เรื่องเล่า...ที่งดงามกับการดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วยหญิง


ใจของฉันสั่นระรัวเมื่อได้รู้ข่าว น้ำตาคลอเบ้าแทบจะไหลรินออกมาด้วยความเป็นห่วง ในใจได้แต่ภาวนา ขอให้คุณพระคุ้มครองน้องดาวให้ปลอดภัยและกลับมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ฉันจะได้ดูแลเธออีกครั้ง

....นี่ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าของการดูแลผู้ป่วยที่มีความพิการทางด้านร่างกายและทางด้านสติปัญญา...แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของทีมที่ทำให้กับผู้ป่วย..นี่แหละคือความประณีตงดงามที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของทั้งทีมที่ให้การดูแล ผู้ป่วยและญาติ

                                             “ สวยไม่สร่าง ”

                “ สวย..สวยจัง ”..คำชมจากปากผู้ป่วยที่คุ้นเคย ที่ได้ยินกันบ่อยๆ และเป็นคำชมที่ชื่นหัวใจที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา มันทำให้คนฟังอมยิ้มได้ตลอดเวลาเลยทีเดียว

                วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้ารีบแต่งตัวและเดินมาทำงานด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า  แทบหมดแรง สองขาฉันก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ในใจคิดอยากจะกลับไปนอนเอนกายที่เตียงนุ่มๆอีกสัก 2-3 ชม.คงจะดีกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงคือหน้าที่และความรับผิดชอบที่รออยู่ข้างหน้า

                หลังจากรับเวรเสร็จ พยาบาลทุกคนพากันเดินตรวจเยี่ยมคนไข้ตามเตียงต่างๆ สอบถามอาการในวันนี้ตามปกติ จนมาถึงเตียง 20 ภาพที่ปรากฏต่อสายตาทุกคนคือ เด็กสาววัย 21 ปี รูปร่างท้วมใหญ่ คอสั้น หน้ากลมๆหางตาชี้ขึ้น จมูกเล็กแบน มีใบหูต่ำกว่าระดับหางตา  เธอนั่งรอคุณหมออยู่บนเตียงผู้ป่วยที่มีไม้กั้นเตียงยกกั้นไว้สองข้าง เธอมีชื่อว่า น้องดาว (นามสมมุติ) เธอเป็นหนึ่งในผู้ป่วยของตึกผู้ป่วยในหญิงแห่งนี้ ข้างกายเธอมีผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างสมส่วนใส่เสื้อผ้าเก่าๆ มัดผมรวบไว้ด้านหลัง หน้าตาอิดโรยคล้ายคนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน นั่นคือพี่สาวผู้ดูแลน้องดาวประดุจลูกในไส้ น้องดาวยิ้มทักทายพยาบาลที่อยู่รายล้อมรอบเตียง เธอก้มหน้าด้วยความเขินอาย  “วันนี้เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะน้องดาว”..พยาบาลถาม “สวย..สวย”..นี่คือคำตอบจากปากของน้องดาว เธอยิ้มและเขินอาย จนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพยาบาลอีก พี่สาวของเธอจึงถามเธอว่า “ใครสวย” น้องดาวตอบด้วยความเขินอายว่า “หมอสวย” ทุกคนที่ได้ยินคำตอบของน้องดาวต่างก็ยิ้มแก้มแทบปริเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของคนไข้ที่มีความบกพร่องทางสมอง แต่มันก็เป็นคำพูดที่มีคุณค่าต่อจิตใจของคนที่ได้ยิน รวมไปถึงตัวของฉันเองด้วยเช่นกัน

                ช่วงบ่ายของวันนี้อากาศช่างร้อนระอุ เหงื่อไครไหลย้อยไปทั่วทั้งร่ายกาย  ถึงแม้จะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแต่มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับฤดูร้อนเลย มันทำให้การทำงานของวันนี้ช่างเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน ฉันเดินผ่านเตียงของน้องดาว เธอนั่งอยู่ที่เตียงผมเผ้ารุงรังคล้ายคนพึ่งตื่นนอน สายตาของเธอมองจ้องมาที่ฉัน พร้องกับส่งยิ้มหวานมาให้ จนทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปพูดคุยกับเธอ “ว่าไงจ๊ะน้องดาว..ตื่นแล้วหรอ ผมเผ้ารุงรังเชียว” น้องดาวไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มแล้วก้มหน้า “เดี๋ยวหมอถักเปียให้..เอาไหม?”..ฉันถาม น้องดาวพยักหน้ารับด้วยความยินดี ผมของเธอเส้นเล็กบางสีดำสนิท ฉันหวีผมที่พันกันยุ่งเหยิงอย่างเบามือ ผมของเธอยาวเกือบถึงกลางหลัง ฉันบรรจงถักเปียให้เธอด้วยความใส่ใจ “เสร็จแล้วจ้า..สวยไหม?” เธอเอามือน้อยๆ ของเธอลูบคลำผมเปียก่อนจะตอบฉันว่า “สวย..สวยจัง” แล้วก้มหน้ายิ้มแบบอายๆ อย่างเคย หลังจากได้ยินคำตอบของน้องดาว อาการที่ฉันเหนื่อยล้าจากการทำงานมันกลับเลือนหายไปจากใจจนหมดสิ้น รอยยิ้มของเธอทำให้โลกดูสดใสและสวยงามขึ้นมาจริงๆ กลับไปคงหลับฝันดีเป็นแน่

                เช้าวันต่อมาฉันยังต้องมาทำงานในเวรเช้าอีกครั้ง ฉันเดินผ่านเตียงของน้องดาวสายตาทอดมองไปหาเธอ เธอยังนอนห่มผ้าอยู่ที่เตียง อากาศเย็นสบายคงยังไม่ตื่นแน่

                ขณะที่นั่งรับเวรต่อจากเวรดึก เวรดึกส่งเวรตามปกติและปิดท้ายด้วยเตียง 20 ว่าถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลประจำจังกวัดเมื่อคืน เธอมีอาการหน้ามืดเป็นลมเหมือนเคย และหายใจหอบเหนื่อย แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ และส่งตัวไปประมาณ 00.30 น. มันเป็นข่าวร้ายที่สุดของวันนี้ที่ฉันได้รับ ฉันมองไปที่เตียง 20 ที่ที่เธอเคยนอน คนที่ฉันเห็นนอนห่มผ้าอยู่ไม่ใช่น้องดาว แต่เป็นคนไข้คนใหม่ที่พึ่งรับใหม่เข้ามาต่างหาก

                ใจของฉันสั่นระรัวเมื่อได้รู้ข่าว น้ำตาคลอเบ้าแทบจะไหลรินออกมาด้วยความเป็นห่วง ในใจได้แต่ภาวนา ขอให้คุณพระคุ้มครองน้องดาวให้ปลอดภัยและกลับมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ฉันจะได้ดูแลเธออีกครั้ง

                ถึงแม้ว่าน้องดาวจะเป็นลูกค้าประจำของทางโรงพยาบาล เธอจะมานอนรักษาตัวบ่อยครั้ง และแต่ละครั้งจะอยู่นานไม่น้อยกว่า 7 วัน ก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้เป็นภาระที่หนักมากนัก สำหรับการดูแลรักษาของทุกคนที่นี่ เด็กสาววัย 21 ปี ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความพิการที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เธอต้องเผชิญกับอาการของโรคหัวใจและมีอาการเป็นลมแล้ววูบหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งที่เธอมีอาการฉันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน ลมหายใจของเธอแผ่วเบาราวกับจะหยุดหายใจ ปลายมือปลายเท้าและริมฝีปากที่เขียวคล้ำไม่มีเลือดผ่านไปหล่อเลี้ยงเย็นยะเยือกเหมือนคนตาย ในวินาทีนั้นถ้าน้องดาวบอกทุกคนได้เธอคงอยากบอกว่าเธอทรมานแสนสาหัส บางครั้งเธอมีอาการอืดแน่นท้องจนต้องงดน้ำงดอาหารและฉันต้องใส่สายอาหารทางจมูกเพื่อระบายลมให้กับเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับฉันและตัวของน้องดาวเอง เธอดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บและร้องไห้ฟูมฟายจนทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันทำผิดกับเธอมาก ฉันสงสารน้องดาวเหลือเกิน เวลาที่เธอร้องไห้ดิ้นทุรนทุรายขณะที่สายอาหารแหย่ลงไปที่จมูกผ่านลำคอจนไปถึงกระเพราะอาหารมันช่างเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายเหลือเกินฉันรู้สึกเจ็บเหมือนถูกใส่สายอาหารไปกับเธอด้วย ฉันไม่อยากทำให้เธอเจ็บไม่อยากทำให้เธอร้องไห้ แต่นี่คือวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการอืดแน่นท้องให้เธอได้  จนทำให้เธองอนไม่ยอมพูดจากับฉันไปหลายวันเพราะทำให้เธอเจ็บและไม่ได้กินข้าว และความทุกข์ทรมานอีกอย่างคือการที่เธอต้องถูกสวนปัสสาวะอยู่ทุกวันตลอดมาเพราะเธอปัสสาวะออกเองไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอปวดปัสสาวะท้องน้อยของเธอจะโป่งตึง สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความไม่สุขสบายท่าทางที่กระสับกระส่ายไปมาแสดงให้รู้ว่าทรมานมากเพียงใด การสวนปัสสาวะให้เธอแม้จะบ่อยจนเกิดเป็นความเคยชินแต่มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่โดนใส่สายสวนเข้าไปในท่อปัสสาวะ บางครั้งฉันเห็นน้ำตาของน้องดาวไหลอาบสองแก้ม เสียงร้องไห้ที่สะอึกสะอื้น ทำให้แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะเป็นการพยาบาลที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้เธอแต่สิ่งที่นอกเหนือจากนั้นคือจิตใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอย่อท้อเลย เธอมีกำลังใจที่ดีจากครอบครัว โดยเฉพาะพี่สาวที่เปรียบเสมือนแม่แท้ๆ คอยดูแลไม่เคยห่าง

                “หนูอยากได้กระโปรงสีแดง” นี่คือความใฝ่ฝันของเด็กสาวคนนี้ แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ยากจน เธอจึงไม่มีโอกาสที่จะสวมใส่มัน

                อีก 1 วันต่อมา ขณะที่ฉันนั่งทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์พร้อมกับพี่ๆ พยาบาล มีหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาที่เคาน์เตอร์ ทุกคนหันไปมองที่หญิงสาวคนนั้น เธอแต่งชุดดำทั้งชุด หน้าตาอิดโรย นัยน์ตาเศร้าโศก ในมือถือถุงพลาสติกใสข้างในมีผ้าสีเขียวคล้ายชุดของคนไข้ เธอคือพี่สาวของน้องดาว “ฉันเอาชุดมาคืนคุณหมอคะ ชุดที่น้องดาวใส่ไปวันนั้น” “แล้วน้องดาวเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ”..พยาบาลถาม พี่สาวของน้องดาวทำหน้าเศร้าราวกับจะร้องไห้ก่อนจะบอกว่า “น้องดาวเสียแล้วค่ะหมอ..เมื่อเช้านี้เอง” หลังจากพูดจบพี่สาวของน้องดาวก็ยื่นถุงพลาสติกที่มีชุดคนไข้ให้แล้วรีบกลับไปเตรียมงานศพให้น้องสาว ฉันกับพยาบาลทุกคนคล้ายถูกมนต์สะกดกับคำพูดเมื่อสักครู่ ฉันรู้สึกเจ็บปวดดังถูกมีดมากรีดที่กลางหัวใจ ลมหายใจในตอนนี้มันช่างแผ่วเบาแทบจะหยุดนิ่งไปกับน้องดาว ร่ายกายฉันหมดเรียวแรงที่จะลุกจากเก้าอี้ ความรู้สึกที่สูญเสียมันช่างทุกข์ทรมานเสียจริง กว่าที่ฉันจะตั้งสติทำงานต่อได้ต้องใช้เวลาพักใหญ่

                วันนี้หดหู่อีกแล้ว..เศร้าจัง!! ทุกคนคงอยู่ในอารมณ์เดียวกับฉัน การสูญเสียคนที่เราทุกคนรักและผูกพันมานาน มันช่างเป็นเรื่องที่เลวร้ายเสียเหลือเกิน ในวันนี้คงไม่มีเรื่องราวเรื่องใดน่าสนใจเท่าเรื่องการจากไปของน้องดาว เราพูดคุยกันถึงความน่ารัก ความสดใสร่าเริงของเธอตลอดเวลาที่เธอมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล

                คนสวยในสายตาของน้องดาวอาจมีไม่กี่คนแต่น้องดาวจงรู้ไว้นะว่าน้องดาวสวยที่สุดในสายตาของทุกคน คนดีไม่จำเป็นต้องเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่จำเป็นต้องเกิดมามีร่างกายครบทั้ง 32 จิตใจคนต่างหากที่เป็นสิ่งบ่งชี้ ความสุขอยู่ที่ใจไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง รูปกายภายนอกเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น ถึงแม้ร่างกายภายนอกจะดูไม่น่ามอง อาการเจ็บป่วยรุมเร้าแทบขาดใจ แต่จิตใจที่สวยงามข้างในที่มีอยู่ในตัวของน้องดาวก็สามารถทำให้ทุกคนมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดเธอ

                แม้ในวันนี้น้องดาวจะจากโลกนี้ไปแล้ว เธอยังไม่มีโอกาสได้ใส่กระโปรงสีแดงตามที่ใฝ่ฝัน แต่ฉันเชื่อว่านับจากนี้ไปน้องดาวไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา ฉันและพยาบาลทุกคนในตึกยังจำภาพของน้องดาวได้ดี ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือแต่ชื่อให้พวกเราได้จดจำ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันรับรู้ได้ก็คือ การดูแลคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีร่างกายครบสมบูรณ์หรือคนพิการก็ไม่แตกต่างกัน แต่การดูแลด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ต่างหากที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า มันยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด

                                                                                                                       เขียนโดย..กุลธิดา  คงกล่อม

พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ

                                                                                                                                      รพร.นครไทย

หมายเลขบันทึก: 314391เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2009 13:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม 2012 13:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พี่เป็นกำลังใจให้นะ..น้องนุ่น ที่ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนกัน เขียนได้ดีมากนะ อ่านกี่รอบก็น้ำตาคลอตลอดเลย

รออ่านเรื่องที่สองต่อนะจ๊ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท