ตัดสินใจในนาทีสุดท้ายขอเปลี่ยนตัวผู้เข้าร่วมแข่งขันประกวดสุนทรพจน์ภาษาญี่ปุ่น เวลาเกือบเที่ยงวันของวันอังคารที่ ๑๕ ธันวาคม ฉวยข้อมือนายแค้มป์( นราธิป น้อยระแหง) ลงไปห้องสำนักงานและขอเอกสารจากนักเรียนที่ได้รับมอบหมายคนแรก มาพิมพ์และช่วยกันปรับแต่งเนื้อหาสุนทรพจน์ จนเวลาล่วงเลยไปถึง ๑๖:๓๐ น นัดหมายมาฝึกซ้อมและแก้ไขสำนวนประโยคช่วงเวลา ๑๙๐๐-๒๒๓๐ น นายแค้มป์เพิ่งจำเนื้อหาเรื่องแรกได้เพียงเรื่องเดียวแต่ต้องยอมปล่อยให้ไปพักผ่อนเนื่องจากต้องออกเดินทางไปกับคณะฯ เวลา ๐๕:๐๐ น
นัดหมายเพื่อนๆ ช่วยกันแต่งประโยค
พบกันช่วงเช้าบนรถ นายแค้มป์ฝึกพูดเรื่องที่ ๒ ให้ฟังได้อีกสัก ๓-๔ รอบ พนักงานขับรถก็ปิดไฟแต่เปิดรายการตลกให้ดูด้วยเสียงดังกลบเสียงนายแค้มป์ จึงต้องพักไปก่อน
งีบหลับได้สัก ๒๐ นาทีก่อนที่รถจะจอดที่โรงเรียนประชานุเคราะห์ในเวลา ๐๗:๐๐ น คุณครูเครือวัลย์เรียกพรรคพวกจำนวนเกือบ ๕๐ คน ให้ลงรถไปต่อรถสองแถวที่คอยบริการรับ-ส่งไปสถานที่แข่งขัน ซึ่งกำหนดไว้ จำนวน ๗ แห่ง แต่ทางคณะฯไปที่โรงเรียนนครสวรรค์และวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ แต่ผู้เขียนบอกไปว่า ขอนั่งบนรถอีกสักพักเพราะยังง่วงงุนเนื่องจากได้นอนแค่ ๔ ชั่วโมงและต้องการจะฝึกนายแค้มป์พูดต่ออีก ๔ เรื่อง น้องขนุนหนังและนายวัฒน์ครูคอมพิวเตอร์พาเด็กจำนวน ๓ คนมาแข่งขันฯ ด้วยจึงอยู่ร่วมขบวนด้วยกัน ฝึกไปด้วยแอบหลับเล็กๆไปด้วย แต่ก็ช่วยแก้ไขสำเนียงและการเน้นคำและประโยคเป็นระยะๆ ก่อนนั่งรถไปทานอาหารเช้าในเวลา ๐๘:๔๐ น นายแค้มป์สามารถจำเนื้อหาได้อีก ๑ เรื่อง ครูกำชับว่าเดินไปด้วยฝึกพูดเรื่องที่ ๓ ไปด้วยก็ได้นะ ระหว่างรออาหารก็ฝึกๆพูดไปสัก ๒-๓ประโยค
ข้าวมันปู- เป็ดย่าง (อาหารเช้า)
เสร็จภารกิจเรื่องปาก-ท้อง จึงได้ฝึกกันอย่างจริงจังในเวลา ๑๐:๐๐ น เวลาล่วงเลยจนถึง ๑๑:๔๕ น นายแค้มป์พอจะจำได้เกือบ ๔ เรื่องแต่ยังไม่แม่นยำ…. ต้องคอยแก้ไขบางคำ และเน้นสำเนียง รวมทั้งการกล่าวคำและประโยคหนัก-เบา แต่ก็ลดขั้นตอนการฝึกฝนไปอ่านเนื้อหาของเรื่องที่ ๕ เพื่อเก็บเกี่ยวคำศัพท์และประโยคที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่นๆ ได้
กำหนดเวลาให้รายงานตัวช่วง ๑๒:๐๐ น ใช้เวลาของนาทีทองที่เหลือเกือบ ๒๐ นาทีอย่างคุ้มค่าทั้งเทคนิคการจำ การพูดออกเสียงการแสดงกิริยาท่าทางประกอบ ก่อนจับสลากลำดับขั้นการพูดเวลา ๑๒:๓๐ น โชคดีที่ได้ลำดับหมายเลข ๑๔ มีเวลาพอที่นายแค้มป์ได้ใช้สมาธิทบทวนเนื้อหา
ผู้เข้าร่วมแข่งขันมีอยู่ ๒๑ คน ซึ่งเป็นตัวแทนเขตจาก ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ
ได้รับฟังผู้แข่งขันคนที่ ๑-๕ ผ่านมา เริ่มยิ้มออก….มีสิทธิ์ลุ้นบ้างละมั๊งเพราะบางคนเสียคะแนนให้ความตื่นเต้นเนื่องจากลืมเนื้อหาที่จะพูด บางคนพูดคนละเรื่องกับหัวข้อที่จับสลากได้ ซึ่งกำหนดไว้ ๕ เรื่อง
แต่พอรับฟังคนต่อๆมา อีกหลายๆคน รู้สึกหนาวยะเยือกจับขั้วหัวใจ โอ้โฮ….นี่ถ้าไม่ได้ยินคำแนะนำตัวว่าเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนของประเทศไทย คงนึกว่าชาวญี่ปุ่นมาพูดเองเสียอีก ทั้งบุคลิกลักษณะ ท่าทาง สำเนียง เนื้อหา /ประโยคและความคิดที่สอดแทรกในเนื้อหา…..ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่บางสำนวนดูเป็นธรรมชาติมากๆ และบางประโยคใช้รูปแบบของไวยากรณ์ที่ค่อนข้างยาก เช่น รูปขอกระทำที่สุภาพ …(させてくれた)ฯลฯ เชื่อว่าครูสอนภาษาญี่ปุ่นชาวไทยหลายคน(รวมทั้งผู้เขียน) ยังลังเลว่า....ตนเองใช้ได้ถูกต้องหรือไม่
ต้องชื่นชมการพัฒนาในด้านความคิดสร้างสรรค์ของชาวญี่ปุ่นจริงๆเขาฝึกให้ผู้คนได้คิดสิ่งต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์ อย่างเช่นรายการทีวีเกมซ่าท้ากึ๋น ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๙ นำมาให้ชมเวลา ๒๐:๓๐ -๒๑:๓๐ น เป็นรายการที่ดูแล้วนอกจากได้ความสนุกสนานแล้วยังได้เห็นความคิดสร้างสรรค์แปลกๆ รวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาผู้คนของเขาอย่างจริงจัง แต่สำหรับบางประเทศยังไม่ได้รับการใส่ใจเท่าที่ควร และบางประเทศก็ยังไม่มีการปลดแอก
สวัสดีครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
และก็อยากเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นด้วยเหมือนกันครับ