ใครสั่งตัดไม้ริมทาง


มุมมองเรื่องร้องเรียน ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร กรณีการตัดต้นไม้ริมทางเท้า ถนนราชดำริ ด้านหน้าศูนย์สรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์ ของ กรุงเทพมหานคร ด้วยคำถามสำคัญว่าตัดทำไม เพื่อประโยชน์อันใด ในขณะที่ภาครัฐเสียงบประมาณเพื่อสร้างทัศนียภาพที่สวยงาม ในการนำสายไฟลงใต้ดิน แต่กลับบังเกิดพฤติกรรมของหน่วยงานภาครัฐ ที่กระทำตนเสมือนเอื้อประโยชน์ภาคเอกชน และ ปฏิบัติงานขัดต่อนโยบาย ที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน และ ที่ได้เคยโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างกรุงเทพมหานครให้เป็นมหานครสีเขียว จึงท้วงติงเรื่องดังกล่าว ด้วยความรู้สึกผิดหวังต่อสิ่งที่ปรากฎ

 

ใครสั่งตัดไม้ริมทาง

 

อ้างอิง - ภาพ Kati1789

 

 

วันนี้ เห็นบางอย่าง

ท่ามกลางความรำคาญใจยิ่ง

กับ นโยบายสับขาหลอกของ กทม.

 

ไม่รู้สับขาหลอกในเชิงนโยบาย หรือ สับขาหลอกในเชิงปฏิบัติการ แต่ขอยืนยันด้วยความเป็นคนกรุงเทพมหานคร ที่กินนอน ทำมาหากิน อาศัยอยู่อาศัยกิน อาศัยใช้ชีวิต และสัมผัสเรื่องงามและเรื่องงาม ด้วยความรับผิดชอบอย่างเท่าเทียม ในฐานะผู้เสียภาษีเงินได้ประจำปี ซึ่งหากเลือกได้ก็คงไม่อยากเสีย แต่ทำเช่นไรได้ ในเมื่อหักทันที ณ ที่จ่ายในบัญชีเงินเดือน

 

เลยต้องขอแสดงความรับผิดชอบ

ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ในทรัพย์สินกรุงเทพฯ

 

เมื่อเห็นพฤติกรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคเอกชน กระทำอย่างไม่คิด หรือ คิดน้อยไปมากกว่าน้อยก็ตามที แต่ที่ชัดแจ้งคือ กรุงเทพมหานครและคนกรุงเทพฯ เสียประโยชน์ หรือเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรจะเสีย ให้กับความงี่เง่าไร้ระบบ และ ไร้ระเบียบอยู่ร่ำไป หรืออาจเป็นเพราะอำนาจทุนที่มากมาย จนเกินกว่าผู้ปฏิบัติงาน จะท้วงติงโต้เถียงได้

 

เมื่อเห็นรอยตัด

กิ่งก้านของต้นพญาสัตตบรรณ

บนถนนราชดำริ ด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์

 

เมื่อนั่งจ่อมจมอยู่บนรถ ระหว่างรอรถที่ติดพันคลี่คลาย ผมก็มองไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเห็นรอยการตัดกิ่งก้านต้นพญาสัตตบรรณ ต้นไม้ที่ได้รับยอมรับว่า แพงนักแพงหนา เมื่อหลายปีก่อน ในช่วงที่วิกฤติการเงินรอบใหม่ยังไม่ปรากฎ ในช่วงที่คนมีบ้านอยากปลูกไม้งามไม้ใหญ่

 

ผมเห็นรอยตัด ที่ทำให้ลำต้นไม่สูงขึ้น

จนทำให้กิ่งก้านต้องแตกออกข้าง

ขณะที่ความจริงควรสูงสง่า

 

ตอนแรกก็คิดไปเรื่อยเปื่อยว่า คงเกรงปัญหาเรื่องสายไฟ จนฉุกคิดได้ว่า ถนนราชดำริเป็นถนนต้นแบบ ในการเอาสายไฟลงดิน หมดงบประมาณแผ่นดินนับร้อยล้านบาท จนกระทั่งเหลือบมองพิจารณาให้ถ้วนถี่ ก็เห็นความจริงตามนั้น ว่าไม่มีสายไฟใดใดปรากฎ

 

แต่พอเหลือบมอง

อย่างชัดถ้อยชัดคำมากขึ้น

ผมจึงเข้าใจความจริงอันพิกลพิการนี้

 

เมื่อเห็นป้ายโฆษณา ที่เป็นจอแอลซีดีขนาดมหึมา ซึ่งหลายปีก่อนประกาศเป้าหมายการลงทุน ในหน้าข่าวเศรษฐกิจการตลาด แม้จะกระท่อนกระแท่นบ้าง แต่ก็ผ่านวิกฤติมาได้จนอยู่รอดปลอดภัย จนผมเข้าใจว่า ทำไมต้นพญาสัตตบรรณ ที่หน่วยงานของรัฐเสียเงินเสียทองมา เพื่อประดับความงดงามของท้องถนนกลางกรุง ต้องถูกตัดอย่างไร้หัวใจ

 

ก็คิดดูเถอะครับ สำหรับไม้ใหญ่ลำต้นตรง

ไม้ราคาแพงที่ขึ้นอยู่กับลำต้น

ต้องถูกตัดจนด้อยราคา

 

ถ้าว่าตามภาษากฎหมาย ก็ต้องบอกว่า เป็นการกระทำต่อทรัพย์สินของหลวง เป็นการกระทำที่ทำให้เสื่อมราคา ทำให้เสียโอกาสของรัฐ ที่สำคัญใช้เจ้าหน้าที่และงบประมาณของรัฐ ในการตัดแต่งกิ่งอย่างไร้ความชอบธรรม สิ้นเปลืองงบประมาณ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ภาคเอกชน เอื้อประโยชน์แบบเห็นเห็น โดยไม่ต้องหลบเร้นไปไหนให้ใกล้ แค่เงยหัวมองดูก็รู้ได้ถึงไส้ถึงพุง

 

 

นับเป็นการเลือกปฏิบัติ

ที่ผมขอตำหนิติติง และ ติเตียน

ในฐานะคนที่หลงรัก ต้นพญาสัตตบรรณ

 

ไม้มีราคา ที่ควรค่าประดับกรุงเทพมหานคร มหานครที่รถราก็วิ่งอย่างบ้าระห่ำ ที่ทางเดินเท้า และ ที่ทางปลูกไม้ให้เมืองเย็นเมืองร่ม และ สวยงาม ก็แทบจะหาได้ลำบากยากเย็น โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสผ่านการพิจารณางบประมาณ จนได้ของสวยของงามมาไว้ประดับบ้านเมือง กลับไม่นำพา

 

กรณีไม่ดูแลรักษา มูลค่าของสินทรัพย์ดีดี

ที่ไม่นับความไม่นำพา แถมยังทำลาย

ความสวยงามเหล่านั้นเสีย

 

หากคิดว่า ตัวตั้งในการตัดไม้หรือกานไม้งาม เช่น ต้นพญาสัตตบรรณ เป็นความคิดที่เกินเหตุ ก็ขอเชิญชวนทุกท่านได้หันไปมอง ต้นพญาสัตตบรรณ หน้าโรงพยาบาลตำรวจ ฝั่งตรงข้ามกับศาลท่านท้าวมหาพรหม แล้วทุกท่านจะเข้าใจ ว่าเวลาที่ต้นไม้ได้รับการดูแล แตกยอดแตกก้าน แตกต้นอย่างสวยงามนั้นเป็นเช่นไร โดยไม่ต้องมาอ้างเรื่องอื่นให้ไขว่เขว

 

เพราะเหตุผลชัดแจ้ง

ที่เกรงว่าต้นไม้สูงใหญ่จะบังจอ

บังมูลค่าสินทรัพย์และธุรกิจของเอกชน

 

โดยการเบียดเบียนสินทรัพย์ของทางราชการ ใช้งบประมาณ ใช้คน และใช้โอกาสของกรุงเทพมหานคร อย่างไร้สำนึก ซึ่งต้องขอบอกว่า ผมรำคาญและโกรธแค้นใจอย่างยิ่ง สำหรับการปฏิบัติงานในครั้งนี้ สำหรับสิ่งที่ควรทำ แต่ดันกระทำโดยไม่นำพา ใครจะไม่แหงนมองต้นพญาสัตตบรรณบนถนนเส้นนี้ก็ตามแต่ แต่สำหรับผม ผมรักไม้ที่อยู่กลางกรุง

 

แค่เติบโตขึ้นมาได้ ก็นับเป็นบุญคนกรุงเทพฯ

ยิ่งโตได้โตดี โตอย่างร่มเงาสูงใหญ่

ยิ่งเป็นบุญคุณของเมืองหลวง

 

แต่สำหรับวิธีคิดแบบตัดตอน คิดอย่างเอาประโยชน์ โดยไม่คิดถึงคนอื่น ไม่คิดถึงประโยชน์สาธารณะ และที่สำคัญ นับเป็นการสับขาหลอกอย่างแรง เหมือนเช่นที่ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พยายามจะมาขายฝัน ให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสีเขียว สร้างสวนสาธารณะมากมาย สร้างปอดสร้างสีเขียว แต่ก็เที่ยวตัดไม้ราคาแพง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน

 

เป็นประโยชน์

ที่ทุกคนในเมืองแห่งนี้ได้รับ

ไม่ใช่เฉพาะเจ้าของ หรือ ผู้บริหารกิจการ

 

ไม่ใช่อย่างยิ่ง สำหรับสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ในยามที่นักการเมืองเที่ยวมาขายฝัน ก่อนจัดการงบประมาณ เพื่อสร้างกรุงเทพมหานครให้น่าอยู่ สร้างความเขียว สร้างความร่มรื่น โดยหยิบยกอ้างอิงเมืองใหญ่เช่น สิงคโปร์ เช่น กัวลาลัมเปอร์ ที่สร้างเมืองให้น่าอยู่ด้วยสีเขียวของพันธุ์ไม้ และ สร้างคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมือง ไม่ให้ตกอยู่ในสภาพที่ไร้ทางออกของชีวิต

 

สำหรับพฤติกรรมแย่ๆ เช่นนี้ ที่เที่ยวตัดไม้โดยไร้หัวใจ

ผมขอกล่าวตำหนิอย่างรุนแรง

ตำหนิถึงเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของ กทม.

และ ตำหนิแนวคิดแบบเห็นแก่ตัว ที่มีผู้สั่งการลงไป ในครั้งนี้

 

 

หมายเหตุ : ขออภัยผู้อ่านทุกท่าน หากเห็นว่าเรื่องนี้ไร้สาระ แต่หากท่านเข้าใจและตระหนัก ได้โปรดส่ง เรื่องร้องเรียน ฟอร์เวิรด์เมล์ และ เอกสารประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดการเรียกร้องและตำหนิพฤติกรรม ในการทำลายมูลค่าทรัพย์สินของ กรุงเทพมหานครในครั้งนี้ ขอบพระคุณครับ

หมายเลขบันทึก: 322553เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2009 09:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 10:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ต้นไม้ตรงสี่แยกพระพรหมเอราวัณ งามจริงๆค่ะ

ไม่เห็นด้วยกับทุกกรณี สำหรับการตัดไม้ค่ะ

นำไปลง ปชส. ให้แล้วนะคะ ... รักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์กทม. รักโลก

แค่เป็นอะไรที่คิดไม่ค่อยมาก

แค่เป็นอะไรที่อยากกระทำ

แค่เป็นอะไรที่ไม่มีค่าจึงทำลาย

แค่เป็นอะไรที่ลืมคิดและลืมตระหนักว่า...มีความเสียหาย

ที่เกิดจากความมักง่าย...และความโง่ของผู้นำ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท