได้ ไม่มีคนมาปล้น มาจี้ นอนเฉยๆไม่มีคนมาถามหนี้ อยู่เย็น เป็นสุข

“การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก”

ปี 2534 ประท้วงตัวเอง อยู่ในนา ก่อนไปสำรวจตัวเองว่าได้เงิน 3-4 หมื่น ทำไมไม่พอ ทบทวนตัวเองพบว่า ต้องเกี่ยวข้องอาหารการกิน การนุ่งห่ม คิดคำนวณว่า ใช้กินใช้อยู่ไปเท่าไหร่ พบว่าแค่กินอย่างเดียว 600 บาท 365 วัน เป็นเงิน 2 แสนกว่า

เริ่มปลูกพืชพันธ์ที่ใช้กิน อุดรูรั่ว 6 ปี ปลดหนี้ ปลดสิน เข็ดหลาบการเป็นหนี้ หลังจากนั้นพบว่า เงินไม่ใช่ทุน ทุนไม่ใช่เงิน ดิน น้ำ ป่า ภูเขา เป็นทุน เงินเป็นเพียงเครื่องมือ ใช้ให้เกิดประโยชน์ ถึงเกิดประโยชน์ ซื้อดิน ซื้อเป็ดไก่ มาเลี้ยง ใช้เงินด้วยปัญญา

“ ปัญญา เป็นแสงสว่าง ทั้งกลางวัน กลางคืน” รู้จริง รู้ทุกด้านในกองสังขาร รู้ทางแก้ทุกข์ นำมาปฏิบัติ ทบทวนอดีตให้ไกลๆ ทำความเข้าใจปัจจุบันให้กว้าง นำไปสู่การสร้างสรรค์อนาคต การไม่รู้อดีตเป็นคนขาดรากแก้ว เสมือนกิ่งตอน ขาดรากแก้ว

การนำสิ่งเก่าๆ ทุนในสังคม ในธรรมชาติ เอาของเก่ามาต่อกับของใหม่ จะเกิดสิ่งใหม่ สร้างสรรค์ชีวิตให้พบความสุข การศึกษารากแก้วของตนเองให้รู้เท่าทัน เกิดความมั่นคงและยั้งยืน เปิดโลกกว้าง เอาสิ่งต่างๆมาเป็นครู

พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ “ป่าคือบ้าน ลำธารคือชีวิต ภูเขาและท้องทะเลคือทุนชีวิต” คิดดี คิดชอบ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

ปัจจุบันมีการปล้นธรรมชาติ พระแม่ธรณี ไม่อยากกินสารพิษ คนก็เอาสารพิษไปใส่ ให้ดินเป็นพิษ

ฝึกตนเองให้เป็นคนประหยัด เข้าใจตนเอง พึ่งพิงธรรมชาติ ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตนเองต้องห้ามใจตนเอง ไม่รวยแต่รอด ความรู้เรียนจากควายได้ปัญญา ควายไม่มีจอบเสียม ก็สร้างอ่างน้ำไว้กินไว้อาบสำหรับตัวเอง ปล่อยไว้นานๆ กุ้งหอย ปูปลา เข้ามาอยู่อาศัย คนจึงอาศัยกินอยู่ เลี้ยงปลาก เลี้ยงท้อง ต้องพึ่งควาย

ปัญญามีอยู่ทุกที่ ขึ้นอยู่กับเราจะไปเก็บเกี่ยวเอาปัญญา การเลี้ยงปลาซิว ปลากระดี่ มันฉลาด ปลาดุก ปลาช่อนมันโง่ ปากใหญ่คาบกินเหยื่อ ครั้งเดียว เบ็ดติดปากเอาตัวไม่รอด ปลาซิว ปลากระดี่ ค่อยๆกินเหยื่อ ตัวอิ่ม เหยื่อหมด เบ็ดไม่ติดปาก เอาตัวรอดได้

การพึ่งพาตนเอง เป็นทางรอด การสร้างคนให้เป็นคนดี จะเกิดพลังไปสร้างคนดีคนต่อๆไปอีก สังคมถูกเลี้ยงด้วยงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ ให้งบต่างๆแก่ประชาชน จนติดการรับเงินรับงบ ไม่พึ่งตนเอง เงินเดือนเท่าไรไม่พอใช้ บอกลูกสอนหลานอย่าให้หลง อย่าให้ลืม รากเหง้า ภูมิปัญญาดั้งเดิมของตนเอง เรียนรู้แบบองค์รวม การศึกษาไทยเป็นแบบแยกส่วน เรียนรู้หลายๆด้าน

สิ่งที่สำคัญ ทำให้หลุดพ้น ชีวิตเป็นไท ให้ออนซอนตัวเองได้

1. คิดให้มันถูก ทำให้ดี จะไม่เกิดปัญหา

2. เปลี่ยนพฤติกรรม ปลูกอยู่ ปลูกกิน

3. เปลี่ยนค่านิยม จากวัตถุนิยม บริโภค การเป็นหนี้

4. เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ได้

การได้ไปเรียนรู้ จากหลายๆประเทศ ได้ความรู้มาพัฒนา อเมริกา ยุโรปเป็นประเทศที่ยากจน แต่ที่มีเงินมากเพราะมีปัญญา เก่งด้านการจัดการ นำเอาสิ่งดีๆ มาพัฒนาต่อยอด ประเทศไทยไม่เก่งด้านการจัดการ แต่มีทุน วัตถุดิบ ต้นเงินที่บ้านเรา เขาเอาไปพัฒนาต่อยอด ส่งกลับมาขายต่อให้เราในราคาแพง บางประเทศมีทรัพยากรมากมาย เช่น อัฟริกา กินข้าว แต่ถูกสหรัฐหลอกให้กินอาหารที่ตนเองผลิต ทำลายความเชื่อมั่นในตัวเอง พึ่งตัวเองไม่ได้ ตอนนี้กำลังหลอกเรา ให้ปลูกสิ่งที่ต้องขายเอาเงิน อยากกินปลากินกล้วย ไปปลูกยางพารา ตะกูยักษ์ ใช้ชีวิตในทางโค้ง ทำไมไม่ทำตรงๆ

เกิดเป็นคนไทย ไม่ต้องขยันก็ได้ ขออย่างเดียวคือรักษาของเก่าไว้ให้ได้ คือสรรพสิ่งในความสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้

การเป็นทุกข์ เกิดจากเหตุต้องแก้ที่ต้นเหตุ ค้นหาต้นตอ ต้นเหตุหาต้นเงื่อนของเหตุให้เจอ เปรียบเสมือนการแก้เส้นไหมที่ยุ่ง ต้องสืบค้นหาต้นต่อ ต้นเงื่อนให้เจอจึงจะแก้ไขได้

สิ่งจำเป็นคือการพัฒนาคนให้พึ่งตนเอง ถ้าพึ่งตนเองไม่ได้ ให้ช่วยเหลือก่อน แล้วค่อยสอนให้พึ่งตนเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน วัฒนธรรมที่ดีคือ ฮักแพงแบ่งปัน ปัจจุบันมีการเปลี่ยนไปสู่วัฒนธรรมใหม่ คือ แก่งแย่งแข่งขัน ทำร้าย เข่นฆ่ากัน แข่งขันกัน ชิงดี ชิงเด่น ให้คิดอะไรง่ายๆ อยู่ง่ายๆ จะเข้าใจความจริง อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่าเห็นผิดเป็นชอบ พยายามพูดความจริง การศึกษาสอนคนให้เป็นทาส เรียนจบไปเป็นลูกจ้างเขา เป็นทาสเขา รัชกาลที่ 7 มอบอธิปไตยให้ประชาชน แต่ปัจจุบันประชาชนยังเป็นทาส เป็นคนยากคนจน ต้องค้นหาความจริงให้ได้

การเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้ปรับตัวลำบาก ใบส้มโฮงหรือชะมวง เอามาตากแห้ง บดรวมกับพริกไทยดำ แก้ไขมันในเลือด ผักพื้นบ้านเป็นผักที่ปลูกแล้วยืนต้น กินแล้วอายุมั่นขวัญยืน คนปัจจุบันอ้างแต่เงิน ถึงเป็นหนี้เป็นสิน เกษตรกรผู้ปลูก และคนกินต้องดูแลกัน ดูแลให้มั่นใจว่าปลอดภัย ดูแลกันให้ได้กินผักปลอดสารพิษ ส่งเสริมให้มีการเร่งศึกษาเรียนรู้สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเอาไว้ เขียนเป็นตัวหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้เฒ่าทำอยู่ พากิน แต่ไม่จด ไม่เขียนไว้ ไม่ปฏิเสธสิ่งใหม่ เอาของเก่ามาพัฒนาใหม่ ให้ดีขึ้น

นิทานต้นไม้

ช่วงปลายฝนต้นหนาว ต้นไม้ปรึกษากัน คุยกัน “ช่วงฤดูแล้ง ฝนจะไม่ตก ทำอย่างไรจะมีน้ำกิน ไม้ประดู่ให้ความเห็นว่าให้ต้นไม้ทุกต้นเก็บน้ำไว้ในต้น ตามขนาดลำต้น แล้วมีไม้ต้นหนึ่งถามว่า ทำอย่างไรลูกหลานจะรอดไม่ตาย จึงปรึกษากันว่าให้ทิ้งใบหล่นลงดิน ห่มคลุมผืนดินและลูกหลานไว้ ลูกหลานก็รอด สัตว์ก็รอด น้ำก็คงอยู่ น้ำไม่เหือดแห้ง ต้นไม้ยังรู้จักแบ่งปัน การรักษาความสมบูรณ์แก่แม่ธรณี สืบต่อความสมบูรณ์ให้ลูกหลานรอดต่อไป

อย่าหลงทำลายแม่ธรณี แม่น้ำ ที่เลี้ยงลูกหลานสืบต่อไป ร่างกายไม่ต้องการเงินอย่างเดียว ต้องการข้าว ปลา อาหาร ความจำเป็นเร่งด่วนคือทำอย่างไรลูกหลานจะรอด ฮักแพงแบ่งปัน อย่าทำลายสิ่งที่มีค่า สร้างนิสัยในทางที่ไม่ดีงาม นิสัยกอบโกย เข้าหาตัว เอามากองไว้ ทำให้ผู้อื่นขาดคลาน กินจ่งกินหยอมหน่อย จะมีเหลือเผื่อแผ่ให้ผู้อื่น

คนจนจริงๆ สอนให้ทำอยู่ทำกินให้เพียงพอก็หายจน คนจนแบบไม่รู้จักพอ ทำเท่าไร หาเท่าไรก็ไม่หายจน ต้องตัดที่ความอยากออกจึงจะหายจน

คนปั้นดินไม่มีหม้อใช้ มีปัญญาไม่ได้นำมาใช้

เลี้ยงไก่เต็มเล้า แต่ไม่มีตัวขัน พ่อแม่เลี้ยงลูกหลาน แต่เวลาแก่ชรา ไม่มีใครดูแล

ความเจริญ แท้จริงเป็นอย่างไร การขายของได้มากแปลว่าเจริญ แต่ถ้าขายของน้อยแปลว่าไม่เจริญ ไม่มีร้านค้า แต่ชาวบ้านพึ่งตนเองได้ หาอยู่หากินในไร่ในนาเองได้ ขอให้นำไปคิดก่อน

ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพรเพื่อการดูแลตนเอง

อ.พิเชษฐ เวชวิฐาน

เริ่มแรกไม่ได้สนใจผักพื้นบ้าน เริ่มจากศึกษาเรื่องพืช ปริญญาตรีเรียนพืชผัก ปริญญาโทเรียนเรื่องเมล็ด และภายหลังได้รับมอบหมายให้เรียนเรื่องผักพื้นบ้าน งุนงงมาก เพราะพืชเกือบทุกชนิดกินได้ มีสรรพคุณทางยาหมดทุกชนิด มีการจัดสัมมนาผักพืชบ้านที่ราชมงคล รู้ว่าผักพื้นบ้านมีสรรพคุณทางยา ต่อจากนั้นก็พยายามส่งเสริมให้หมอพื้นบ้านสามารถรักษาตนเองและรักษาคนได้ ไม่มีความผิด โรคหลายๆโรคหายด้วยหมอพื้นบ้าน แต่ผู้ที่รู้เรื่องหมอพื้นบ้านปัจจุบันมีแต่หมอสูงอายุ

ผักพื้นบ้าน อาจเป็นวัชพืช บางชนิดบางท้องถิ่นใช้ยาปราบศัตรูพืช

ผักสด กินได้ทั่วไป

ผักลวกนึ่ง ส่วนมากจะเป็นแป้งพวกไกลโคไซด์ ต้องต้มให้สุกก่อน จึงจะไม่ระคายเคือง

ผักเคียงหรือปรุงก่อน

ผักชูรส รสเผ็ดร้อน การกินเนื้อโปรตีนสูง ต้องใส่ใบยี่หร่า เร่งให้ปล่อยน้ำย่อยออกมา ทำให้ท้องไม่อืด

ผักที่ต้องย่อยสลายก่อน มีสารไฮโดรไซยานิก ต้องเอามาดองก่อน เช่นผักเสี้ยน ผักกุ่ม คนต้องกินอาหารพวกดองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ระบบย่อยจะได้สมบูรณ์ ผักดองจะเติม จุลินทรีย์ ให้ระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะการกินอาหารทะเล เนื้อย่าง จะได้รับฟอร์มารีนเข้าไป ต้องเติมจุลินทรีย์เข้าไป

วิธีการดูแลสุขภาพ

ดูแลตนเองก่อน เริ่มจากการดูอุจจาระที่ถ่ายออกมา แล้วกินอาหารเข้าไปแก้ตามสรรพคุณที่แก้อาการนั้นๆได้ ผู้ที่มีอายุเกินหลัก 40 ปี ขึ้นไป คนเราจะอายุยืนจะดูที่สภาพของตับ ถ้าเปรียบกับรถยนต์ ตับเสมือนหม้อกรองน้ำมันเครื่อง ทำลายพิษที่ค้างมาในกระแสเลือด แล้วส่งไปที่หัวใจ

การเกิดโรคมะเร็งตับ มี 2 สาเหตุ ถ้าเกิดจากสารเคมีจะผอมแห้ง ถ้าเกิดจากพยาธิใบไม้ก็จะท้องมาน บวม พยาธิใบไม้มีในเนื้อวัว กุ้ง หอย ปลา ปลาร้าดิบ(พยาธิใบไม้จะเข้าเยื้อหุ้มเป็นปลอก มีชีวิตอยู่ได้ในน้ำเกลือ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเติบโตต่อไปได้ทันที )

ปลูกผัก กินเอง ปลอดสารพิษ เป็นรั่วกินได้ ใบมะตูม รสจะซ่า ละลายไขมัน ยอปลูกหน้าบ้าน เอาลูกแก่ห่าม บีบเอาน้ำคั้นสดมากินช่วยฟื้นสมอง ความจำจะดี ถ้าเฝื่อนมาก ให้ผสมน้ำผึ้ง ขนุนใช้ใบเพสลาด ทอดกรอบกินกับลาบ มะยมเปรี้ยว แก้แพ้แก้หวัด ใบลด คลอเลสเตอรอล ช่วยจับสารก่อมะเร็งได้ดี ฝรั่งพันธ์พื้นบ้านเมล็ดสีชมพู มี วิตามินซี กับ อี ถ้าฝรั่งดิบแก้ท้องเสีย ฝรั่งสุกแก้ท้องผูก

กินผักพื้นบ้าน ให้กินตามฤดูกาล จะแก้โรคตามฤดูกาล และเรื่อง ฮีต 12 ครอง 14 (สิ่งที่พึงปฏิบัติ ) ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา

สิ่งพึงระวัง

1. รู้จักชนิดให้ถูกต้อง ( พุงเขมา : ต้องระวังช้าหมาน้อย รสจะขม มีพิษ )

2. รู้จักใช้ให้ถูกวิธี ( ต้ม แกง นึ่ง )

3. ใช้ให้ถูกส่วน ใช้ให้ครบสูตร สอนให้ลูกหลานกิน

4. กินให้ถูกฤดูกาล

การดูแลตับ ตับเสียผิวกร้าน ตัวคล้ำ ตาเหลือง การดูแลตับเริ่มจาก

• ปากท้อง คือเอาสารเคมีเข้าร่างกายให้น้อยลง ก็จะก่อโรคเรื้อรัง

• ขมิ้นชันช่วยบำรุงตับ ขับไขมันในตับ

• ใบชะพลู

• อาหารสุก น้ำสุก อายุยืน

• ผักพืชน้ำต้องระวัง ต้องล้างด้วยน้ำด่าง และกินให้สุก

• ผักระเฉดต้องพ่นยาตลอด และเก็บมาต้องใส่สารฟอกขาว

• การกินผัก ฝาด เปรี้ยว ทำให้เป็นนิ่ว ไม่เป็นความจริง

• ผุงดอ แก้มะเร็งตับ

การเกิดนิ่ว

• นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง

• นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ เกิดจากยูริค

• นิ่วในไต เกิดจากกินผักหรือกินเนื้อสัตว์ซ้ำๆมากเกินไป

• การสูญเสียสมดุลของ โปตัสเซียม กับ แคลเซียม

เบาหวาน เกิดจากพันธุกรรม 40 % น้ำตาลฟอกขาว ผงชูรส

• น้ำตาลขึ้น ใช้บอระเพ็ดอม

• น้ำตาลลด ให้กินน้ำตาลเติมเข้าไป

ใบหนาดกระตุ้นให้น้ำตาลในเลือดสูง แผลจะเยิ้ม ต้องเอาใบหนาดออกจากตำหรับยา

คำถาม

1. ไซนัสแก้ด้วยสมุนไพรอย่างไร

ตอบ ใช้ขลู่ พลับพลึง ใบหนาด ใบหูเสือนึ่งก่อนตากแดดให้แห้ง เผาแล้วให้ฤทธิ์ยาออกมากับควัน รมควันสูดดมให้โพรงจมูกแห้ง

2. ภูมิแพ้

ตอบ ใช้ใบหนุมานประสานกาย ต้ม

3. ใบมะรุมใช้ต้านมะเร็งได้จริงหรือไม่

ตอบ รักษาไม่หาย ยกเว้นไม่ใช่ มะเร็ง วินิจฉัยผิด

4. กราวเครือแดงใช้อย่างไร

ตอบ กราวเครือแดงต้มกินกับกราวเครือขาวได้ ถ้าใช้ปริมาณมากจะฝาด กินให้พอดี ให้ใช้ลิ้นทดสอบดู ไม่ให้หนักหรือเบาเกินไป

5. ถ้าไอ เสมหะเหนียว บ้วนไม่ออก

ตอบ ใช้ลูกเบ็ญจกาณี หรือรากพุดธรรมดา ล้างให้สะอาด อมแก้ไอ

สูตรน้ำกลั่นบอระเพต ยาอายุวัฒนะ

เคยไปวัดพุทธโมกข์ ได้ชิ้มน้ำบอระเพ็ดกลั่น สดชื่นดี ไม่ขมอย่างที่คิด

  • ใช้เถาบอระเพ็ดที่ยังไม่โดนฝน  ก็เป็นบอระเพ็ดประมาณปลายมกราคม - กุมพาพันธ์
  • ซอยเป็นแว่นบางๆ  ตากแดด 7 แดด  ระวังไม่ให้โดนหมอกกลางคืน
  • ใส่น้ำสะอาดจนท่วม  ต้มจนเดื่อด  กลั่นได้น้ำบอระเพ็ด  น้ำที่ 1
  • นำน้ำบอระเพ็ด น้ำที่ 1  มาต้ม  กลั่นได้น้ำบอระเพ็ด น้ำที่  2
  • นำน้ำบอระเพ็ด น้ำที่ 2  มาต้ม  กลั่นได้น้ำบอระเพ็ด น้ำที่  3
  • นำน้ำกลั่นบอระเพ็ดน้ำที่ 3 มาผสมกับน้ำผึ้ง อัตราส่วน 1:1 หมักไว้ 3 เดือน
  • เมื่อครบ 3 เดือน ทานวันละ 1 ช้อนโต๊ะ 
  • สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒน  ตามที่พระอาจารย์หนุนบอก
  • ที่แน่ๆ  จากหลายคนที่กินเป็นยา  บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แก้ปวดกระดูกได้ดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท