ครูไทยพันธุ์ใหม่ในยุคปฏิรูป


"แสงเรืองๆ ที่ส่องประเทืองอยู่ทั่วเมืองไทย คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่ ทั่วเมืองไทยในแดนแหลมทอง"

          "แสงเรืองๆ ที่ส่องประเทืองอยู่ทั่วเมืองไทย คือแม่พิมพ์อันน้อยใหญ่ ทั่วเมืองไทยในแดนแหลมทอง" แว่วเสียงเพลงรำสึกถึงคุณครูดังขึ้น ทำให้หวนระลึกถึงพระคุณของครูที่เคยอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ในวัยเด็กจนกระทั่งถึงปัจจุบัน วิถีชีวิตของครูไทยได้ผ่านยุค ผ่านสมัยมายาวนาน ในอดีตครูคือบุคคลที่เป็นผู้นำของสังคมที่ได้รับเคารพอย่างสูง ประเพณีวัฒนธรรมไทยได้แสดงความเคารพในคุณครู โดยจัดให้มีกิจกรรมการไหว้ครูก่อนจะเริ่มลงมือทำสิ่งในต่างๆ ในอดีตเราจะเคารพยำเกรงในคุณครูยิ่งกว่าพ่อแม่ วิถีชีวิตของคนที่เป็นครูถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเรือจ้างบ้าง เป็นแสงเทียนส่องทางบ้าง เป็นแม่พิมพ์บ้าง แต่วันนี้คุณครูในยุคปฏิรูปได้เปลี่ยนบทบาท และสถานภาพทางสังคมไปหลายอย่าง ครูในอดีตที่สอนลูกศิษย์ให้เจริญก้าวหน้า วันนี้ถูกมองว่าเป็นครูที่ล้าสมัย สอนเด็กให้ท่องจำเหมือนนกแก้วนกขุนทอง สถานภาพทางสังคมของคุณครูที่ได้รับความเคารพจากชุมชนเมื่อในอดีต ได้ลดลงเพราะฐานะทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าระดับชาวบ้านทั่วไป ในขณะที่คุณครูมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น คุณครูหลายคนจึงใช้เวลาส่วนหนึ่งหมดไปกับการประกอบอาชีพเสริมเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่ทางฝ่ายบ้านเมืองเองก็เข้าสู่ยุคปฏิรูป ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ ปฏิรูปราชการ ปฏิรูปการศึกษา ฯลฯ เป็นการสู่ยุคที่เราเรียกว่าเสรีภาพ จนนำมาสู่การให้เสรีภาพเกินขอบเขต คำโบราณที่ท่านบอกว่า ครูที่ดีนั้นต้องมีวิธีการสอนที่เรียกว่า น้ำเย็น ไม้ยอ กอไผ่ วันนี้ กอไผ่ถูกหักทิ้ง ห้ามคุณครูใช้ไม้เรียวกับเด็ก ครูที่มีปัญหากับนักเรียนนักศึกษามักจะไม่ได้รับการปกป้อง พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่านด้วยความรักลูก บางครั้งก็ขาดเหตุผล มีการร้องเรียนไปยังผู้บริหาร ถ้าหากเป็นครูอัตราจ้างด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เด็กนักเรียนนักศึกษาหลายคนเป็นลูกของพ่อค้า คหบดี มีอุปการคุณแก่ทางโรงเรียนก็จะได้รับการปกป้องถึงแม้ว่าจะทำผิด เมื่อเป็นเช่นนี้คุณครูที่มีอุดมการณ์ที่อยากจะสอนลูกหลานให้เป็นคนดีแต่เมื่อต้องแลกกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน ก็ย่อมจะท้อแท้ การปฏิรูปการศึกษาจะสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบสำคัญนั้น คือ นักเรียนนักศึกษา ครู อาจารย์ หลักสูตร ระบบ กระบวนการจัดการ และสภาพแวดล้อมทางกายภาพที่เอื้ออำนวย แต่วันนี้คนที่เป็นจำเลยของสังคมคือคุณครูที่ถูกกล่าวหาว่าสอนลูกหลานไม่ได้เรื่อง ทำให้เด็กอ่านหนังสือไม่ออก ไม่มีความอดทน ฟุ้งเฟ้อ ไม่เคารพพ่อแม่ เป็นต้น แต่ใครจะเข้าใจบ้างว่าวันนี้ภาระหน้าที่ของครูนั้นต้องรับผิดชอบมากแค่ไหน คุณครูหลายๆ ท่าน ทำหน้าที่ตั้งแต่ผู้บริหาร ยันภารโรง ในโรงเรียนหลายแห่งมีครูสอนไม่เพียงพอ ในโรงเรียนหลายแห่งครูอาจต้องเสี่ยงชีวิตกับการก่อการร้าย หลักสูตรการศึกษาที่กำหนดให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง นำมาซึ่งกระบวนการการสอนที่ต้องอาศัยการเตรียมตัวเป็นอย่างยิ่ง กระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้เด็กเรียนอย่างมีความสุข ให้สอนไม่เกิน 5 ชั่วโมง ที่เหลือต้องให้เด็กได้ทำกิจกรรม คุณครูพันธุ์ใหม่จึงต้องมีสามารถที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวเสียๆ หายเกี่ยวกับคุณครูนั้นมีให้เห็นเป็นระยะๆ ยิ่งทำให้หัวใจของคนที่เป็นครูช้ำใจไปอีก คนเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อย อาชีพครู กับครูมืออาชีพ ดูจะเป็นคำที่สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นได้ คนที่มีอาชีพครูนั้นมักจะมองว่าตัวเองถูกจ้างให้มาสอน สอนเสร็จก็จบกันไม่มีความผูกพันธ์อะไร แตกต่างจากครูมืออาชีพนั้นจะทำหน้าที่ของความเป็นครูด้วยทั้งหัวใจ และจิตวิญญาณ ถึงแม้ว่าหลายคนจะเปรียบเหมือนเรือจ้าง แต่เรือจ้างลำนี้ยังคงทำหน้าที่ส่งผู้โดยสารให้ไปถึงฝั่งฝันคนแล้วคนเล่า หากว่าวันนี้เราประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งในหน้าที่การงาน การครอบครัว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งที่สำคัญนั้นเกิดจากคุณครู อย่างไรก็ตาม เมื่อยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลง สิ่งที่คุณครูในยุคปฏิรูปควรจะตระหนัก และต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง ขอยกตัวอย่างพระบรมครู คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์มีวิธีการสั่งสอนที่ได้รับการสรรเสริญจากผู้ฟัง เปรียบเสมือน หงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง ส่องประทีปในที่มืด เพื่อให้คนมีดวงตาได้เห็นแสงสว่าง โดยทรงแสดง ๔ ระดับ คือ

