77. สวัสดีสิกขิม (3)


สิกขิมอิงแอบแนบหิมาลัย

ทำความรู้จักรัฐสิกขิม 

 

http://moinansari.files.wordpress.com/2009/08/sikkim_map.jpg

  สิกขิม (Sikkim) เป็นดินแดนปิดที่อิงแอบอยู่กับเทือกเขา

หิมาลัย มีรูปร่างคล้ายนิ้วหัวแม่มือที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็น

ภูเขาทั้งทางภาคเหนือ ตะวันออก และตะวันตก ทิศตะวัน

ตกติดเนปาล ทิศเหนือติดจีน และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ค่อนมาทางใต้ติดภูฏาน  สิกขิมมี 5 ฤดู คือฤดูใบไม้ผลิ

ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และฤดูมรสุมในเดือน

มิถุนายน-กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส แต่

ทางภาคเหนือที่ติดหิมาลัยอุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส 

สิกขิมแบ่งเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ สิกขิมตะวันออก สิกขิม

ตะวันตก สิกขิมเหนือ และสิกขิมใต้ ที่นี่มีกองทัพอินเดียอยู่

เป็นจำนวนมากเพราะเป็นเมืองชายแดนที่มีความอ่อนไหว

มาก  กังต็อกเป็นเป็นหลวงของรัฐ และของเขตสิกขิมตะวัน

ออก เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการผลิตพืชผลการเกษตร รัฐ

พัฒนาการท่องเที่ยวรวมถึงเปิดบ่อนคาสิโนเมื่อปี 2009 ปี

 2011 คาดว่าสนามบินที่สิกขิมจะเสร็จ ขณะนี้มีบริการรับ

ส่งด้วยเฮลิคอปเตอร์วันละครั้งไปที่บักโดกรา ใช้เวลา 30

 นาที (ถ้าอากาศปิดก็บินไม่ได้)  

     ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเนปาลที่อพยพเข้ามาตั้งแต่

ศตวรรษที่ 19 ส่วนชนพื้นเมืองสิกขิมคือ บูเตียส

(Bhutias) ที่อพยพจากทิเบตเข้ามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 

และกลุ่มเลบชา (Lepcha)  ซึ่งเชื่อว่าอพยพมาจากตะวัน-

ออกไกล 

     ฮินดูเป็นศาสนาหลัก ตามด้วยพุทธศาสนาแบบทิเบต

ศาสนาอิสลาม และเชน นอกจากนี้ชาวเลบชาจำนวนมาก

นับถือศาสนาคริสต์

     ภาษาเนปาลีเป็นภาษากลางของชาวสิกขิม ภาษาบูเตีย

และเลบชาใช้กันทั่วไป รวมถึงอังกฤษและฮินดี

     สิกขิมเป็นรัฐที่มีประชากรน้อยที่สุดประมาณ 540,000

คนเศษ  (http://en.wikipedia.org/wiki/Sikkim)

 --------------------

        วันนี้ตื่นตั้งแต่ตี 3 เตรียมการนำเสนองาน เสร็จแล้ว

เตรียมไปทานอาหารเช้าเวลา 7.30 น. พวกเรามาไล่เลี่ย

กัน ประเดิมเป็นกลุ่มแรก อาหารมีทั้งอินเดีย และฝรั่ง พวก

เราก็ลองโน่น ชิมนี่ นั่งใกล้หน้าต่างกระจกเพื่อชมวิว เป็น

ทิวเขาซ้อนๆ กันหลายลูกเขียวขจี มีบ้านเรือนแทรกๆ

ประดับภูเขาอยู่

        8.30 น. เจ้าภาพส่งรถมารับพร้อมเจ้าหน้าที่ เช้ามา

ดิฉันพบเลขานุการเอกฯ ซึ่งมาถึงเมื่อคืนพร้อมท่านทูต เรา

ไปพร้อมกัน ท่านทูตไปทีหลัง สถานที่จัดสัมมนาอยู่ที่เมือง

กังต็อก ต้องขึ้นเขาไปอีก ตลอดทางเป็นทางขึ้นเขาไป

เรื่อยๆ ถนนไม่กว้างมาก แต่ลาดยางเรียบ มีบ้านตามไหล่

เขาส่วนใหญ่เป็นตึกสูง 5-6 ชั้น ความจริงทางการกำหนด

ให้สูงไม่เกิน 5 ชั้นเพื่อความปลอดภัยในกรณีแผ่นดินไหว

แต่ก็มีคนฝ่าฝืนสร้างตึกสูง 6-7 ชั้น ผู้คนอาศัยกันอยู่ใน

แฟลตที่เป็นตึกดังกล่าว หน้าตึกเป็นทางเดินเท้าที่ลาด

ซีเมนต์ให้คนเดินได้สะดวกต่อเนื่องกันไปตลอด  สิกขิม

สะอาดมากกว่าเมืองอื่นๆ ของอินเดีย ตอนเช้าๆ มีรถรา

มากพอควร ฝนปรอยๆ ตลอดทาง จนไปถึงห้องประชุม

ศาลาว่าการของรัฐ ห้องประชุมใหญ่โตโอ่โถงมากเหมือน

ที่ประชุมรัฐสภา เจ้าภาพยืนรอรับหน้าห้องกันเต็มไปหมด

 ผู้หญิงแต่งชุดประจำรัฐคล้ายนุ่งผ้าถุง และเสื้อตัวสั้น เข้า

มาในห้องมีอุปกรณ์โสตพร้อม ผู้พูดทุกคนขึ้นนั่งบนเวทีที่

มีป้ายชื่อวางไว้แล้ว ส่วนที่นั่งด้านล่างก็มีป้ายชื่อระบุไว้ว่า

ใครนั่งที่ใดบ้าง พวกเราเตรียม load power point  เข้า

เครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ละที่นั่งของผู้พูดมีแฟ้มเอกสารวาง

ไว้ให้คนละชุดแล้ว

        9.30 น. ท่านทูตไทยเดินทางมาถึง เจ้าภาพคล้อง

ผ้าไหมสีขาวให้ท่านแทนพวงมาลัย รวมถึงคล้องให้ผู้พูด

ชาวไทยทุกคน เจ้าภาพกล่าวต้อนรับก่อน ท่านทูตกล่าว

ตอบ ในห้องประชุมมีผู้ฟังเกือบเต็มห้องคาดว่าไม่น้อยกว่า

 300 คน ก่อนที่จะเริ่มนำเสนองาน ฝ่ายไทยนำเสนอวีดี

ทัศน์กิจกรรมการพัฒนาของดอยตุงซึ่งดึงดูดความสนใจ

ของผู้ฟังมาก ดิฉันทราบมาว่าก่อนการสัมมนาที่นี่ ฝ่าย

สิกขิมกลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปดูงานที่เมืองไทยรวมทั้ง

ดอยตุงด้วย ต่อจากนั้น ฝ่ายไทย 3 คนนำเสนอผลงานซึ่ง

มีผู้แทนจากโครงการหลวง จากกรมการพัฒนาชุมชนพูด

เรื่อง OTOP และจากมหาวิทยาลัยมหิดลคือดิฉันพูดเรื่อง

วัฒนธรรมกับการพัฒนา ราว 11 น. ผู้ฟังเริ่มทยอยออก

ไปทานอาหารว่างเพราะไม่มีการพัก เมื่อฝ่ายไทยนำเสนอ

หมด ฝ่ายสิกขิมอีก 4 ท่านก็นำเสนอต่อ จนเลยบ่าย

โมงกว่าจึงเสร็จการนำเสนองาน

        เจ้าภาพพาพวกเราไปทานข้าวกลางวันอีกห้องหนึ่ง

มีอาหารอินเดียและสิกขิม ทานเสร็จถ่ายรูปหมู่กัน แล้วไป

ประชุมต่อ

        ตอนบ่ายย้ายไปห้องประชุมเล็ก เหลือผู้ที่สนใจเข้า

ร่วมฟังและพูดคุยประมาณ 50-60 คนดิฉันทำหน้าที่เป็น

MC คนเดียวเพราะเจ้าภาพฝ่ายสิกขิมที่จะทำหน้าที่นี้ด้วย

กันไม่มา  ดิฉันเปิดโอกาสให้ผู้ฟังถามผู้พูดเมื่อเช้า มีคน

สนใจถามเรื่อง OTOP พอสมควร และมีคำถามเกี่ยวกับ

การอนุรักษ์ภาษาที่ดิฉันพูดเมื่อเช้าด้วย ท่านทูตได้พูดถึง

การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงสิกขิมใน

Buddhist circuit รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร

ของสิกขิมในด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม มีการพูด

คุยซักถามกันจนถึงเวลา 16.00 น. ได้เวลายุติตาม

กำหนดการ

        มีพิธีมอบของที่ระลึกให้ทั้งฝ่ายเจ้าภาพสิกขิมและผู้

พูดจากฝ่ายไทยพร้อมทั้งถ่ายรูปหมู่ เสร็จแล้วแยกย้ายกัน

กลับที่พัก ค่ำนี้เวลา 19.30 น. เจ้าภาพเชิญทานอาหารค่ำ

ที่โรงแรม Thalek พวกเรากลับที่พักเวลา 17.00 น. ฝน

หยุดตกแล้ว พวกเราพักผ่อนตามอัธยาศัย

        ราวหนึ่งทุ่ม เจ้าภาพส่งรถมารับพาไปโรงแรมที่จัด

เลี้ยงซึ่งอยู่ที่กังต๊อก ต้องนั่งรถขึ้นเขาไปอีกครั้ง โรงแรม

ผ่านย่านถนนคนเดินแต่คืนนี้ไม่เห็นคนเดินมากนัก รถผ่าน

ไปได้ ไปถึงโรงแรมเจ้าภาพรออยู่เต็มแล้ว เราลงบันไดไป

ห้องอาหารชั้นล่าง พวกเรานั่งแยกๆ กัน คุยกับเจ้าภาพ มี

ออร์เดิร์ฟมาเสริ์ฟหลายอย่าง เช่น มันฝรั่งทอด ไก่ทันดูรี

ปลาทอด เติมแล้วเติมอีกจนเกือบอิ่ม ราวสามทุ่ม อาหาร

ค่ำจึงเริ่ม ดิฉันตาปรือเพราะตื่นเช้ามาก แต่ก็ต้องทานเพิ่ม

ลุกไปตักอาหารบางอย่างมาทาน ใช้เวลาทานไม่นาน

เจ้าภาพมอบของที่ระลึกให้ฝ่ายไทย ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน

และอำลา

        กลับมาถึงโรงแรม ท่านทูตชวนคุยสักพักมีหนุ่ม

อินเดียหน้าเหมือนเชกูวาร่าโผล่มาสวัสดีท่านทูต แนะนำ

ตัวว่าได้ไปเรียนทำอาหารไทยที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวน

ดุสิต มีร้านอาหารอยู่ที่โกลกัตตา วันนี้ขึ้นมาทำอาหารไทย

ที่นี่ เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารไทยให้ทาน ดิฉันคิดว่า

เขาพูดเล่น เสร็จแล้วเขาลาไปก่อน ท่านทูตยืนคุยกับพวก

เราเรื่องความร่วมมือกับสิกขิมอีก และลาไปนอนกันเมื่อ

23 น. ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

___________

บอกกล่าว ข่าวแจ้ง

ด่วน!

ท่านที่สนใจหลักสูตรปริญญาโท สาขาวัฒนธรรมและการพัฒนา  เอกอินเดียศึกษา (Indian Studies) โปรดสมัครได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โทร. 02-800-2308-14 ต่อ 3309 เข้าชมรายละเอียดที่ www.lc.mahidol.ac.th

 

หมายเลขบันทึก: 319895เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2009 03:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 23:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ที่ขาดไม่ได้ คือ การถ่ายภาพหมู่
  • มีทุกที่นะคะ  ประทับใจค่ะ
  • ขอบคุณมากค่ะ

เรียน ครูอ้อย

    -รูปหมู่มีค่ะ แต่เนื่องจากมีหลายท่านที่อยู่ในภาพ ยังไม่ได้ขออนุญาตท่านเหล่านั้นก่อน จึงไม่ได้นำเสนอ

    -ยินดีและขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

ตามมาอ่านแทบไม่ทันครับ

อ่านไปนึกภาพไปด้วย น่าสนุกดีแท้ครับ

งานนี้ท่านทูตกฤตประทับใจมากครับ

ขอบคุณที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

เรียน ท่านทูตพลเดช ที่เคารพ

     ขอบพระคุณท่านมากค่ะ ช่วงนี้มีเวลาจึงรีบนำสิ่งดีๆจาก

ทริปสิกขิมมาแบ่งปันท่านผู้อ่านก่อนสิ้นปีค่ะ

     ดิฉันก็ประทับใจมากเช่นกันค่ะ ต้องขอขอบพระคุณท่านทูตทั้งสอง และทุกท่านที่ให้โอกาสดิฉันได้ไปสัมผัสสิ่งดีๆ ในครั้งนี้ด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์

หาข้อมูลเที่ยวสิกขิม เพราะอยากไป แต่หาไปหามา มาเจอเรื่องราวของอาจารย์

อ่านแล้วสนุกมากค่ะ อ่านไว้ก่อนค่ะ เผื่อได้ตามรอย ^ ^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท