80. ลาก่อนสิกขิม (6)


 

 

        วันนี้หลับๆ ตื่นๆ จนตีห้า จดบันทึกแล้วเก็บข้าวของ

จัดกระเป๋า ไปทานอาหารเช้าตอน 7.30 น. เจอพรรคพวก

นั่งทานอยู่ก่อนแล้ว และทยอยกันมา เสร็จแล้วกลับไปดูแล

ให้คนขนกระเป๋ามาที่รถ ท่านทูตและเลขานุการเอกยังไม่

กลับพร้อมพวกเรา ท่านมีภารกิจที่ต้องไปโกลกัตตาต่อ 

ท่านมาส่งพวกเราด้านหน้าโรงแรม พูดคุยกันสักพัก และ

ลากัน คุณ คนดี โบกมืออำลาอยู่หน้าห้องพักชั้นสาม รถ

ไปส่งเราสองคัน ดิฉันขอนั่งหน้าเพราะอยากเห็นวิวชัดๆ  

 

        คณะเรา 4 คนออกเดินทางไปบักโดกราราว 8.30 น.

วันนี้อากาศดี ทำให้เห็นวิวชัด ป่าเขาเขียวชอุ่มตลอดทาง

ไม่มีการตัดต้นไม้หรือขนไม้เถื่อนเหมือนเมืองไทย เพราะ

คนไม่อยู่บ้านไม้ อาจเป็นเพราะป้องกันความหนาวไม่ได้

และสร้างได้ไม่สูงด้วย เขาอยู่ตึกกันเพื่อป้องกันความ

หนาวและเพื่อความทนทานด้วย แต่เขาทำเฟอร์นิเจอร์จาก

ไม้ได้สวยงาม สองข้างทางมีน้ำตกไหลรินลงมาจากภูเขา

อยู่หลายที่ อีกฝั่งก็เป็นหน้าผาที่มีสายน้ำสีแดงไหลเคียงคู่

ไปกับถนน

        ถนนที่นี่แคบและกำลังปรับปรุง เขาใช้หินก้อนใหญ่ๆ

จากภูเขาที่มีอยู่รายรอบมาใช้ คนงานส่วนใหญ่เป็นหญิง

ทุบๆ หินเหมือนที่เวียดนามเลย  แรงงานมีเหลือเฟือ

หากราดยางให้ดีๆ หนาๆ หน่อยถนนจะทนทานมาก แต่

หากทำไม่เรียบจะเหมือนนั่งอยู่บนหลังม้าก็ไม่ปาน คนขับ

รถของเมืองสิกขิมเก่งทุกคน เพราะเขาขับลัดเลาะเขาได้

อย่างคล่องแคล่วและรู้จังหวะกันเป็นอย่างดี ขนาดดิฉันนั่ง

หน้ายังดูถนนไม่ทันเลย พวกเราบอกว่าถ้าให้ขับคงเหาะ

ลงหน้าผาไปแล้ว ผ่านเขื่อนพลังน้ำขนาดใหญ่ที่กำลัง

สร้างอยู่ คงจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าไว้ใช้ได้มากที

เดียว  

        เท่าที่นั่งรถลงมา สวนกับรถโดยสารประจำทางที่มี

ขนาดไม่ใหญ่นัก และมีรดจี๊ปยี่ห้อ Tata ของอินเดียเป็น

พาหนะประจำทางที่วิ่งสวนทางไปมาตลอด บางคันมีผู้

โดยสารยืนโหนอยู่นอกรถด้านหลังไปตลอดทาง

        พวกเราถึงสนามบินบักโดกราเกือบเที่ยง เจ้าหน้าที่

ออกมาตรวจกระเป๋า และเอกสารด้านนอก Jet Airways

สไตรค์ตั้งแต่วันที่เรามาแล้ว ตอนนี้ยังสไตรค์อยู่ เจ้าหน้าที่

จัดการให้เราไปด้วยสายการบิน Kingfisher ซึ่งบินไปส่ง

ผู้โดยสารที่อัสสัม แล้วบินย้อนกลับไปเดลลี เราได้บินไป

เที่ยวเพิ่มอีกเมือง

      พวกเราลา และขอบคุณเจ้าหน้าที่สิกขิมที่เดินทางมา

ส่งเราถึงสนามบิน ดิฉันจะไม่ลืมความมีน้ำใจ ไมตรีจิตของ

ชาวสิกขิมรวมถึงสถานที่อันงดงาม ที่สร้างความประทับใจ

ให้ดิฉันตลอดไป

        ขอขอบพระคุณสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำ

อินเดียที่ทำให้ดิฉันมีโอกาสได้ไปสัมผัสสิกขิมเมืองในม่าน

หมอกที่สวยสะอาดของอินเดียในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง

และทำให้รู้จักกัลยาณมิตรเพิ่มมากขึ้น

_____

 บอกกล่าว ข่าวแจ้ง

 

ด่วน!

ท่านที่สนใจหลักสูตรปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมและการพัฒนาเอกอินเดียศึกษา (Indian Studies) โปรดสมัครได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3309 เข้าชม www.lc.mahidol.ac.th

 

 

หมายเลขบันทึก: 319899เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2009 04:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 19:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • งานเลี้ยง ก็ต้องมีการเลิกลา
  • เมื่อไปพบ ไปเห็น  ก็ต้องลาจาก เมื่อถึงเวลา
  • เหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดีค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

เรียน ครูอ้อย

ใช่ค่ะงานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลา แต่ความทรงจำยังติดตา ตรึงใจไม่รู้ลืมนะคะ

สถานเอกอัครราชทูตต้องขอบคุณอาจารย์โสภนาเป็นอย่างมากครับที่ได้ร่วมโครงการจนประสบความสำเร็จเช่นนี้

นอกจากนั้นยังได้มาเล่าเรื่องให้ชาวบล๊อคให้รู้กันอีกด้วย

ถือว่าทำหน้าที่ได้เกินร้อยครับ

ที่น่าดีใจก็คือผมได้มีโอกาสพบอาจารย์ตัวจริงจนได้ครับหลังจากติดต่อกันในบล๊อคมานานแสนนาน

นะมัสเต้นะครับ

เรียน ท่านทูตพลเดช ที่เคารพ

      ดิฉันก็ยินดีมากค่ะที่ได้พบท่านทูตตัวจริง และภรรยาท่านหลังจากที่ติดต่อผ่านบล็อก เหมือนได้พบญาติเลยค่ะ

      ขอบพระคุณท่านมากค่ะ และหากจะมีอะไรให้ร่วมมืออีกดิฉันยินดีเสมอค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท