เรียบเรียงโดย นางสาวอรอนงค์ นิลธจิตรัตน์[1]
กฎแหล่งกำเนิดสินค้า CEPT- AFTA ศึกษาปัญหาการได้แหล่งกำเนิดสินค้า ตามกฎข้อ ที่ 3 ก 2
ก่อนจะกล่าวถึงกฎแหล่งกำเนิดสินค้า CEPT- AFTA ผู้ศึกษาจำเป็นต้องปูพื้นกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าตามหลักของ WTO ก่อน ดังนี้
1 หลักของกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า [2]
1.1 ประเภทของกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ(1) กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าที่มีการให้สิทธิพิเศษทางการค้า และ(2) กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าที่ไม่มีการให้สิทธิพิเศษทางการค้า ซึ่งกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าที่ไม่มีการให้สิทธิพิเศษทางการค้าจะมีความเข้มงวดน้อยกว่ากฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าที่มีการให้สิทธิพิเศษทางการค้า เช่น ใช้หลักเกณฑ์มาตรฐานในการพิจารณาแหล่งกำเนิดสินค้าโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขสัดส่วนการใช้วัตถุดิบด้วย ขณะที่กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรีมีหลักเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้าที่เข้มงวด เช่น การกำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบและให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพียงพอของสินค้าถึงจะได้แหล่งกำเนิด
1.2 หลักเกณฑ์กำหนดแหล่งกำเนิด (การพิจารณากฎแหล่งกำเนิดสินค้า
หลักเกณฑ์ในการพิสูจน์แหล่งกำเนิดสินค้าสามารถแบ่งได้เป็น 4 เกณฑ์กว้างๆ ดังนี้
1.2.1 กฎการใช้วัตถุดิบในประเทศทั้งหมด (Wholly Obtained: WO) สินค้าใดจะผ่านกฎนี้ได้จะต้องผ่านกระบวนการผลิตในประเทศเดียวโดยใช้วัตถุดิบภายในประเทศนั้นทั้งหมด เช่น ผักผลไม้ที่เก็บเกี่ยวได้ในประเทศใด ประเทศนั้นก็จะถือเป็นแหล่งกำเนิดของสินค้านั้น ส่วนมากการกำหนดเกณฑ์แบบ WO จะใช้กับสินค้าทางการเกษตร สัตว์มีชีวิต และสินแร่
1.2.2. กฎการแปรสภาพอย่างเพียงพอ (Substantial Transformation: ST) การพิจารณาว่าสินค้าใดถูกแปรสภาพไปอย่างเพียงพอสามารถดูได้จาก
1.2.2.1) สินค้ามีการเปลี่ยนพิกัดทางศุลกากร ซึ่งมีทั้งหมด 5 ระดับ แต่ที่พบเห็นได้บ่อยมี 3 ระดับได้แก่
การเปลี่ยนตอน (Change of Tariff Chapter: CC) |
เช่น สับปะรดสด (ตอนที่ 8 ของพิกัดศุลกากร) เปลี่ยนเป็น น้ำสับปะรด (ตอนที่ 20) |
การเปลี่ยนประเภท (Change of Tariff Heading: CTH) |
เช่น นำเข้า รังไหม (พิกัด 5001) มาสางเป็น ด้ายไหม (พิกัด 5004) |
การเปลี่ยนประเภทพิกัดย่อย (Change of Tariff Subheading: CTSH) |
เช่น เยื้อไม้สนไม่ฟอก (พิกัด 4703.11) เปลี่ยนเป็น เยื้อไม้สนฟอกแล้ว (พิกัด 4703.21) |
นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนพิกัดอีก 2 ระดับ ได้แก่ การเปลี่ยนประเภทพิกัดที่แยกออกมา (Change of Tariff Split Heading: CTHS) และการเปลี่ยนประเภทพิกัดย่อยที่แยกออกมา (Change of Tariff Split Subheading: CTSHS) แต่ไม่พบเห็นบ่อยนัก
1.2.2.2) สินค้าได้ผ่านกระบวนการผลิตที่ถือได้ว่าเป็นกระบวนการที่สำคัญ ซึ่งหากกระบวนการผลิตที่สำคัญเกิดขึ้นในประเทศใด ประเทศนั้นจะถือเป็นแหล่งกำเนิดของสินค้าทันที ดังนั้น ในกรณี 2.1 และ 2.2 สัดส่วนการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศไม่มีผลต่อแหล่งกำเนิดสินค้า สำคัญเพียงว่าเมื่อนำวัตถุดิบเข้ามาทำการผลิตแล้วเกิดการแปรสภาพอย่างเพียงพอหรือไม่
1. 3. กฎสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content: LC) เป็นการกำหนดอัตราส่วนร้อยละตามราคา น้ำหนัก หรือมาตรวัดอื่น ๆ ตามที่ได้ตกลงกัน โดยกำหนดอัตราส่วนสูงสุดของวัตถุดิบนำเข้า หรืออัตราส่วนต่ำสุดของวัตถุดิบภายในประเทศที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่จะถือว่าประเทศนั้นๆเป็นแหล่งกำเนิด เช่น ใน AFTA ที่กำหนดว่า สินค้าจะมีแหล่งกำเนิดจากอาเซียนถ้ามีส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตมาจากประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างน้อยร้อยละ 40 และกระบวนการผลิตขั้นสุดท้ายเกิดขึ้นภายในประเทศที่ส่งออก หรือผลิตภัณฑ์ยางของไทยที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ FTA ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) จะต้องผ่านกฎ CTSH และต้องใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (ความตกลง TAFTA อนุญาตให้นำวัตถุดิบที่นำเข้าจากออสเตรเลียมาคำนวณเป็นวัตถุดิบในประเทศไทยได้ หรือที่เรียกว่าหลัก Regional Value Content) เป็นสัดส่วนอย่างน้อยร้อยละ 40 ของน้ำหนักยางทั้งหมด เป็นต้น ทั้งนี้ ตามข้อตกลง WTO กฎสัดส่วนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศถือเป็นส่วนหนึ่งของกฎการแปรสภาพอย่างเพียงพอ (ST) ในหัวข้อที่ 2 ข้างต้น
1.4 กฎการผลิตขั้นต่ำ (Minimal Operation/Process) อธิบายได้ว่า ประเทศที่นำเข้าสินค้าเพื่อส่งออกต่อไป โดยก่อนส่งออกอาจมีการปรับสภาพสำหรับการขนส่งอย่างง่ายๆ เช่น บรรจุหีบห่อใหม่ ทำความสะอาด จำแนกเกรดสินค้า แบ่งประเภท หรือติดฉลาก จะไม่ถือว่าประเทศที่ทำกิจกรรมดังกล่าวเป็นแหล่งกำเนิดของสินค้า ทั้งนี้ จะพบเห็นหลักเกณฑ์ข้อนี้ได้อย่างชัดเจนในความตกลง FTA ไทย-อินเดีย
สินค้าบางประเภทหากผ่านเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งก็ถือว่าได้แหล่งกำเนิดสินค้าแล้ว แต่บางสินค้าจะต้องผ่านเกณฑ์มากกว่า 1 ข้อขึ้นไป นอกจากนี้ เกณฑ์ในความตกลง FTA แต่ละฉบับยังอาจมีความแตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยได้อีก ซึ่งขึ้นอยู่กับประเทศที่ไทยทำ FTA และชนิดของสินค้าอีกด้วย
** ที่มา จากสื่ออิเล็คทรอนิกส์ รศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล กฎแหล่งกำเนิดสินค้า (ตอนที่ 1) บทความจากกรมการค้าต่างประเทศจากหนังสือ ซีรีย์เขตการค้าเสรี ของ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ**
Ω อนึ่งความรู้เหล่านี้หาอ่านได้จาก ตำราวิชาการ หรือ บทความวิชาการ หรือเอกสารประกอบการบรรยายได้ด้งนี้
1 หนังสือ ของ Jhon H Jackson เรื่อง World Trade and the law GATT และอีกเล่มคือ world trade systemเป็นหนังสือที่ยอมรับกันทั่วโลกและนักวิชาการกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศนำมากล่าวอ้างในงานเขียนเสมอ
2 หนังสือของรองศาสตราจารย์ ทัชชมัย ฤกษะสุต เรื่องแกตต์ และองค์การค้าโลก
3 บทความและวิจัย ของอาจารย์ สมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์
4 หนังสือของอาจารย์ โกศล ฉันทิกุล
5 กฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย
**หากเกี่ยวกับการเจรจาความตกลงการเปิดเสรีการค้าผู้ศึกษาขอแนะนำให้อ่านของ ดร.วิลาวรรณ มังคละธนกุล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นนักกฎหมายระหว่างประเทศที่เก่งมากคนหนึ่ง ในเวลานี้ ประกอบกับท่านเป็นอาจารย์สอนที่ดีมาก (โดยส่วนตัวผู้ศึกษาชอบศึกษาจากอาจารย์มาก อาจารย์เก่ง และเป็นผู้มีพระคุณกับผู้ศึกษาให้โอกาสผู้ศึกษาเสมอ**)
2 กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้อัตราภาษีศุลกากรพิเศษที่เท่ากันของอาเซียน(Agreement on Common Effective Preferential Tariff – CEPT)
2.1 ในการพิจารณาแหลงกำเนิดสินคาที่มีสิทธิไดรับสิทธิพิเศษภายใต้ CEPT- AFTA ให้ถือปฏิบัติตามกฎ ดังนี้ [3]
กฎขอที่ 1: สินคาที่มีแหลงกําเนิดในประเทศอาเซียน หมายถึงสินคาที่นําเขามายังอาณาเขตของประเทศสมาชิกประเทศหนึ่งจากประเทศสมาชิกอีกประเทศหนึ่ง ในลักษณะที่เปนการตราสงโดยตรงจะมีสิทธิไดรับสิทธิพิเศษฯ ถามีคุณสมบัติตรงตามขอกําหนดในเรื่องแหลงกําเนิดฯ ภายใตเงื่อนไขขอใดขอหนึ่งดังนี้
1) สินคาที่ผลิตขึ้นไดโดยใชวัตถุดิบของประเทศนั้นทั้งหมด หรือสินคาที่ไดจากในประเทศสมาชิกผูสงออกทั้งหมด ตามกฎขอที่ 2 หรือ
2) สินคาที่ผลิตขึ้น หรือ ไดจากในประเทศสมาชิกผูสงออกโดยมิไดใชวัตถุดิบของประเทศนั้นทั้งหมด ทั้งนี้ สินคานั้นจะมีคุณสมบัติ ไดรับสิทธิพิเศษฯ ภายใตกฎขอ 3 หรือกฎขอ 4 •
กฎขอที่ 2: Wholly Obtained Goods (WO) เกณฑ์สินคาที่ผลิตขึ้นโดยใช้วัตถุดิบของประเทศนั้น หรือสินค้าที่ไดจากประเทศสมาชิกผู้สงออกตามความหมายของกฎขอ 1(ก) •
กฎขอที่ 3: สินคาที่ผลิตขึ้นหรือไดจากในประเทศสมาชิกผูสงออกโดยมิไดใชวัตถุดิบของประเทศนั้นทั้งหมด
1) Direct Method สินคาจะถือวามีแหลงกําเนิด จากประเทศสมาชิกอาเซียน หากวาสินคานั้นมีสัดสวนของวัตถุดิบที่มีแหลงกําเนิดจากประเทศสมาชิก อยางนอยรอยละ 40
2) Indirect Method สินค้าที่ผ่านการแปรสภาพและขั้นตอนการผลิตอันเป็นผลให้มูลค่ารวมของวัตถุดิบ ชิ้นส่วนหรือผลิตผลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศนอกภาคีอาเซียน หรือจากแหล่งกำเนิดที่ไม่ปรากฏแน่ชัดที่นำมาใช้ในการผลิตสินค้าจะต้องไม่เกินร้อยละ 60 ของมูลคา F.O.B. และการแปรสภาพการผลิตขั้นสุดท้ายต้องกระทำในอาณาเขตของประเทศสมาชิกผู้ส่งออก
สูตรในการคำนวณสัดส่วนวัตถุดิบของอาเซียน = มูลค่าของวัตถุดิบชิ้นส่วน หรือ ผลิตผลที่นำเข้าจากประเทศนอกภาคีอาเซียน +มูลคาของวัตถุดิบชิ้นส่วนหรือผลิตผลจากแหล่งกำเนิดที่ไม่ปรากฎ/มูลค่า ส่ง ออก (ราคา F.O.B.)*100 ≤ 60% •
กฎข้อ 4: กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดแบบสะสม สินค้าที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามข้อกำหนดในเรื่องแหล่งกำเนิดฯ ตามกฎข้อ 1และได้นำไปใช้ในประเทศสมาชิกหนึ่งเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าสำเร็จรูป ที่มีสิทธิได้รับสิทธิพิเศษฯ ในอีกประเทศหนึ่ง ให้ถือว่าสินค้านั้นมีแหล่งกำเนิดในประเทศสมาชิกที่ซึ่งการผลิตหรือการแปรสภาพของสินค้าสำเร็จรูปได้กระทำขึ้น หากว่ามูลค่าวัตถุดิบของอาเซียนในสินค้านั้นรวมกันแล้ว ไม่น้อยกวาร้อยละ 40
หมายเหตุ: วัตถุดิบที่นํามาสะสม กอนนํามาสะสมจะตองมีคุณสมบัติไดแหลงกําเนิดในประเทศนั้น กอน จึงจะสามารถนําวัตถุดิบนั้นมาทําการสะสมได
กฎขอที่ 5: การตราสงโดยตรง การตราสงสินคาในลักษณะตอไปนี้ ใหถือเปนการตราสงโดยตรงจากประเทศสมาชิกผูสงออก ไปยังประเทศสมาชิกผูนําเขา
1) ถาสินคานั้น ถูกสงผานอาณาเขตของประเทศภาคีอาเซียนประเทศอื่น
2) ถาสินคานั้นถูกสงโดยไมผานอาณาเขตของประเทศนอกภาคีอาเซียนใดเลย
3) สินคาที่ถูกสงผานประเทศนอกภาคีอาเซียนประเทศหนึ่ง หรือมากกวา โดยจะมีการถายลําเรือ หรือเก็บรักษาไวชั่วคราวในประเทศนั้นๆ หรือไมก็ตาม ตองมีเงื่อนไขวา
(1) การสงผ่านนั้น สืบเนื่องจากเหตุผลทางภูมิศาสตร์ หรือโดยการพิจารณาที่เกี่ยวเนื่องกับข้อกำหนดทางด้านการขนส่งโดยเฉพาะ
(2) สินค้าไม่ถูกนำออกสู่การซื้อขาย หรือใช้บริโภคในประเทศ นั้น และ
(3) สินค้าต้องไม่ถูกกระทำการอันใดในประเทศนั้นมากไปกว่าการขนถ่ายสินค้าขึ้นและลง หรือการกระทาอันใดที่จำเป็นแก่การเก็บรักษาสินค้าให้อยู่ในสภาพที่ดีเท่านั้น
กฎขอ 6: การปฏิบัติตอหีบหอ ประกอบดวย
1) กรณีที่ประเทศสมาชิกมีขอปฏิบัติในการแยกตัวสินคาออกตางหากจากหีบหอ เพื่อวัตถุประสงคในการประเมินภาษีศุลกากร ประเทศสมาชิกนั้นอาจจะพิจารณาแหลงกําเนิดของหีบหอแยกตางหากจากตัวสินคา สําหรับสินคาที่นําเขาจากประเทศสมาชิกอื่นได
2) กรณีไมมีขอปฏิบัติตามขอ 1ขางตน ตองถือวาหีบหอเปนสวนรวมเดียวกันกับสินคาทั้งหมดและในกรณีนี้ จะไมมีการพิจารณาถือวาสวนใดสวนหนึ่งของหีบหอที่จําเปนสําหรับการขนสง หรือเก็บรักษา สินคา นั้น เปนการนําเขาจากประเทศนอกอาเซียน
กฎขอ 7: หนังสือรับรองแหลงกําเนิด สินคาที่จะมีสิทธิขอรับสิทธิพิเศษฯ จะตองมีหนังสือรับรองแหลงกําเนิดสินคาที่ออกใหโดยหนวยราชการที่ไดรับมอบหมายจากประเทศสมาชิกผูสงออก และไดแจงใหสมาชิกอื่นทราบตามที่จะไดกําหนดไวในระเบียบการออกหนังสือรับรองแหลงกําเนิดสินคาที่จะไดจัดทําขึ้นและใหความเห็นชอบโดยที่ประชุมเจาหนาที่อาวุโสดานเศรษฐกิจอาเซียน (SEOM)
กฎขอ 8: การทบทวน กฎเหลานี้อาจมีการทบทวน ตามความจําเปนเมื่อมีการรองขอจากประเทศสมาชิก และอาจเปดใหมีการแกไขปรับปรุงตามที่จะไดมีการตกลงกันโดยคณะมนตรีของ AFTA
***ที่มา: เอกสารประกอบการสัมมนาเรื่อง “แหลงกําเนิดสินคาแบบสะสมของอาเซียน”สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง 23 พฤศจิกายน 2547 www.FTAMonitoring.org***
2.2เงื่อนไขของกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า [4]
สินค้าเกษตร : ให้ใช้เกณฑ์ Wholly-Obtained หรือ Single Country Local Content ร้อยละ 60 ถ้านำเข้าวัตถุดิบของไทยไปแปรรูปแล้วส่งกลับมาใหม่
สินค้าอุตสาหกรรม: ให้ใช้เกณฑ์ Wholly-Obtained หรือ Single Country Local Content ร้อยละ 40 เท่ากับ CEPT
2.3. คุณสมบัติของสินค้าส่งออกที่จะได้รับสิทธิลดภาษี CEPT [5]
(ก) เป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีรายการลดภาษีของประเทศสมาชิกอาเซียนผู้นำเข้า (ไม่จำเป็นต้องเป็นรายการเดียวกันในทุกประเทศสมาชิกอาเซียน)
(ข) มีคุณสมบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้า คือ จะต้องมีสัดส่วนของวัตถุดิบและต้นทุนในประเทศสมาชิก ( ASEAN Content ) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 เทียบกับราคา FOB ของสินค้าส่งออก
(ค) จะต้องใช้หลักเกณฑ์การขนส่งโดยตรงภายใต้ข้อตกลง CEPT
(ง) มีหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า แบบ D (Form D) ที่กรมการค้าต่างประเทศออกให้ไปแสดงต่อศุลกากรของประเทศอาเซียนผู้นำเข้า
เมื่อทราบหลักการแล้ว เพื่อให้เข้าใจในการพิจารณากฎแหล่งกำเนิดข้อที่ 3 ก 2 มากขึ้น ผู้ศึกษาขอยกตัวอย่างดัง นนี้
3 ข้อเท็จจริง
1. . สมมุติว่า มีกรณีกรมศุลกากร ตรวจสอบ บริษัท ก. และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ ก. ทั้งหมด แล้วพบว่า ว่าการที่บริษัท ก สั่งซื้อวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตเป็นเบาะนั่งภายในรถยนต์จากบริษัท ข (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ผลิตชิ้นส่วนเบาะนั่งภายในรถยนต์ให้กับ บริษัท ก) นั้น ปรากฏว่า มีวัตถุดิบบางรายการสั่งแยกวัสดุมาประกอบเป็นเบาะรถยนต์ บางรายการ นั้น เป็นเบาะสำเร็จรูป บางรายการแค่มาประกอบกันก็ได้เป็นเบาะนั่งสำเร็จรูป และเมื่อนำเบาะนั่งภายในรถยนต์ดังกล่าวมาคำนวณ Local Contents ตามประกาศกรมศุลกากรที่ 76 /2547 แแล้ว ปรากฏว่า รายการวัตถุดิบ (ของเบาะนั่งภายในรถยนต์) ดังกล่าว ขาดคุณสมบัติที่จะได้รับสิทธิทางภาษีเพราะ Local contents ไม่ถึง 40 % จึงไม่เป็นวัตถุดิบผลิตภายในประเทศที่ได้แหล่งกำเนิดสินค้าในประเทศผู้ส่งออก
2 บริษัท ก กล่าวอ้างว่า บริษัทฯ สามารถนำเบาะมาคำนวณเป็นต้นทุนวัตถุดิบภายในประเทศได้ เพราะบริษัทฯได้สั่งซื้อวัตถุดิบจาก บริษัท ข (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำมาผลิตเป็นเบาะนั่งภายในรถยนต์ ซึ่งเป็น บริษัทฯ ประกอบการในประเทศไทยและประกอบการโดยได้รับอนุญาตจากสภาอุตสาหกรรมเบาะฯจึงได้ถิ่นกำเนิดสินค้า ตามกฎข้อที่ 3 ก (2) ตามความตกลง CEPT AFTA ก็เท่ากับเป็นวัตถุดิบภายในประเทศ บริษัท กฯ จึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ถิ่นกำเนิดสินค้าอีก บริษัทสามารถนำเบาะมาคำนวณเป็นต้นทุนวัตถุดิบภายในประเทศได้ กรมศุลกากรปฏิบัติไม่ถูกต้องตามความตกลง CEPT AFTA และหลักการคำนวณตามข้อ 1.4.2 ในประกาศ กรมฯที่ 76/2547 อีกทั้งการได้ถิ่นกำเนิดในวัตถุดิบดังกล่าว ก็มีแนวประชุมร่วมกัน มีหนังสือหารือกรมการค้าต่างประเทศ ว่า เมื่อมีใบอนุญาตก็ไม่ต้องพิสูจน์ถิ่นกำเนิดอีก นอกจากนี้ ข้อ17 OCP ก็กำหนดให้ส่งใบเสร็จ ส่งรายการวัตถุดิบ ตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งบริษัทก็ได้ดำเนินการตามข้อ 17 OCP แล้ว
4 ประเด็นข้อกฎหมายที่เป็นข้อพิพาทระหว่างกรมศุลกากรกับบริษัทก
1 ข้อ 3 ก [6] (2) กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้อัตราภาษีศุลกากรพิเศษที่เท่ากันของอาเซียน Agreement on Common Effective Preferential Tariff – CEPT) กำหนดว่า
RULE 3 Not Wholly Produced or Obtained
สินค้าที่ผลิตขึ้นหรือได้จากในประเทศสมาชิกผู้ส่งออกโดยมิได้ใช้วัตถุดิบของประเทศนั้นทั้งหมด
(ii) Locally-procured materials produced by established licensed manufacturers, in compliance with domestic regulations, will be deemed to have fulfilled the CEPT origin requirement; locally-procured materials from other sources will be subjected to the CEPT origin test for the purpose of origin determination.
วัตถุดิบที่หาได้จากในประเทศ ซึ่งผลิตโดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตตามกฎระเบียบภายในประเทศ จะถือว่าได้ถิ่นกำเนิดตามข้อกำหนดถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน ส่วนวัตถุดิบที่หาได้จากในประเทศที่ได้มาจากแหล่งอื่น ๆ จะต้องผ่านการพิสูจน์ถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้เงื่อนไขถิ่นกำเนิดของสินค้าที่มีสิทธิได้รับสิทธิพิเศษฯภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอันตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (ดูได้จากเอกสารแนบ 1 หน้า 11) [7]
เมื่อพิจารณาจากตัวบทแล้ว ย่อมเห็นได้ว่า
สินค้าที่ผลิตขึ้นหรือได้จากในประเทศสมาชิกผู้ส่งออก โดยมิได้ใช้วัตถุดิบของประเทศนั้นทั้งหมด ทั้งนี้สินค้านั้นจะมีคุณสมบัติได้รับสิทธิพิเศษฯ ภายใต้กฎข้อ 3 ก 2 นั้น การจะได้แหล่งกำเนิดสินค้าหรือไม่นั้น ต้องแยกพิจารณาออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
(1) กรณีการได้แหล่งกำเนิดสินค้าของวัตถุดิบที่จัดหาได้จากพื้นที่
(2) กรณีการได้แหล่งกำเนิดสินค้าของตัววัตถุดิบที่ได้มาจากแหล่งอื่น ๆ
ทั้งนี้สองเงื่อนไขดังกล่าว มีหลักการพิจารณาของแต่ละเงื่อนไขดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 หลักการได้แหล่งกำเนิดสินค้าของวัตถุดิบที่จัดหาได้จากพื้นที่
การพิจารณาว่าวัตถุดิบที่จัดหาได้ในพื้นที่จะได้แหล่งกำเนิดสินค้าอาเซียนหรือไม่นั้นต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
(1) ต้องเป็นวัตถุดิบที่หาได้จากในประเทศ(Locally-procured materials produced)
(2) วัตถุดิบตาม (1) นั้น ต้องผลิตโดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต (produced by established licensed manufacturers)
(3) ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตตาม (2) นั้น ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบภายในประเทศ (in compliance with domestic regulations)
**** หากองค์ประกอบครบ ตาม (1 ) (2) และ 3 ย่อมถือว่าวัตถุดิบที่จัดหาได้ในพื้นที่ได้แหล่งกำเนิดสินค้า ****
กรณีที่ 2 หลักการได้แหล่งกำเนิดสินค้าของวัตถุดิบที่หาได้จากแหล่งอื่น ๆการพิจารณาว่าวัตถุดิบที่จัดหาได้จากแหล่งอื่นจะได้แหล่งกำเนิดสินค้าอาเซียนหรือไม่นั้นต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
(1) เป็นวัตถุดิบที่หาได้จากแหล่งอื่นๆ
(2) จะต้องผ่านการพิสูจน์ถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้เงื่อนไขถิ่นกำเนิดสินค้าที่มีสิทธิได้รับสิทธิพิเศษฯภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอันตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน CEPT-AFTA ROO
(3) พิสูจน์ตาม (2) นั้น คือพิสูจน์คุณสมบัติของสินค้าส่งออกที่จะได้รับสิทธิลดภาษี CEPT
(4) [8]คุณสมบัติของสินค้าส่งออกที่จะได้รับสิทธิลดภาษี CEPT มีดังนี้
(ก)เป็นสินค้าที่อยู่ในบัญชีรายการลดภาษีของประเทศสมาชิกอาเซียนผู้นำเข้า (ไม่จำเป็นต้องเป็นรายการเดียวกันในทุกประเทศสมาชิกอาเซียน)
(ข) มีคุณสมบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้า คือ จะต้องมีสัดส่วนของวัตถุดิบและต้นทุนในประเทศสมาชิก ( ASEAN Content ) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 เทียบกับราคา FOB ของสินค้าส่งออก
(ค) จะต้องใช้หลักเกณฑ์การขนส่งโดยตรงภายใต้ข้อตกลง CEPT
(ง) มีหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า แบบ D (Form D) ที่กรมการค้าต่างประเทศออกให้ไปแสดงต่อศุลกากรของประเทศอาเซียนผู้นำเข้า
***อนึ่ง หากนำมาผลิตก็ต้องพิสูจน์อีกว่าผลิตอย่างง่ายหรืออย่างยาก***
ข้อสรุป เมื่อพิจารณาจากตัวบทเบื้องต้นแล้วย่อมสรุปได้ดังนี้
การได้แหล่งกำเนิดสินค้า ตาม ข้อ 3 ก 2 นั้น แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
1 หากเป็นวัตถุดิบที่หาได้จากในประเทศ และผลิตโดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาต ตามกฎระเบียบภายใน ย่อมถือว่าตัววัตถุดิบนั้นได้แหล่งกำเนิดสินค้าแล้ว
2 หากเป็นวัตถุดิบที่จัดหาได้จากแหล่งอื่นจะต้องผ่านการพิสูจน์ถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้เงื่อนไขกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าตามความตกลง CEPT-AFTA ROO
[1] นิติศาสตร์มหาบัณฑิต สาขากฎหมายระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
[2] รศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล กฎแหล่งกำเนิดสินค้า (ตอนที่ 1) บทความจากกรมการค้าต่างประเทศจากหนังสือ ซีรีย์เขตการค้าเสรี ของ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
[3] ที่มา: เอกสารประกอบการสัมมนาเรื่อง “แหลงกําเนิดสินคาแบบสะสมของอาเซียน”สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง 23 พฤศจิกายน 2547 www.FTAMonitoring.org
[4] สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการเป็นภาคีอาฟต้า ดร นิลสุวรรณ ลีลารัศมี เอกสารหมายเลข 2.5 หน้า 5
[5] เรื่องเดียวกัน ดร นิลสุวรรณ ลีลารัศมี เอกสารหมายเลข 2.5 หน้า 3
[6] กฎข้อ 3สินค้าที่ผลิตขึ้นหรือได้จากในประเทศสมาชิกผู้ส่งออก โดยมิได้ใช้วัตถุดิบของประเทศนั้นทั้งหมด
(ก) (1) สินค้าจะถือว่ามีแหล่งกำเนิดจากประเทศสมาชิกอาเซียน ถ้าหากว่าสินค้านั้นมีสัดส่วนของวัตถุ ดิบที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศสมาชิกอย่างน้อยร้อยละ 40
(2) วัตถุดิบที่ผลิตในประเทศโดยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจะได้แหล่งกำเนิดสินค้า ขณะที่วัตถุดิบที่หาได้จากแหล่งอื่นจะต้องผ่านการตรวจสอบตามกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ CEPT
(3) ภายใต้บังคับของความในอนุวรรค (1) ข้าต้น เพื่อวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติให้เกิดผลตาม บัญญัติในกฎข้อ 1(ข) สินค้าที่ผ่านการแปรสภาพและขั้นตอนการผลิตอันเป็นผลให้มูลค่ารวม ของวัตถุดิบ ชิ้นส่วนหรือผลิตผลที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศนอกภาคีอาเซียนจากแหล่งกำเนิด ที่ไม่ปรากฏแน่ชัดที่นำมาใช้ในการผลิตสินค้าจะต้องไม่เกินร้อยละ 60 ของมูลค่า เอฟ.โอ.บี ของสินค้านั้น และการแปรสภาพการผลิตขั้นสุดท้ายต้องกระทำในอาณาเขตของประเทศ สมาชิกผู้ส่งออกเป็นคำแปลจาก Intranet กรมศุลกากร
[7] คัดลอกมาจากเอกสารแนบ 1 หน้า 11 ใน 6 เป็นเอกสารที่ประกอบด้วยตาราง 2 ช่อง อันได้แก่ช่องด้านที่เป็นภาษาอังกฤษ ชื่อคอลัมน์ ว่า “Rules of Origin for the agreement on the Common Effective Preferential Tariff scheme for the ASEAN FREE TRADE AREA (CEPT –AFTA ROO)” และช่องที่เป็นภาษาไทย ชื่อคอลัมน์ ว่า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการใช้มาตรการกำหนดอัตราอากรร่วมเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน (CEPT –AFTA ROO)” โดยเป็นเอกสารที่ผู้เขียนได้รับความเมตตามาจาก คุณ ธนพงษ์ ธนะโสภณ ที่กรุณาให้ผู้เขียนใช้ประกอบเป็นข้อมูลศึกษาเชิงวิชาการและเก็บไว้เป็นข้อมูลต่อยอดการศึกษากฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าเพราะผู้ศึกษาสนใจเรื่องดังกล่าว ผู้เขียนต้องขอขอบพระคุณพี่โอ๋เป็นอย่างมากทั้งที่เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่คุณธนพงษ์เองก็ได้รับความเมตตามาจากคุณสมบูรณ์พงศ์ พุกกะเวส เช่นกัน
[8]กล่าวอ้างแล้ว ในหน้าที่ เรื่องเดียวกัน ดร นิลสุวรรณ ลีลารัศมี เอกสารหมายเลข 2.5 หน้า 3
ไม่มีความเห็น