สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓
โดย.อริยธมฺโม ภิกฺขุ
วันไหนๆ ไม่สำคัญเท่าวันนี้ เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
มะรืนนี้พรุ่งนี้ดีอย่างไร ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับวันนี้
วันสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ส่วนใหญ่ก็พากันสร้างบุญสร้างกุศลด้วยประการต่างๆ เพื่อจะสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต เนื่องในวโรกาสนี้ อันที่จริง วันเวลาไม่มีวันไหนเก่า วันไหนใหม่ มันเหมือนกันทุกวัน แต่เราก็สมมติกันขึ้นว่าเป็นวันสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการสมมติกันขึ้นมา เราก็ต้องให้เกียรติสมมติ ยอมรับสมมติ ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ประโยชน์จากสมมติให้ได้ ดังนั้น เมื่อถึงวันเช่นนี้เราก็ควรถือประโยชน์จากโอกาสนี้ โดยการสำรวจตรวจตราตนเองใน ๓ ประการ คือ
๑. ทบทวนความหลัง เป็นการปิดบัญชีงบดุลชีวิตในรอบหนึ่งปี ว่าการดำเนินชีวิตของเราในรอบปีที่ผ่านมาขาดทุนหรือได้กำไร แต่คำว่าขาดทุนหรือกำไรนี้ไม่ได้วัดกันที่เงินทอง แต่วัดกันที่คุณงามความดี วัดกันระหว่างกุศลกับอกุศล ว่าสิ่งใหนมากกว่ากัน ที่ขาดทุนเพราะสาเหตุอะไร ที่ได้กำไรเพราะอะไร แล้วนำมาวางแผนการดำเนินชีวิตในปีใหม่ต่อไปว่า จะลดการขาดทุนและเพิ่มกำไรให้มากขึ้น
๒. ระวังความผิด เมื่อเราทบทวนความหลังด้วยจิตใจที่เปิดกว้างเป็นกลางแล้ว เราจะพบข้อผิดพลาดบกพร่องในการดำเนินชีวิตของเราที่ผ่านมา ดังนั้น เราก็ควรนำความผิดพลาดนั้นมาเป็นครูสอนใจตนเองว่าอย่าให้ความผิดนั้นๆ มันเกิดขึ้นในชีวิตของเราอีก จะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนที่ผิดไปแล้วก็ขอให้ผิดไป เริ่มต้นใหม่ในวันนี้ เดี๋ยวนี้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ประเสริฐ
๓. เตือนจิตของตน ว่าเรามีอายุเพิ่มขึ้นอีกปีแล้วนะ อายุที่เราได้มาคือเวลาที่เราจะต้องสูญเสียไป ดังนั้นอย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเปล่าๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ขโณ โว มา อุปจฺจคา อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่า ๆ เวลาที่มันผ่านไปๆ เราจะต้องได้อะไรบ้าง โดยเฉพาะการเตือนจิตของตนว่าเราจะต้องทำหน้าที่ของเราให้สมบูรณ์ไม่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ในด้านใดๆ เช่น หน้าที่ของความเป็นลูก ความเป็นศิษย์ ความเป็นเพื่อน ความเป็นพลเมืองของชาติ ความเป็นศาสนิกชนของศาสนา เราต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ เมื่อเราทำหน้าที่ที่เรามีที่เราเป็นได้อย่างสมบูรณ์ เราก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม คนปฏิบัติธรรมก็คือคนที่ทำหน้าที่
ดังนั้น ในปีใหม่นี้เราทุกคนอยากจะได้พร คำว่าพรแปลว่าสิ่งที่ประเสริฐ ชีวิตผู้ใดมีความประเสริฐทางกาย วาจา ใจ ชีวิตของบุคคลนั้นได้ชื่อว่ามีพรหรือได้รับพร เนื่องในวโรกาสวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในปีนี้ จึงขอมอบพรชีวิตไว้ให้กับท่านทั้งหลายไว้ ๔ ประการ คือ
๑. ให้เพิ่มพูนความขยัน พระพุทธเจ้าตรัสว่า วิริเยนะ ทุกขมัจเจติ ผู้ใดมีความขยันผู้นั้นจะพ้นจากความทุกข์ได้ ดังนั้น จะต้องมีความขยันในการทำหน้าที่ ขยันเรียน ขยันทำงาน โดยเฉพาะคือ ขยันที่
จะขนความดีใส่ตัว ขยันขับความชั่วออกไป ขยันรักษาความดีเอาไว้ ผู้ใดขยันได้ดังนี้ชีวิตจะพ้นจากความทุกข์ยากลำบากอย่างแน่นอน
๒. ให้แข่งขันกันประหยัด โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน จะต้องรู้จักประหยัดให้มาก ใช้สอยปัจจัยสี่ทั้งหลายตามความจำเป็น ใช้ตามความพอดี ใช้จ่ายอย่างพอเพียงไม่สุรุ่ยสุร่าย เรียกว่าใช้สอยโดยคำนึงถึงคุณค่าแท้ ไม่ใช้สอยเพราะคุณค่าเทียม นอกจากเราจะประหยัดเงินทองแล้ว ต้องรู้จักประหยัดคำพูด ประหยัดเวลา ด้วย ถ้าเรามีความประหยัดเป็นคุณสมบัติประจำตัวแล้ว เศรษฐกิจเป็นอย่างไร เราจะอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนนัก
๓. ให้ฝึกหัดทำความดี เราจะต้องฝึกหัดทำความดี อย่าไปฝึกหัดทำความชั่ว เพราะความดีนั้นจะต้องอาศัยการฝึกหัด การทำบ่อยๆ จนจิตมันคุ้นเคยกับความดี เมื่อไรเราไม่ฝึกจิตมันก็ไหลไปสู่อำนาจฝ่ายต่ำคือความชั่ว ดังนั้น ความดีเล็กๆ น้อยๆ เราก็จะต้องรีบทำ พอทำบ่อยๆ จิตใจก็จะเสพคุ้นกับความดี ทำให้เรากลายเป็นคนดี เมื่อเป็นคนดี ความดีก็จะปกป้องคุ้มครองเราให้มีแต่ความอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากการอยู่ร้อนนอนทุกข์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้า
๔. ให้สามัคคีเพื่อรวมชาติ โดยเฉพาะในสภาพปัจจุบันของสังคมไทย กำลังต้องการคุณธรรมข้อนี้เป็นอย่างมาก เพราะเราแตกแยกกันเป็นสีเหลืองสีแดงแตกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย ทำชาติบ้านเมืองเสียหายมานักต่อนักแล้ว ต่อไปนี้ขอให้รู้รักสามัคคีกัน อยู่ที่ไหนก็ขอให้มีความสามัคคีในสถานที่นั้นๆ อยู่ในบ้านระหว่างญาติพี่น้องก็ต้องรู้รักสามัคคี อยู่ในโรงเรียนหรือที่ทำงานก็ต้องรักสามัคคีกัน การจะรักสามัคคีกันนั้น จะต้องรู้จักรักกัน รู้จักช่วยเหลือกัน ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมกัน และจะต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะนำมาซึ่งความสุขความเจริญทั้งแก่ตัวเอง และต่อหมู่คณะ
ดังนั้น เนื่องในวโรกาสวันขึ้นปีใหม่นี้ ถ้าท่านทั้งหลายปฏิบัติได้ตามที่กล่าวมานี้ แสดงว่าชีวิตของเราได้รับพร เป็นชีวิตที่มีพรคือความประเสริฐ จะอยู่ในสถานที่ใดๆ ในวันไหนๆ ก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ ดังนั้น จึงขออาราธนาคุณศรีรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และอำนาจบุญกุศลความดีที่ทุกท่านได้บำเพ็ญมา จงมารวมกันเป็นตบะเดชะพลวะปัจจัยอำนวยอวยพรให้ทุกท่านทุกคนหมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย อยู่ในสถานที่ใดๆ ก็ขอให้พบแต่บุคคลที่มีคุณธรรม ความชั่วร้ายทั้งหลายอย่าได้กรายกร้ำเข้ามาใกล้ นึกคิดปรารถนาสิ่งใด ก็ขอให้ได้สัมฤทธิ์สมตามความมุ่งมาดปรารถนาตลอดไปเทอญ
ไม่มีความเห็น