สันทัสสนา คือสอนให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง จากรูปธรรมไปหานามธรรม เป็นต้น

สมาทปนา ทรงมีวิธีการเชิญชวนชักชวน ให้ผู้ฟังสามารถเข้าถึงความจริงในเรื่องนั้นๆ จนเกิดภาพพจน์ขึ้นภายในจิตของผู้ฟัง

สมุตเตชนา มีการตุ้นเร่งเร้าให้คนฟังมีความอาจหาญ รื่นเริง บันเทิงใจ เกิดความเชื่อมั่นที่จะน้อมนำหลักธรรมนั้นมาประพฤติปฏิบัติ

สัมปหังสนา คนฟัง มีความเพลิดเพลิน มีความใคร่ที่จะฟังต่อไปไม่รู้สึกเบื่อ

พระพุทธองค์ทรงตรัสบอกถึงวิธีการของคนที่เป็นครูว่า

1. ควรสอนเป็นไปตามลำดับไม่ตัดลัดให้ขาดความ

2. อ้างเหตุผล ชี้แจง แนะนำให้ผู้ฟังเข้าใจ

3. ตั้งจิตปรารถนาที่จะให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟัง

 4. ไม่เห็นแก่ประโยชน์ที่ตนจะได้

5. ไม่ให้กระทบตนและผู้อื่น

หากคุณครูทุกท่านสามารถทำได้ดังนี้แล้วย่อมนำมาซึ่งความรักความศรัทธาของลูกศิษย์ทั้งหลายได้แน่นอน ขอน้อมบูชาคุณครูทุกท่านด้วยหัวใจ

หมายเลขบันทึก: 325799เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2010 09:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 00:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ชอบ น้ำเย็น ไม้ยอ กอไผ่ วันนี้ กอไผ่ถูกหักทิ้ง ห้ามคุณครูใช้ไม้เรียวกับเด็ก

น้ำเย็น ใจเย็น มีกัลยาณมิตร มีความห่วงใย

ไม่ยอ คงเป็น การเสริมแรง วินัยเชิงบวกครับ

กอไผ่ .....................................................(เป็นที่หลบเรียนเด็ก 555555)

ขอบคุณ ท่าน ผอ. ที่แวะมาเยี่ยมเยือนครับ จะพยายามสร้างสรรค์งานและสานต่ออุดมการณ์เฉกเช่นครูอาชีพเช่นดั่งท่านผอ.ครับ

ต้องการให้หลานเีรียนที่เน้นคุณธรรม จริยธรรม เน้นเป็นคนดีมากกว่าคนเก่ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท