ขายบริการให้เป็นน่ะ..เค้าทำอย่างไร

ช่างทำเบาะ “เบาะตัวนี้ขาดมากเลย ถ้าต้องการซ่อมให้ดี สวย ใช้งานได้ เรามีต้องเปลี่ยนตรงที่ขาดและเย็บใหม่ อันนี้ผมคิด 500 บาท ครับ “

เราในฐานะเจ้าของรถ ซึ่งกำลังเดือดร้อนเพราะเบาะใช้งานได้ไม่ดี อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความจำเป็น เมื่อมีความต้องการ(จำเป็น) หากต้องการแก้ไข เจ้าของรถมีทางเลือกดังต่อไปนี้

คุณต้องทำอย่างนี้และคุณจะได้อย่างนี้ หากคุณทำได้ไม่ถึงคุณจะได้อย่างที่สอง คุณไม่ทำความต้องการของคุณก็จะไม่ได้รับการตอบสนอง

เจ้าของรถต้องช่างน้ำหนัก... ช่างทำเบาะก็ต้องรอให้เจ้าของรถผ่านขั้นตอนจากปกติธรรมดา (มีก็ได้ไม่มีก็ได้) มาเป็นขั้นตอนอยากมี ถ้าจะให้ดีต้องพัฒนามาจนถึงขั้นจำเป็นต้องมี ...

และจากการเจรจาไป คนทำเบาะเค้าก็จะสังเกตได้ถึงความต้องการ และก็จะค่อยๆ นำเสนอ บริการของเขา โดยนำเสนอออกมาเป็นชิ้น เช่น ส่วนตรงแผงประตูนี่ถ้าใช้หนังธรรมดา ราคา 1000 บาท แต่ถ้าเป็นหนังอย่างดี 1600 บาท นะครับ

ส่วนเบาะนั่งนี่ก็มี 2 แบบ คือ แบบหุ้มหนัง แบบนี้จะดูหรู ทำความสะอาดง่ายครับ ราคา 1200 และอีกแบบก็เป็นแบบกำมะหยี่แบบนี้นั่งนาน ไม่ร้อนเหมือนแบบหุ้มหนังครับ เปื้อนง่ายหน่อย ราคา 1600 บาทครับ

ส่วนพื้นก็มี 2 อย่างเหมือนกัน ถ้าบุด้วยหนังคิด 1000 บาทครับ ถ้าเป็นพรมก็ 4500 บาท..

ก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อย เราเองก็ได้แต่รับฟัง แต่สิทธิ์ในการเลือกก็ยังเป็นของเราอยู่ ลูกค้าก็สบายใจตรงนี้แหละ

เมื่อได้ราคารวม ลูกค้าก็จะเริ่มที่ตัดสินใจได้ว่าไหวไม่ไหวน่าทำหรือไม่อย่างไร

และเจ้าของรถก็เริ่มต่อรอง ส่วนใหญ่ต่อรองไม่เก่ง บอกมา 9300 ต่อเค้าแค่ 9000

ซึ่งมันได้อยู่แล้ว พอเราต่อรองเค้าก็มีเทคนิคโต้นะ ของผมอย่างดีเลยครับ มาแพง.. เพื่อบอกกับเราว่าไม่ได้บอกผ่าน (ตรงนี้ต้องพัฒนาการต่อสินค้าสำหรับเจ้าของรถ)

ส่วนใหญ่พอการเจรจาเดินมาถึงตรงนี้แล้ว ลูกค้าก็พร้อมสำหรับการควักกระเป๋าจ่ายแล้วล่ะ คนทำเบาะพูดดีๆ ประคับประคองดีๆ เจ้าของรถก็เสียเงินแน่นอน

จากนั้นเค้าก็ดำเนินการต่อว่า ทิ้งรถไว้นี่เลยดีมั้ยครับ จะได้เร่งให้เลยครับ ดูเหมือนดีนะกับเจ้าของรถ แต่จริงๆ ช่างเบาะเค้าล๊อกลูกค้านั่นเอง และก็อาสาพาเราไปส่งและขอเงินมัดจำ 5000 บาท ข้ออ้างก็ผมจะได้เอาไปสั่งของ...

จากการสังเกต นี่แหละลายครามจริงๆ เลย..

ขายของให้เป็นน่ะ..เค้าทำอย่างไร

[สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ]

นักการขาย ให้ทางเลือกแก่ลูกค้า เพื่อแสดงว่ามีความจริงใจ แต่พอแสดงได้ใจแล้ว ส่วนมากก็จะเชียร์ขายอะไรก็ง่ายขึ้น เมื่อได้ใจลูกค้าแล้ว

-และวิธีการขายเบาะนี่ก็คงใช้หลักจิตวิทยา เหมือนที่พี่สุขายประกันชีวิตเขาแหละคะ  ต้องหาความจำเป็น และความต้องการ ของลูกค้ามากล่าว มากล่อม จนได้ขายจนได้คะ

-คนขายเบาะนี่เก่งนะคะ ตะล่อมทุกวิถีทาง

- กว่าเขาจะประสบความสำเร็จขายได้เก่ง เขาก็ผ่านความผิดหวัง หรือพลาดไม่ได้ขาย แล้วกลับมานั่งทบทวน ว่าไม่ได้ขายเพราะอะไร แล้วนำไปแก้ไข ในการขายครั้งต่อไปคะ สำหรับขายประกันพี่สุ บางวันไม่ได้ขาย บางวันฟลุ๊ก ขายได้เกือบทุกรายในวันนั้น

-แต่ถึงแม้จะได้ขายหรือไม่ได้ขาย ก็ใจชินชาไปแล้วคะ มุ่งมั่นทุกวันเหมือนเดิม

-น้องเพชรหายไปไหนคะ นานเชียวนะ พี่สุก็ไม่ว่างเลยคะ ห่างๆไปเหมือนกัน

-คิดถึงเสมอนะคะ ทุกวันนี้พี่สุฝึกลดภาพ เปลี่ยนแปลงภาพที่น้องเคยแนะนำไว้เป็นแล้วคะ เพี่ยงแต่ไม่มีเวลามาฝึกมากนักคะ

-ขอบคุณนะคะที่ยังคิดถึงพี่สุ แล้วก็เข้าไปทักทายกัน ขอบคุณจริงๆที่คิดถึงพี่

-ปีใหม่ผ่านไปแล้วหลายวัน ก็ขออวยพรให้น้องและครอบครัว จงได้รับแต่ความสุข ความเจริญ คิดสิ่งใด้ก็ขอให้สมหวังดั่งที่ปรารถนาคะ ให้สุขภาพแข็งแรง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองนะคะ พี่สุไปหละคะ

[น้องซิลเวีย]

สวัสดีค่ะอาจารย์

• มาเรียนรู้เทคนิคของคนให้บริการค่ะ..ว่าเขาทำกันอย่างไรบ้าง
• เพราะปกติเป็นแต่ผู้รับบริการ (ที่อ่อนโลก) และคิดตามเทคนิกดังกล่าวไม่ค่อยทัน..โอกาสเสียเงินก็สูงเสมอค่ะ
• ขอบคุณค่ะ