วันนี้ผมถูกเชิญให้ไปร่วมกันรับประทานอาหารเที่ยงที่ห้องอาหารฮาซานะห์ สวนขวัญเมืองเทศบาลนครยะลา คนเชิญเป็นทหารซึ่งนำโดยท่านรองแม่ทัพภาค 4/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ท่่านอุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ พวกเราชอบเรียกว่าท่านว่าเสธ์อุดมชัย
เป้าหมายหลักของการร่วมรับประทานอาหารครั้งนี้ คือ พบปะคนที่เคยร่วมโครงการเสวนาสัญจร ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายๆปี 47 และผมเป็นรุ่นแรกที่เข้าร่วมโครงการนี้กับท่าน และเท่าที่ฟังและได้ประสบมา โครงการนี้เป้าหมายหลักคือหาทางเพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดสันตุสุขในสามจังหวัดชายแดนใต้
งานวันนี้เริ่มก็เกือบจะสิบโมงแล้ว อาจจะเป็นเพราะบางคนต้องเดินทางมาไกล อย่างผมแม้ร้านอาหารห่างจากบ้านผมเพียงแค่ 15 กม.ก็ตาม แต่เมื่อถูกเชิญอย่างทันด่วนก็จำเป็นต้องสะสางงานที่ได้วางแผนก่อนหน้าแล้ว คือผมต้องเดินทางจากบ้านไปมหาวิทยาลัยก่อนเป็นระยะทางสามสิบกว่ากิโลเมตร์และต้องวกกลับเข้าตัวเมืองยะลาอีกประมาณสิบหกกิโลเมตร รวมเวลาเดินทางแม้จะห่างจากบ้านเพียงสิบห้ากิโลเมตรก็จริง แต่ต้องใช้เวลาชั่วโมงกว่า
แรกๆ ท่านรองแม่ทัพชี้แจงเรื่องการพบปะ และให้ทุกคนที่มาร่วมงานแนะนำตัว เนื่องจากมีหลายรุ่นร่วมกันเลยทำให้หลายคนที่ไม่เคยรู้จักกัน โดยเฉพาะฝ่ายทหารที่พวกเราคุ้นเคยเพียงแค่สองคนเท่านั้นท่านเสธ์อุดมชัยเองและท่านเฉลิมชัยอีกคน นอกจากนั้นเป็นคนใหม่ทั้งนั้น
ผมไม่แน่ใจว่ากลุ่มเป้าหมายที่ถูกเชิญให้เข้าร่วมในแต่ละรุ่นมีเป็นคนกลุ่มไหน แต่เท่าที่สังเกตจะเป็นผู้นำศาสนาซึ่งมีโต๊ะครู โต๊ะอิหม่ำ ครูสอนศาสนา(อุสตาส) รวมถึงฝ่ายปกครองด้วย ซึ่งจะมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกปกครองท้องถิ่น ฯ
หลังจากแนะนำตัวแล้ว อ.นิมุ มะกาเจ ที่ปรึกษาใหญ่ ได้ให้ชมวิดิทัศนกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่มที่ได้เข้าร่วม และบทสรุปที่ได้จากทุกกลุ่มเสนอแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ บางอย่างได้รับการตอบสนองและผลที่ได้ออกมาอยู่ในขั้นที่ดี
หลังจาก อ.นิมุ บรรยายสรุปเสร็จ ท่านอุดมชัยก็เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความเห็น แล้วแต่ใครจะมีความเห็นอะไร และทุกคนที่พูดออกมามีเป้าหมายเดียวกัน คือ ทำอย่างไรให้ประเทศไทยทางใต้ตอนล่างสุดนี้มีความสงบสุข
ปัญหาที่ทางกลุ่มได้นำเสนอเพื่อให้ทุกคนช่วยกันแก้ รวมถึงผมด้วย พอสรุปดังนี้
ซึ่งปัญหาที่ทางกลุ่มเสนอนั้นผมก็เห็นด้วยบางอย่างผมก็ได้เสนอและได้พูดคุยในที่ประชุมเช่นกันแต่บางอย่างผมไม่ได้คุยเพราะถ้าคุยไปจะเป็นเรื่องซ้ำๆและยาว จึงขอคุยเพิ่มเติมที่นี้
ปัญหาแรก คือ ปัญหายาเสพติด ใบกระท่อม สี่คูณร้อย ยาไอส์ ฯลฯ
พบว่าตามหมู่บ้าน เกือบทุกบ้านแล้วทุกวันนี้ยาพวกนี้ระบาดหนัก ผมโชคดีที่อัลลอฮฺดลใจให้ผมและลูกชายไปเรียนต่อโรงเรียนประจำที่อยุธยาเลยทำให้ลูกชายผมหลุดจากวังวนที่ไม่พึงประสงค์นี้ เพราะเพื่อนๆสนิทของลูกชายติดกันเกือบทุกคน
ทุกคนก็พูดถึงเรื่องการแก้ แต่หาความจริงจังได้ยากมาก บางคนบอกว่าจะแก้ได้อย่างไรฝ่ายบริหารก็เป็นเอง สูบเอง กินเอง ที่ร้ายเป็นเอเยนต์ขายเอง ส่วนเรื่องรับส่วนได้ในการค้าการขายนั้นเขาเล่าลือตั้งนานแล้ว
อีกอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านบอกว่าแก้ยากเพราะคนขายหรือเส้นสายในการขายมาจากกลุ่มมีสี บางคนว่ายศพันตำรวจตรีเป็นคนขายเองก็มี(ผมขอให้เป็นเท็จ)
ยิ่งหนักกว่านั้นและผมรู้สึกเป็นห่วงมาก คือ เขากล่าวหาว่าที่กลุ่มมีสีทำแบบนี้เพราะเขาต้องการทำลายไม่ใช่สร้างสรรค์อย่างที่ป่าวประกาศ อันนี้ผมว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องขอให้แก้ไขโดยด่วยด้วย ไม่อย่างนั้นจะสร้างสันติสุขยาก
ปัญหาที่สอง อันนี้เป็นปัญหาที่ผมได้พูดคุยมาแล้วในที่ประชุม และขอพูดคุยที่นี้ต่อ คนที่เกี่ยวข้องมาพบอ่านจะได้หาทางแก้ไข ปัญหาคือเจตคติ
ปัญหาหนึ่งที่เกิดความไม่สงบสุขในบ้านเมืองเราไม่ว่าที่ภาคใต้หรือภาคอื่นที่กำลังเกิดขึ้นทุกวันนี้คือความรู้สึกที่มีต่อกันหรือเจตคติ
เมื่อเรามีเจตคติที่ไม่ดีต่อใครแล้วแม้เขาจะดีขนาดไหนเราก็ยังบอกว่าเขาทำผิด ในทางตรงกันข้ามเมื่อเจตคติที่ดีต่อใครแล้วแม้เขาจะทำผิดเราก็อภัยแก่่เขาได้ไม่ยากเย็น เช่นกัน ภาคใต้สามจังหวัดนี้มีกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ๆสองชาติพันธุ ถ้าสองกลุ่มชาติพันธุ์นี้รักกัน ช่วยเหลือกัน มีเจตคติที่ดีต่อกัน ความสุขและความยิ่งใหญ่ก็จะเกิดขึ้น เพราะความหลากหลายที่มีจุดหมายเดียวกันคือพลังมหาศาล
แต่เท่าที่ได้ยินมาและวิเคราะห์ตามประสาคนเรียนจิตวิทยามา ภาคใต้นี้สงบยากตราบไดเรายังแบ่งสองพวกสองชาติพันธุ์ และมีอคติต่อกัน อย่างเช่นเรา(ผมเองก็เคยได้ยิน)คำว่า "แขกก็แบบนี้แหละ" เมื่อฝ่ายหนึ่งมีอีกฝ่ายก็มีด้วย คือคำว่า "แอแรซีแยแบบนิง"(คนไทยพุทธก็แบบนี้แหละ) เป็นคำพูดเหมือนสร้างกำแพงกีดกั้นความรักระหว่างกัน
และที่ผมเป็นห่วงไม่ใช่ชาติพันธุ์แต่ไปเป็นเรื่องศาสนา(เพราะศาสนาอิสลามจะไม่คำนึงว่าคนนั้นจะชาติอะไร ทุกคนจะเท่าเทียมกัน) เมื่อพูดถึงแขกหมายถึงมุสลิมคือคนที่นับถือศาสนา ก็เลยทำให้เรื่องมันลามและปลูกฝังแน่นเข้าไปในจิต สร้างความโกรธเคืองได้ไม่ยาก ขอยกตัวอย่าง เช่น
เขียนมายาวแล้ว ขอจบก่อนดีกว่า
เฉลิมชัย(ผมจำยศท่านไม่ได้) กำลังเล่าเรื่องการงานที่เราร่วมกันสร้างสรรค์
มารับรู้ด้วยคน บาบอสรุปได้ใจจริง
การสร้างความเข้าใจในพื้นที่ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นหน้าที่ของทุกๆคน อาจารย์บรรยายและสรุปได้ชัดมากครับ ผมมองว่าใครถนัดอะไรก็ทำไปอย่างนั้น เช่น "ถนัดด้านการศึกษา ก็ทำมันให้ดีที่สุด" เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา หากนำมาใช้อย่างจริงจัง มันจะสร้างพลังอย่างมากมาย
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ในพื้นทีไม่ว่าท่านจะอยู่ ณ ตำแหน่งใด... สันติสุข คือ เป้าหมายของทุกคน
ผมเห็นด้วยครับ อาจารย์
สันติสุขจงเกิดในเร็ววันค่ะ
เป็นกำลังใจ