ธุระไม่ใช่ เป็นนิทานพื้นบ้านประเภทคติสอนใจ ข้อมูลที่เก็บไว้ที่สถาบันทักษิณศึกษา ได้มาจากคำบอกเล่าของนายหมุน จุลนันโท อายุ 70 ปี บ้านเลขที่ 78/2 หมู่ที่ 1 ตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง เล่าเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2524 มีเนื้อความสรุปได้ ดังนี้
มีชาวนา 2 คน ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นเศรษฐี มีนาเป็นพัน ๆ ไร่ มีคนงานฝ่ายต่าง ๆ หลายฝ่ายช่วยทำนา เมื่อขายข้าวได้เศรษฐีก็เอาเงินมาจ้างคนงานเหล่านี้ อยู่มาปีหนึ่งรายได้จากการขายข้าวไม่พอที่จะจ้างคนงาน เศรษฐีเกิดสงสัยว่าพวกที่ขายข้าวคงยักยอกเงินไว้จึงเรียกมาถาม พวกขายข้าวก็ตอบว่าเพราะพวกนวดข้าวเขาส่งมาให้เท่านี้ เศรษฐีจึงไปถามพวกนวดข้าว พวกนวดข้าวก็ตอบว่าข้าวเก็บได้เท่าใดก็นวดเท่านั้น เศรษฐีจึงไปถามพวกเก็บข้าว พวกเก็บข้าวก็ตอบว่าดำนาได้เท่าใดก็เก็บเท่านั้น เศรษฐีจึงไปถามพวกดำนาว่าทำไมดำนาไม่หมดปล่อยให้ที่นาบางแห่งว่างเปล่าอยู่มาก พวกดำนาก็ตอบว่าเขาไถไว้เท่าใดก็ดำเท่านั้น เศรษฐีจึงไปถามไถนาว่าทำไมไถนาไม่หมด พวกไถนาตอบว่าเพราะวัวแต่ละตัวผอมมาก ไม่มีแรงที่จะไถได้หมด เศรษฐีจึงไปถามพวกเลี้ยงวัวก็ตอบว่าพวกเขาได้ตัดหญ้ามาให้วัวกินประจำ แต่วัวไม่ค่อยได้กิน พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
เศรษฐีจงเกิดความสงสัยจึงไปเฝ้าดูเวลาวัวกินหญ้า ก็เห็นสุนัขตัวโปรดของท่านลงไปนอนในรางหญ้า เมื่อวัวจะเข้าไปกินหญ้าสุนัขก็จะเห่าและขบกัดวัว ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเองไม่ได้กินหญ้านั้นเลย คนเลี้ยงวัวเองก็ไม่กล้าตีสุนัขตัวนั้นเพราะเป็นตัวโปรดของเศรษฐี เศรษฐีจึงได้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ขายข้าวได้น้อย จึงคิดว่าสุนัขตัวนี้ธุระเองก็ไม่ใช่ แต่ชอบไปยุ่งเรื่องคนอื่น เศรษฐีจึงไล่สุนัขตัวนั้นออกจากบ้าน การทำนา ขายข้าวจึงได้ผลเช่นเดิม
นิทานชาวบ้านเรื่องนี้มีลักษณะเด่นทั้งในด้านกลวิธีผูกเรื่อง ดำเนินเรื่อง และการแฝงคติสอนใจแก่ผู้ฟัง ในด้านวิธีผูกเรื่อง ได้เริ่มจากจุดที่เป็นปัญหาของเรื่องขึ้นมาก่อน คือการที่เศรษฐีขายข้าวได้เงินมาไม่พอจ้างคนงาน ซึ่งเป็นผลทำให้เศรษฐีต้องสืบสาวไปหาสาเหตุที่แท้จริง ในด้านคติสอนใจได้ชี้ให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นหัวหน้าหรือผู้นำที่สำคัญประการหนึ่งคือ “ความมีเหตุผล” ไม่วู่วามตัดสินใจอะไรตามอำเภอใจของตนเอง ถ้าสังคมเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็ย่อมเข้าใจกันได้ดี ย่อมนำศรีสง่างามมาสู่ผู้นำนั้น
ขอบคุณครับ ที่ได้มอบข้อคิดในการบริหารครับ
เห็นด้วยและขอขอบคุณค่ะ