เรื่องเล่าของนายบอยตอน3 (TheDarkEye)


เกด

          คุณผู้อ่านทุกท่านครับ ผมขอบคุณกับไมตรีงามๆที่กรุณาอ่านเรื่องของผมและทุกท่านที่ส่งข้อความมาให้นะครับ ปกติแล้วผมจะเป็นคนไม่สนใจไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น คือชีวิตผมมันผ่านมันพบความเต็มตื้นกับการถูกทำร้ายหัวใจอย่างสาหัสสากรรจ์ในปริมาณที่เท่าๆกัน ผมเลยกลายเป็นคนหัวใจเมาๆด้านๆไป แต่คุณผู้อ่านทุกท่านครับ ทุกข้อความที่ผมได้รับ ผมบอกอย่างไม่อายเลยนะครับว่าผมซึ้งและภูมิใจที่สุดในชีวิตเลยครับ อ่านเรื่องผมกันต่อนะครับ

          ชีวิตผมนี่มีเพื่อนผู้ชายนับได้ไม่เกินสิบคน ผมไม่ชอบผู้ชายที่สุมหัวกันวิจารณ์ผู้หญิงซึ่งก็เรื่องสรีระของเธอ เหี้ยไปกว่านั้นก็ลามปามล่วงเกินไปไกล ซึ่งไอ้พวกผู้ชายน่าสะอิดสะเอียนพวกนี้มีโคตรเยอะเลย ผมคบกับผู้หญิงดีกว่าอ่อนโยน ละมุน มีน้าใจ ใช่ไม๊ครับ

          วันนั้นผมกับเมย์ที่ทำงานอยู่ด้วยกันจอดรถเพื่อจะซื้อน้ำดื่มกันที่ร้านสะดวกซื้อ ผมเป็นคนลงไปซื้อ ผมไม่ได้เป็นคนขับรถ ผมขับรถไม่เป็นผมภูมิใจมากนะครับเรื่องนี้ ผมโอ่อวดทุกคนว่าผมขับรถไม่เป็น คนขับรถไม่เป็นสำหรับผมเป็นคนมีบุญครับ ผมเดินหิ้วน้ำสองขวดขึ้นรถเปิดฝาเสียบหลอดแล้วส่งให้เมย์ แต่ผมต้องตาเหลือกเลยครับ ผมขึ้นผมผิดคัน

          “ขอโทษครับผม ขึ้นผิดคัน” โอ้โหน่ารักโคตร ตาโต ผมม้า ตามสูตร จมูกรั้นนิดๆ

          “กำลังหิวน้ำ” เธอพูดทั้งๆที่กำลังดูดน้ำอยู่ ทำได้ไงแฮะ

          “ขอโทษอีกครั้งครับผม” ผมใช้เสียงสุภาพสุดชีวิต เพราะถ้าอยู่ๆคุณผู้หญิงโดนผู้ชายโกนหัวติดตุ้มหู หน้าตาโหดๆแต่งตัวแปลกๆ เข้าไปนั่งในรถด้วย น่ากลัวนะครับ ผมเปิดประตูรถแล้วก็ “โครม” ครับไอ้คุณมอเตอร์ไซค์มาจอดรถตอนไหนก็ไม่ทราบประตูรถยุบตามรอยแฮนด์มอเตอร์ไซค์ รถสมัยนี้มันใช้สังกะสีทำกันรึไงนะ คนแถวนั้นชะโงกหน้ามาดูแล้วก็ไม่สนใจ เมย์นั่งดูอยู่ที่รถแล้วก็ไม่สนใจ เธอยังคงคาบหลอดยืนดูอย่างไม่สนใจ สงสัยจะมีผมสนใจอยู่คนเดียวมั้งเนี้ยะ

          “รับผิดชอบครับ”

          “รับผิดชอบเหรอ” ผมสังเกตเห็นแววขี้เล่นของเธอ

          “งั้นนั่งรถไปด้วยกัน ไปอธิบายให้แฟนชั้นฟัง” ผมเดินไปบอกเมย์ แล้วเดินกลับมาที่รถ เธออยู่ในรถแล้ว

          “แฟนไม่ว่าอะไรเหรอ” นัยน์ตาเธอขี้เล่นจริงๆ

          “เธอบอกเลิกผมเมื่อกี้แล้วครับ” ผมประชดตัวเอง เธอหัวเราะคิกบอกสมน้ำหน้า แล้วก็ออกรถ แต่รถวิ่งออกมาได้หน่อยเดียวเธอก็จอดรถผมมองหน้าเธอ

          “กลัว ไม่กล้าบอกแฟน เค้าตัวใหญ่ใจร้อน ไม่มีเหตุผล” ผมรีบเงยหน้าหัวเราะก่อนที่ร้องไห้ มันอะไรกันโว้ย

          “แล้วไงครับ ผมต้องฆ่าปิดปากคุณก่อนแฟนคุณจะกระทืบผมรึไงครับ” ผมจงใจประชดเธอเธอออกรถทันที ระหว่างทางผมนิ่งคิด ไม่ใช่เรื่องรถ แต่ผมกำลังคิดว่า ผมกับเธอกำลังถูกอะไรที่มองไม่เห็น จูงให้เรามาพบกันรึเปล่า แต่เพื่ออะไรและทำไม

          “ทานข้าวกัน คุณเลี้ยง” เธอบอกขณะเลี้ยวรถเจ้าห้าง

          “ครับ” ผมรับคำสั้นๆอะไรจะเกิดก็เกิดเถอะ ผมยอมรับโชคชะตาตัวเองเสมอ

          “นัดแฟนมาที่นี่เหรอครับ” เธอเลือกร้านอาหารญี่ปุ่น อาหารที่ไม่ถูกปากผมเลย

          “ไม่มีแฟน” เธอบอกหน้าตาเฉย โว๊ยอะไรกันเนี้ยะ ผมตระโกนในใจ

          “แล้วรถล่ะครับ จะให้ผมทำอย่างไร”

          “ไว้อย่างนั้นแหละค่ะ มีประกัน” ผมนี่คุ้นชินมากนะครับ ผมรู้ตัวดีว่า ผมเป็นคนยังไง ผมฝึกฝนบังคับ สั่งตัวเองเสมอมาให้คิดและปฏิบัติกับคุณผู้หญิงทุกคน อย่างอ่อนโยน สุภาพ และจริงใจ และนี่ถ้าจะเป็นคุณผู้หญิงอีกคนที่สัมผัสได้ถึงความเป็นตัวตนของผม ผมก็ยินดีและดีใจ

          “ขอโทษเถอะครับ ง่ายๆอย่างนี้เหรอครับ”

          “อ่านดวงในคู่สร้างคู่สม ดวงบอกว่าจะเจอเนื้อคู่เป็นผู้ชายนิสัยดี” ผมเงยหน้าหัวเราะอย่างไม่สนใจโลกใบนี้ เออนะ มันง่ายอย่างที่ผมถามจริงๆแหละ อ่านกันนะครับดวงในคู่สร้างคู่สม น้องผู้หญิงทุกคนของผมยืนยันว่าแม่น แต่ผมชอบคุณดำรงตอบจดหมาย คุณดำรงตอบจดหมายเท่ห์โคตร ชอบ

          “ทานพอรองท้องเถอะครับ เดี๋ยวจะพาไปทานข้าวไข่เจียวอร่อยที่สุดในโลก

          “ที่ไหน”

          “หลังกระทรวงครับ” ชีวิตผมป้วนเปี้ยนอยู่แค่นี้แหละครับ ไม่หลังกระทรวงก็เทเวศน์ผมให้เธอจอดรถไว้ที่เซ็นทรัลปิ่นเหล้าแล้วพาเธอขึ้นรถเมล์

          “ข้าวไข่เจียวสองกล่อง ธรรมดา” คือข้าวใส่ฝาโฟม 2 ฝาและไข่เจียวโฟมละหนึ่งใบผมโปรดปรานรถเข็นข้าวไข่เจียวเจ้านี้มาก คือเธอผู้ขายจะยืนยิ้มตลอดเวลาไม่มีลูกค้าก็ยิ้มเจียวไข่ในกระทะก็ยิ้ม ถามตัวเองสิครับว่าเราจะมีโอกาสพบคนที่เจียวไข่ให้เราทานด้วยรอยยิ้มสักกี่ครั้งกัน ที่หลังกระทรวงนี่พี่น้องสินเจริญก็เคยแนะนำไว้ในรายการวิทยุของพวกเขา พี่น้องสินเจริญคือผู้ชายที่ผมต้องการเป็นเพื่อนด้วยครับ

          “ว้าย” เธอทำกล่องโฟมข้าวไข่เจียวหลุดมือข้าวกับไข่เจียวเหลือละครึ่ง ส่วนผมหมดแล้ว

          “ไม่เป็นไร” ผมกับแม่ค้าพูดพร้อมกัน

          “ขอโทษจริงๆค่ะ” เธอกอดแขนแม่ค้าใบหน้าเธอตกใจและเสียใจกับข้าวไข่เจียวราคาสิบบาทมากกว่ารอยบุบบนรถราคาเฉียดล้านของเธอ

          “น่ารักจังนะหนู” ปกติแม่ค้าคนนี้ก็ยิ้มอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วแต่คราวนี้ยิ้มกว้างเชียวต่อจากนั้นผมก็พาเธอเดินดูของที่ขายอยู่หลังกระทรวงเธอดู ตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจจนผมสงสัย

          “นี่คุณดีใจอะไรนักเหรอครับ” ผมมองถุงที่ใส่ภาพเด็กชายหญิงสามคนวิ่งเล่นโดยมีผู้ใหญ่ใจดีสองคนยืนมองอยู่ในกรอบไม้เก่าๆเธอกอดไว้แนบอกอย่างหวงแหน

          “เกิดมาก็เห็นภาพนี้แล้ว แขวนอยู่ที่บ้าน พอย้ายบ้านก็หายไป ไม่นึกว่าจะเจอขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ” เธอกอดแขนผมอย่างสนิท

          “ขอบคุณผมทำไมครับ ขอบคุณคนขายสิครับ” ผมกวนเธอเล่นอย่างนั้นแหละไม่อยากฉวยโอกาสทั้งๆที่โอกาสรออยู่แล้ว

          “ภาพนี้มีความหมายกับเกดมากค่ะมันทำให้นึกถึงครอบครัว” ผมบีบมือของเกดที่กอดแขนผม และขอยืนยันว่าไม่ใช่การฉวยโอกาส

          “กลับเถอะครับ ผมจะไปส่งที่ห้าง เย็นนี้ผมมีงาน” ผมโกหกอย่างบริสุทธิ์ใจตอนนี้ใกล้หกโมงเย็นแล้ว ก็อีกนั่นแหละผมไม่อยากฉวยโอกาสกับเธอ ผมนี่ช่างเป็นคนดีจริงๆ ผมนึกชมตัวเอง

          ผมกับเกดเจอกันอาทิตย์ละครั้ง ให้เกดจอดรถไว้ที่ห้าง พานั่งรถเมล์บ้างเดินบ้างไปโน่นไปนี่ ผมสรุปกับตัวเองว่าสิ่งที่มองไม่เห็นที่จูงผมกับเกดให้มาเจอกันคงต้องการให้ผมดึงชีวิตเกดให้ช้าลง ชีวิตคนเราสมัยนี้มันเร็วเสียจนเราตั้งตัวไม่ทันชีวิตสมัยนี้มันสำเร็จรูปซะจนน่าตกใจ แต่ถ้ามีใครสักคนอยู่เคียงข้างเรา ต่างกุมอุ้งมือไว้ในกำมือของกัน เอาใจสองดวงของเรามาเบียดชิด แล้วเอาเชือกแห่งความรักผูกพัน ที่จริงใจ ซื่อตรง ผูกมัดไว้ รับรองเลยครับต่อให้อากาศร้อนแทบละลาย หรือว่าหนาวจับขั้วหัวใจ เราจะเดินผ่านมันไปด้วยความอุ่นละมุนแบบที่คนทั้งโลกจะต้องอิจฉาคุณเลยแหละเชื่อผมเถอะครับ เพราะผมกำลังรู้สึกเช่นนั้นอยู่...................................................อิจฉาล่ะสิ!

         

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 326069เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2010 12:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม 2012 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท