เรื่องเล่าเป็นตำนาน "นาจอมเทียน"


กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน การบอกเล่าด้วยวาจาก็ย่อมผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นของธรรมดา"หาดพระนางจอมเทียน" กลายเป็น "หาดนาจอมเทียน" และเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอสัตหีบ"วัดพระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่างอาราม" (บางคนว่าลงท้ายว่าอารมณ์) เหลือเพียง "วัดนาจอมเทียน" เช่นชื่อเดียวกับตำบล"เกาะเจ้า" สถานที่ฝังศพพระนางจอมเทียน มีคนรู้จักและชี้สถานที่ได้อยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลนาจอมเทียน"ทุ่งประหาร" กลายเป็น "ทุ่งละหาน""เกาะอีนง" สถานที่ฝังศพแม่นมหลังวัดนาจอมเทียนถูกปรับปรุงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยหมดแล้ว"เขาลับแล" มีคนเชื่อว่า คือ สถานที่เดียวกันกับบริเวณที่สร้างวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุงในปัจจุบันนี้และที่น่าสนใจมากคือ "บ่อปู" มีคนเคยขุดได้ไหโบราณ ๔ ใบ แต่ไม่มีทรัพย์สมบัติใด ๆ เหลืออยู่ในนั้นเลย นอกจากเปลือกหอย คนที่เป็นเจ้าของไห คงไม่ใช่คนที่เคยเกิดร่วมสมัยกับพระเจ้าเขมรินทร์เป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นมีคนเล่าให้ฟังอีกว่าได้เคยขุดพบถ้วยชามสมัยโบราณซึ่งเป็นเครื่องลายครามฝีมือชาวจีนชั้นดี เอาไปไว้บ้านญาติที่ต่างจังหวัด แต่ก็ต้องนำมาคืน เนื่องจากเกิดอาเพทหลายประการอ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะสรุปได้ว่า โบราณเขาสร้างตำนานหรือนิทานพื้นบ้านไว้เพื่ออะไร

 ตำนานพระนางจอมเทียน

               ตำนานเรื่องนี้เล่าต่อ ๆ กันมาด้วยวาจา แต่ก็เป็นที่มาของสถานที่ หลายแห่งในอำเภอสัตหีบ และพื้นที่ใกล้เคียง มีเรื่องเล่ากันสืบมาหลายชั่วอายุคนแล้วว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนครใหญ่กลางป่าริมทะเลแห่งหนึ่งชื่อว่า "อุทัยทอง" ซึ่งหมายถึง "รุ่งสว่าง" มีกษัตริย์ผู้มีพระปรีชาสามารถปกครองประชาราษฎร์ให้มีความสุขร่มเย็นดีเป็นผู้ครองนคร มีนามว่า "พระเจ้าเขมรินทร์" พระมเหสีมีนามว่า "อินทิรา" มีพระราชธิดาองค์เดียว มีนามว่า "พระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่าง" เพราะพระนางเป็นผู้ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามเปล่งปลั่งตั่งแต่เยาว์วัย และสดชื่นแจ่มใสดุจเปลวเทียน มีแม่นมเฝ้าดูปรนนิบัติอยู่คนหนึ่งชื่อ "อนงค์" มีราชองค์รักษ์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนป้องกันอันตราย ๗ คน ในนครอุทัยทองแห่งนี้มีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล เพราะมีพญาปูผู้มีฤทธิ์ มีกายเป็นสีครามอาศัยอยู่ในหนองน้ำอันศักดิ์สิทธิ์กลางมหานคร เป็นผู้ดูแลรักษา ชาวบ้านเรียกหนองน้ำนี้ว่า "บ่อปู" ทำให้มีเงินทองทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา จวบจนพระราชธิดามีพระชนมายุครบ ๑๙ พรรษา เป็นที่หมายปองหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ รวมทั้งผู้ที่ตกพุ่มม่ายเมียตายอย่างอำมาตย์เอกผู้มีปัญญาเฉียบไว อายุเพียง ๔๐ ปีเศษคนหนึ่งชื่อ "แก้ว" ในขณะเดียวกัน องครักษ์คนหนึ่งเป็นหนุ่มโสดรูปงามนามว่า "ราชัน" ปฎิบัติหน้าที่ในวังด้วยความเข้มแข็งจนเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์และพระนางจอมเทียนมาก จึงทำความไม่พอใจแก่อำมาตย์แก้วผู้หลงรักพระนางจอมเทียนมาก จึงคิดกำจัดองค์รักษ์ผู้นี้เสีย โดยให้บรรดาผู้ใกล้ชิดออกข่าวว่า องค์รักษ์ผู้นี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดฉันชู้สาวกับพระนางจอมเทียน เป็นที่เสื่อมเสียแก่บ้านเมืองทำให้พระนางจอมเทียนมีความกังวลพระทัยมาก จนต้องแนะนำให้องค์รักษ์ผู้นี้หนีออกจากเมืองไปอยู่ที่อื่นเสียเพื่อเรื่องราว ๆ จะได้จบลงวันเดินทางพระนางได้ถอดสร้อยและแหวนประจำพระองค์มอบให้องค์รักษ์เพื่อจักได้นำไปแลกเป็นเงินทองหรืออาหารระหว่างเดินทาง
แต่ด้วยความโชคร้ายของคนทั้งสอง พระเจ้าเขมรินทร์มาพบเข้าทรงพิโรธมาก เข้าพระทัยว่าข่าวลือเป็นจริง จึงสั่งให้นำองค์รักษ์ไปฆ่าเสียที่ "ทุ่งประหาร" แม้ว่าพระนางจอมเทียนและแม่นมจะพยายามทูลความจริงพระองค์ก็ไม่ฟัง ซ้ำยังสั่งให้นำแม่นมไปประหารด้วยอีกคนหนึ่ง ทำให้พระนางจอมเทียนเสียพระทัยมาก ที่เป็นต้นเหตุให้ผู้มีพระคุณต่อตนเองเสียชีวิตทั้ง 2 คน เพื่อทดแทนความสูญเสียนี้ พระนางจึงตัดสินพระทัยสังเวยชีวิตตนเองโดยการกระโดดลงไปใน "บ่อปู" จนจมน้ำสิ้นพระชนม์ ก่อนสังเวยชีวิตพระนางจอมเทียนได้ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดินว่า พระนางไม่เคยมีความคิดฉันชู้สาวกับองค์รักษ์ ด้วยสัจจะและความบริสุทธิ์ใจนี้ จงเป็นอานิสงฆ์ให้พระนาม "พระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่าง" จงสถิตย์อยู่คู่แผ่นดินตราบฟ้าดินสลาย เมื่อพระเจ้าเขมรินทร์มาพบเข้ามีความเสียพระทัยมาก จึงได้นำร่างของพระนางไปทำพิธีที่เกาะแห่งหนึ่ง ชื่อว่า "เกาะเจ้า" เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระราชธิดาสุดที่รักพระองค์จึงตั้งหาดริมทะเลใกล้กำแพงเมืองว่า "หาดพระนางจอมเทียน" และสร้างวัดเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้พระนาง มีชื่อว่า "วัดพระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่างอาราม" และนำสมบัติของพระองค์และของพระนางจอมเทียนไปทิ้งลงในบ่อปูและกลบฝังเสียพร้อมกับประกาศคำอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า หากผู้ใดที่เคยเกิดร่วมสมัยกับพระองค์ จะได้พบสมบัติในชาติหน้า แล้วพระองค์ได้ตัดสินพระทัยย้ายนครอุทัยทอง ไปตั้งเมืองใหม่ที่ "เขาลับแล" กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน การบอกเล่าด้วยวาจาก็ย่อมผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นของธรรมดา"หาดพระนางจอมเทียน" กลายเป็น "หาดนาจอมเทียน" และเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอสัตหีบ"วัดพระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่างอาราม" (บางคนว่าลงท้ายว่าอารมณ์) เหลือเพียง "วัดนาจอมเทียน" เช่นชื่อเดียวกับตำบล"เกาะเจ้า" สถานที่ฝังศพพระนางจอมเทียน มีคนรู้จักและชี้สถานที่ได้อยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลนาจอมเทียน"ทุ่งประหาร" กลายเป็น "ทุ่งละหาน""เกาะอีนง" สถานที่ฝังศพแม่นมหลังวัดนาจอมเทียนถูกปรับปรุงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยหมดแล้ว"เขาลับแล" มีคนเชื่อว่า คือ สถานที่เดียวกันกับบริเวณที่สร้างวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุงในปัจจุบันนี้และที่น่าสนใจมากคือ "บ่อปู" มีคนเคยขุดได้ไหโบราณ ๔ ใบ แต่ไม่มีทรัพย์สมบัติใด ๆ เหลืออยู่ในนั้นเลย นอกจากเปลือกหอย คนที่เป็นเจ้าของไห คงไม่ใช่คนที่เคยเกิดร่วมสมัยกับพระเจ้าเขมรินทร์เป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นมีคนเล่าให้ฟังอีกว่าได้เคยขุดพบถ้วยชามสมัยโบราณซึ่งเป็นเครื่องลายครามฝีมือชาวจีนชั้นดี เอาไปไว้บ้านญาติที่ต่างจังหวัด แต่ก็ต้องนำมาคืน เนื่องจากเกิดอาเพทหลายประการอ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะสรุปได้ว่า โบราณเขาสร้างตำนานหรือนิทานพื้นบ้านไว้เพื่ออะไร

 

 

หมายเลขบันทึก: 319017เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2009 05:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 00:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

หาดนาจอมเทียน อยู่ที่บ้านอำเภอ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี หาดยาวแสนสวยมีอาหารอร่อยๆ เชิญชวนมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ และแวะไปกราบพระเขาชีจรรย์ ชิมองุ่นหอมหวายอร่อยของอดีตนางเอกยอดนิยม สุพรรษา เนื่องภิรมย์

ก้อดีเพาะคูหัยหาอยู่พอดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท