อันนี้..ทำให้นึกถึงเพลงของเอ็นโดฟินทันที (เอ๋..เกี่ยวกันเปล่าหว่า) ในเพลงเขาเปรียบเทียบผู้ชายคนนึงซึ่งเหมือนแก้วที่มีน้ำอยู่เต็ม การที่เราจะเติมน้ำลงไปอีกมันก็ล้นและหก มันก็ไม่มีความหมายอะไรในการจะใส่อะไรลงไปเพิ่มเพราะเขาไม่มีพื้นที่จะรับอะไรใหม่ๆ อีกแล้ว
จากการประชุมเตรียมงานสำหรับโครงการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสถานะบุคคลในพื้นที่
Tsunami ในช่วงเวลา 3 วันที่ผ่านมา ทำให้เราได้เรียนรู้หลายๆ
อย่าง
อย่างแรกก็คือ..ความเครียดเวลานั่งประชุม..
จะมีใครเชื่อไหมนะถ้าจะบอกว่า..ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยนั่งคุยกับใครในเรื่องเดียวกัน
โดยใช้ระยะเวลานานขนาดนี้มาก่อน..
แต่สุดท้ายผลออกมาดีก็คุ้มค่าความเหนื่อย
กลับกลายเป็นความโล่งใจสบายใจไปโดยปริยาย..เฮ้อ!!
อย่างที่สองก็คือ..การเลือกที่จะเป็นแก้วเปล่าหรือแก้วที่มีน้ำอยู่เต็ม..
อันนี้..ทำให้นึกถึงเพลงของเอ็นโดฟินทันที
(เอ๋..เกี่ยวกันเปล่าหว่า)
ในเพลงเขาเปรียบเทียบผู้ชายคนนึงซึ่งเหมือนแก้วที่มีน้ำอยู่เต็ม
การที่เราจะเติมน้ำลงไปอีกมันก็ล้นและหก
มันก็ไม่มีความหมายอะไรในการจะใส่อะไรลงไปเพิ่มเพราะเขาไม่มีพื้นที่จะรับอะไรใหม่ๆ
อีกแล้ว
เราเข้าใจ (เอง)
ว่า..มันเกี่ยวกันตรงที่..หากเมื่อใดก็ตามที่เราต้องการแสวงหาความรู้อะไรใหม่ๆ
เราก็ต้องพยายามปล่อยวางแนวคิดเดิมๆ ที่มีอยู่ และยอมรับสิ่งใหม่ๆ
ที่มีมาให้เห็นอยู่ตรงหน้า
ของเก่าที่เคยดีอยู่แล้วก็อาจจะดีแค่ในสถานการณ์เก่าๆ
เพราะโลกเรามันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดนี่เนอะ
ถ้าเราพยายามตัวให้เหมือนแก้วเปล่า..เราก็คงจะสามารถรับอะไรใส่หัวมาได้อีกเยอะ
มีบางคนเคยบอกเราตอนที่เราชอบเถียงว่า.."บางครั้งแกล้งทำเป็นโง่บ้างก็ไม่มีใครว่าโง่หรอกนะ!!"
ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า..ก็จริงแฮะ
คำว่า "แก้วเปล่า" ไม่หมายความว่า
เจ้าของแก้วไม่มีน้ำอยู่เลยในความครอบครอง
เจ้าของแก้วอาจจะได้เทน้ำในแก้วไว้ในโถหรือหม้อเพื่อ "สะสม"
เอาไว้แล้วก็ได้ แล้วจึงเอา "แก้วเปล่า" มารอง "น้ำใหม่"
"น้ำเก่า" ก็อาจเป็นความรู้เรื่องเก่า
ที่อาจต้องรอเวลาในสถานการณ์ที่เหมาะสม ก็อาจจะปัดฝุ่นเอามาใช้ได้อีก
คำว่า "เก่า (old)" ก็อาจจะกลายเป็น "ลายคราม (classic)"
ดังนั้น อย่าลืมสะสมเรื่องเก่าๆ ในขณะเปิดรับสิ่งใหม่
บทเรียนแรกๆ ในโครงการสึนามิ ดูจะเป็นบทเรียนในเรื่องหัวใจ
ความรู้สึกกันนะ เดี๋ยวหมอโฮจุน เดี๋ยวพิซซ่า เดี๋ยวแก้วน้ำ
แล้วจะมีอะไรมาสร้าง theory of feeling กันอีกไหม ?
คำว่า "แก้วเปล่า" ไม่หมายความว่า
เจ้าของแก้วไม่มีน้ำอยู่เลยในความครอบครอง
เจ้าของแก้วอาจจะได้เทน้ำในแก้วไว้ในโถหรือหม้อเพื่อ "สะสม"
เอาไว้แล้วก็ได้ แล้วจึงเอา "แก้วเปล่า" มารอง "น้ำใหม่"
"น้ำเก่า" ก็อาจเป็นความรู้เรื่องเก่า
ที่อาจต้องรอเวลาในสถานการณ์ที่เหมาะสม ก็อาจจะปัดฝุ่นเอามาใช้ได้อีก
คำว่า "เก่า (old)" ก็อาจจะกลายเป็น "ลายคราม (classic)"
ดังนั้น อย่าลืมสะสมเรื่องเก่าๆ ในขณะเปิดรับสิ่งใหม่
บทเรียนแรกๆ ในโครงการสึนามิ ดูจะเป็นบทเรียนในเรื่องหัวใจ
ความรู้สึกกันนะ เดี๋ยวหมอโฮจุน เดี๋ยวพิซซ่า เดี๋ยวแก้วน้ำ
แล้วจะมีอะไรมาสร้าง theory of feeling กันอีกไหม ?