ตำนานพระนางจอมเทียน
ตำนานเรื่องนี้เล่าต่อ ๆ กันมาด้วยวาจา แต่ก็เป็นที่มาของสถานที่
หลายแห่งในอำเภอสัตหีบ และพื้นที่ใกล้เคียง
มีเรื่องเล่ากันสืบมาหลายชั่วอายุคนแล้วว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีนครใหญ่กลางป่าริมทะเลแห่งหนึ่งชื่อว่า
"อุทัยทอง" ซึ่งหมายถึง
"รุ่งสว่าง"
มีกษัตริย์ผู้มีพระปรีชาสามารถปกครองประชาราษฎร์ให้มีความสุขร่มเย็นดีเป็นผู้ครองนคร
มีนามว่า "พระเจ้าเขมรินทร์"
พระมเหสีมีนามว่า "อินทิรา"
มีพระราชธิดาองค์เดียว มีนามว่า
"พระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่าง"
เพราะพระนางเป็นผู้ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามเปล่งปลั่งตั่งแต่เยาว์วัย
และสดชื่นแจ่มใสดุจเปลวเทียน มีแม่นมเฝ้าดูปรนนิบัติอยู่คนหนึ่งชื่อ
"อนงค์" มีราชองค์รักษ์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนป้องกันอันตราย ๗ คน
ในนครอุทัยทองแห่งนี้มีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล
เพราะมีพญาปูผู้มีฤทธิ์
มีกายเป็นสีครามอาศัยอยู่ในหนองน้ำอันศักดิ์สิทธิ์กลางมหานคร
เป็นผู้ดูแลรักษา ชาวบ้านเรียกหนองน้ำนี้ว่า
"บ่อปู"
ทำให้มีเงินทองทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง
ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา จวบจนพระราชธิดามีพระชนมายุครบ ๑๙ พรรษา
เป็นที่หมายปองหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่
รวมทั้งผู้ที่ตกพุ่มม่ายเมียตายอย่างอำมาตย์เอกผู้มีปัญญาเฉียบไว
อายุเพียง ๔๐ ปีเศษคนหนึ่งชื่อ
"แก้ว" ในขณะเดียวกัน
องครักษ์คนหนึ่งเป็นหนุ่มโสดรูปงามนามว่า
"ราชัน"
ปฎิบัติหน้าที่ในวังด้วยความเข้มแข็งจนเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์และพระนางจอมเทียนมาก
จึงทำความไม่พอใจแก่อำมาตย์แก้วผู้หลงรักพระนางจอมเทียนมาก
จึงคิดกำจัดองค์รักษ์ผู้นี้เสีย โดยให้บรรดาผู้ใกล้ชิดออกข่าวว่า
องค์รักษ์ผู้นี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดฉันชู้สาวกับพระนางจอมเทียน
เป็นที่เสื่อมเสียแก่บ้านเมืองทำให้พระนางจอมเทียนมีความกังวลพระทัยมาก
จนต้องแนะนำให้องค์รักษ์ผู้นี้หนีออกจากเมืองไปอยู่ที่อื่นเสียเพื่อเรื่องราว ๆ จะได้จบลงวันเดินทางพระนางได้ถอดสร้อยและแหวนประจำพระองค์มอบให้องค์รักษ์เพื่อจักได้นำไปแลกเป็นเงินทองหรืออาหารระหว่างเดินทาง
แต่ด้วยความโชคร้ายของคนทั้งสอง พระเจ้าเขมรินทร์มาพบเข้าทรงพิโรธมาก
เข้าพระทัยว่าข่าวลือเป็นจริง จึงสั่งให้นำองค์รักษ์ไปฆ่าเสียที่
"ทุ่งประหาร"
แม้ว่าพระนางจอมเทียนและแม่นมจะพยายามทูลความจริงพระองค์ก็ไม่ฟัง
ซ้ำยังสั่งให้นำแม่นมไปประหารด้วยอีกคนหนึ่ง
ทำให้พระนางจอมเทียนเสียพระทัยมาก
ที่เป็นต้นเหตุให้ผู้มีพระคุณต่อตนเองเสียชีวิตทั้ง 2 คน
เพื่อทดแทนความสูญเสียนี้
พระนางจึงตัดสินพระทัยสังเวยชีวิตตนเองโดยการกระโดดลงไปใน "บ่อปู"
จนจมน้ำสิ้นพระชนม์
ก่อนสังเวยชีวิตพระนางจอมเทียนได้ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดินว่า
พระนางไม่เคยมีความคิดฉันชู้สาวกับองค์รักษ์
ด้วยสัจจะและความบริสุทธิ์ใจนี้ จงเป็นอานิสงฆ์ให้พระนาม
"พระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่าง"
จงสถิตย์อยู่คู่แผ่นดินตราบฟ้าดินสลาย เมื่อพระเจ้าเขมรินทร์มาพบเข้ามีความเสียพระทัยมาก
จึงได้นำร่างของพระนางไปทำพิธีที่เกาะแห่งหนึ่ง ชื่อว่า
"เกาะเจ้า"
เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระราชธิดาสุดที่รักพระองค์จึงตั้งหาดริมทะเลใกล้กำแพงเมืองว่า
"หาดพระนางจอมเทียน"
และสร้างวัดเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้พระนาง มีชื่อว่า
"วัดพระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่างอาราม"
และนำสมบัติของพระองค์และของพระนางจอมเทียนไปทิ้งลงในบ่อปูและกลบฝังเสียพร้อมกับประกาศคำอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า
หากผู้ใดที่เคยเกิดร่วมสมัยกับพระองค์ จะได้พบสมบัติในชาติหน้า
แล้วพระองค์ได้ตัดสินพระทัยย้ายนครอุทัยทอง ไปตั้งเมืองใหม่ที่
"เขาลับแล"
กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน
การบอกเล่าด้วยวาจาก็ย่อมผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นของธรรมดา"หาดพระนางจอมเทียน"
กลายเป็น "หาดนาจอมเทียน"
และเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอสัตหีบ"วัดพระนางจอมเทียนพิกุลแก้วดาราสว่างอาราม"
(บางคนว่าลงท้ายว่าอารมณ์) เหลือเพียง
"วัดนาจอมเทียน"
เช่นชื่อเดียวกับตำบล"เกาะเจ้า"
สถานที่ฝังศพพระนางจอมเทียน มีคนรู้จักและชี้สถานที่ได้อยู่ที่หมู่ที่
๑ ตำบลนาจอมเทียน"ทุ่งประหาร"
กลายเป็น
"ทุ่งละหาน""เกาะอีนง"
สถานที่ฝังศพแม่นมหลังวัดนาจอมเทียนถูกปรับปรุงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยหมดแล้ว"เขาลับแล"
มีคนเชื่อว่า
คือ สถานที่เดียวกันกับบริเวณที่สร้างวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร
ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุงในปัจจุบันนี้และที่น่าสนใจมากคือ "บ่อปู"
มีคนเคยขุดได้ไหโบราณ ๔ ใบ แต่ไม่มีทรัพย์สมบัติใด ๆ
เหลืออยู่ในนั้นเลย นอกจากเปลือกหอย คนที่เป็นเจ้าของไห
คงไม่ใช่คนที่เคยเกิดร่วมสมัยกับพระเจ้าเขมรินทร์เป็นแน่
ยิ่งกว่านั้นมีคนเล่าให้ฟังอีกว่าได้เคยขุดพบถ้วยชามสมัยโบราณซึ่งเป็นเครื่องลายครามฝีมือชาวจีนชั้นดี
เอาไปไว้บ้านญาติที่ต่างจังหวัด แต่ก็ต้องนำมาคืน
เนื่องจากเกิดอาเพทหลายประการอ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อ
จนกว่าจะสรุปได้ว่า
โบราณเขาสร้างตำนานหรือนิทานพื้นบ้านไว้เพื่ออะไร
หาดนาจอมเทียน อยู่ที่บ้านอำเภอ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี หาดยาวแสนสวยมีอาหารอร่อยๆ เชิญชวนมาเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ และแวะไปกราบพระเขาชีจรรย์ ชิมองุ่นหอมหวายอร่อยของอดีตนางเอกยอดนิยม สุพรรษา เนื่องภิรมย์
ก้อดีเพาะคูหัยหาอยู่พอดี